SHAZAM!
สรุป
หนังย่อยง่าย ขำๆ สไตล์ใหม่ของ DC ดูเพลินๆ ไม่มีตรงไหนทำให้ครียด แต่ก็แฝงไว้ด้วยเนื้อหาดราม่าครอบครัวที่ดี
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- หนังดูง่าย ไม่เครียด
- มีมุกหยอดแซวค่ายตัวเองตลอด
- บทดราม่าทำออกมาได้ดี
Cons
- ขาดฉากแอ็กชั่นวินาศสันตะโร
- ขยันยิงมุกเยอะ แต่ไม่ขำมาก
- บุคลิกร่างเด็กกับผู้ใหญ่ต่างกันมากดูไม่กลมกลืน
SHAZAM! ซูเปอร์แมนวัยเกรียน “เราทุกคนต่างมีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในตัวของเรา มันก็แค่ต้องใช้มนตร์วิเศษสักหน่อยเพื่อที่จะดึงมันออกมา” ในกรณีของ “บิลลี่ แบทสัน” นั้นดึงออกมาโดยการตะโกนคำว่า ชาแซม! แล้วจากนั้นเด็กกำพร้าวัย 14 ปีที่ต้องเอาตัวรอดในเมืองใหญ่ก็จะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยผู้ใหญ่ “ชาแซม” ซึ่งพลังพิเศษนี้ได้รับการสืบทอดมาจากพ่อมดชราคนหนึ่ง เขายังคงความเป็นเด็กน้อยด้วยหัวใจที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายดั่งพระเจ้า ชาแซมจะได้สนุกสนานไปกับตัวของเขาในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ ด้วยการทำในสิ่งที่วัยรุ่นคนไหน ๆ ก็อยากจะทำด้วยพลังพิเศษต่าง ๆ แค่สนุกไปกับพวกมัน!
ตัวอย่างหนัง SHAZAM! ชาแซม!
นิยามสั้นๆ ของชาแซมก็คือ “ซูเปอร์แมนวัยเกรียน” นี่เองแหละครับ ซึ่งก็เป็นการแตกย่อยซูเปอร์ฮีโร่ จากซูเปอร์แมนในอีกแนวทางหนึ่ง (ตัวละครชาแซมมาหลังซูเปอร์แมน 1 ปี อ้างอิงจากวิกิ) พลังที่มาของชาแซมใกล้เคียงซูเปอร์แมนแทบทุกอย่าง ยกเว้นไม่มีตาเลเซอร์ แต่ปล่อยสายฟ้าจากมือแทน (ซึ่งถูกเอาเป็นมุกล้อเลียนในหนัง มีขำนิดๆ) ด้วยสเกลพลังระดับนี้ หลายๆ คนอาจจะคาดหวังว่ามันต้องมีฉากแอ็กชั่นเว่อร์วัง แบบหนังซูเปอร์แมนที่ผ่านมา (Man of Steel สู้ทีแทบถล่มเมือง ถล่มโลก) อันนี้ขอแสดงความเสียใจด้วยว่าไม่มีอะไรขนาดนั้นครับ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ทุนต่ำที่สุดในจักรวาล DCEU (ราวๆ 80 ล้านเหรียญที่มีเผยออกมา ขนาด Green Lantern ที่มาก่อนหน้าทุนยังสูงถึง 200 ล้าน) สเกลหนังเลยถูกจำกัดไว้ค่อนข้างแคบมากๆ ไม่ได้มีโชว์ถล่มทลายอะไรสักเท่าไหร่เลย แต่หนังก็ไม่ได้ทำออกมาขี้เหร่ซะทีเดียว ยังถือได้ว่ามีการโชว์ของ โชว์แอ็กชั่น “มันส์เล็กๆ” สลับมาเรื่อยๆ และอีกเหตุผลคือชาแซมในภาคนี้พึ่งเริ่มหัดใช้พลัง และเป็นธีมหนังที่บังคับไม่ให้มีสเกลทำล้ายล้างจนเกินหน้าตาของหนัง ที่ต้องเป็นฮีโร่เกรียนๆ ขำๆ ช่วยเหลือชาวเมือง ไม่ใช่กลายเป็นตัวทำลายเมืองอย่างซูเปอร์แมนไป อันนี้เข้าใจได้ครับ แต่ก็รู้สึกเสียดายนิดๆ ว่าน่าจะมีปล่อยของมากกว่านี้อีกหน่อย ให้สมกับหนัง DC ที่ต้องมีฉากแอ็กชั่นเว่อร์ๆ ติดไว้ให้คนพูดถึงทุกเรื่องครับ
หนังวางบทตัวร้าย “ดร. แธดิอุส ซิวานา” ออกมาสูสีใกล้เคียงกับชาแซม บินได้ ร่างกายแข็งแกร่ง แต่แธดิอุสได้พลังมาจากบาปทั้ง 7 ที่เป็นปีศาจร้ายในอดีต (ความโลภ ความขี้เกียจ ความโกรธแค้น ความใคร่ ความตะกละ ความหยิ่ง ความริษยา) ซึ่งเป็นไอเดียที่เข้ากันมากกับโลกของชาแซมที่ได้พลังจากเวทย์มนต์เช่นกัน ในหนัง DC ตัวร้ายมักจะเด่นสูสีกับพระเอกเสมอ ซึ่งบทแธดิอุสก็ถือว่าเขียนมาได้ดีเลย หนังเปิดที่มาที่ไปจากวัยเด็กของเขาที่พบกับพ่อมดเหมือนชาแซม แต่ชีวิตกลับหักเหคนละเส้นทาง แล้ววนพาไปพบกับชาแซมในปัจจุบัน มีความอิจฉาริษยาในพลังที่ชาแซมได้มา ซึ่งแธดิอุสเป็นเหมือนกระจกสะท้อนไทม์ไลน์ชีวิตคนละด้านกับตัวเอก “บิลลี่ แบทสัน” ที่แม้ชีวิตวัยเด็กจะไม่อบอุ่นเหมือนกัน แต่แนวคิดจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตแตกต่างกันมาก ซึ่งส่งให้ธีม Coming of Age การเติบโตของบิลลี่ กับเหตุผลที่พ่อมดมอบพลังให้ก่อนสิ้นอายุขัย เป็นคำตอบที่ใช่ในเวลาต่อมา…
หนังเรื่องนี้อาจจะถูกมองว่าจุดขายคือ “ความเกรียน ความตลก” แต่ส่วนตัวจากที่ดูมาก็ไม่รู้สึกขนาดนั้น สังเกตุจากเสียงหัวเราะคนในโรงก็ไม่ได้ขำอะไรมากมายครับ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นมุกแป๊ก โดยส่วนใหญ่จะเป็นมุกล้อเลียนหนังในค่ายตัวเองมากกว่า (แบทแมนนี่โดนบ่อยสุด) แต่สิ่งที่โดดเด่นจริงๆ คือ “ส่วนของดราม่าในเรื่อง ที่มีผูกปมวัยเด็กให้ตัวเอกตามหาแม่ที่พลัดพรากไป และปฏิเสธการมีครอบครัวอุปถัมภ์มาตลอด” หนังเผยให้เห็นว่าบิลลี่เป็นเด็กมีปม ทำตัวแย่ๆ หลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขายึดถือเชื่อมาตลอดคือ “แม่ไม่ได้ทิ้งเขาไป เขาแค่พลัดหลงกับแม่เท่านั้น” และยังเก็บของเล่นที่แม่ให้ไว้กับตัวเสมอ (แธดิอุสตัวร้ายก็มีปมและมีของที่ระลึกฝังใจเช่นกัน) จากเส้นเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ดี มีน้ำตาซึม ทำเอาชาแซมกลายเป็นหนังดราม่าครอบครัวดีๆ ได้อีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ซึ่งสุดท้ายบิลลี่จะได้คำตอบ และส่งผลให้เส้นเรื่องนี้ ปลดผนึกสัมพันธ์กับความลับพลังของ “พ่อมดชาแซม” ในช่วงไคลแม็กซ์อีกด้วย เป็นการวางแนวทางหนังที่แตกต่าง ลงตัว และน่าติดตามในภาคต่อไปมากๆ
ในช่วงท้ายเราจะได้พบกับครอบครัวชาแซม ที่ถูกวางบทไว้ตามการ์ตูนว่าชาแซมไม่ได้มีแค่หนึ่งเดียว แต่มาเป็นทีม!
ตัวเอก “บิลลี่ แบทสัน” (แอชเชอร์ แองเจล) กับชาแซม (แซ็คคารี่ เลวี่) จะมีบทสลับไปมาตลอดเวลา แต่กลับดูไม่ค่อยรู้สึกกลมกลืนกันนัก ช่วงชาแซมดูล้นๆ เกรียนๆ ชอบพบปะผู้คนเกินกว่าตอนเป็นบิลลี่ ที่มีบุคลิกเงียบๆ สันโดษ ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นบุคลิกที่วางไว้ตั้งแต่ในการ์ตูนหรือเปล่า ที่ว่าเมื่อเป็นชาแซมจะปลดปล่อยความเกรียนขึ้นมาทันทีแบบนี้ครับ
สำหรับคนต้องการหนังย่อยง่าย เบาๆ พักสมอง SHAZAM! ตอบโจทย์ข้อนี้ได้เลยครับ แต่สำหรับแฟนๆ DC โทนจริงจัง อาจจะรู้สึกผิดหวังกับการที่หนังลดความรุนแรง สเกลแอ็กชั่นบ้าพลังลงไปเยอะมาก แม้ว่าฉากเปิดพลังตัวร้ายแธดิอุสครั้งแรก จะทำออกมาดูโหด รุนแรง น่ากลัวกับบาปทั้ง 7 ตัวที่แธดิอุสปล่อยออกมา แต่พอถึงเวลาตอนพบกับชาแซม สิ่งเหล่านี้กลับหายไปหมด แถมโดนลดทอนลงมาให้เป็นหนังเด็กดูใสๆ ไปเลย แอบผิดหวังพอสมควรเหมือนกันครับ
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงในจักรวาล DCEU ที่ถือว่าทำออกมาได้ดี ลงตัว ทำให้เห็นว่าหนังของ DC เริ่มยืนได้ด้วยตัวเองทีละก้าวๆ มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ และก็ยังเป็นจักรวาลเดียวกันกับเรื่องอื่นอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Wonder Woman กับ Aquaman สร้างไว้ได้ดี จนตอนนี้ชาแซมก็ทำให้คนดูมั่นใจอีกครั้งเช่นกันครับ
ปล.หนังมีเอนด์เครดิต 2 ช่วง อันแรกเกี่ยวกับภาคต่อไปของชาแซม ส่วนอีกอันอยู่ท้ายเกือบสุดของเครดิต เป็นมุกล้อเลียนค่ายเดียวกัน ซึ่งมีมาให้ดูในตัวอย่างแล้ว (กดดูจากวิดีโอด้านล่างได้เลย ตอนท้ายครับ)