playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

[รีวิว] Concrete Cowboy (Netflix)หนังคัมมิ่งออฟเอจ สไตล์คาวบอยผิวสี

Concrete Cowboy

สรุป

หนังแนวคัมมิ่งออฟเอจอีกเรื่องที่มีสุขปนขม เรื่องราวของเหล่าคาวบอยถังแตกที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มาพร้อมความข่มขื่นที่ไม่อาจเลี่ยงได้ หนังอาจจะไม่ได้ความบรรเทิงได้ดีมาก แต่มอบเรื่องราวของคาวบอยที่พยายามจะหาความสุขในชีวิตของพวกเขา

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การนำเสนอชีวิตของคาวบอยที่มีทั้งรสหวานและขมเวลาเดียวกัน
  • การนำนักขี่ม้าตัวจริงมาแสดงเป็นตัวละครหลักเกือบทั้งหมด และแสดงได้ดีมาก
  • การจัดลำดับภาพที่ลื่นไหล และมีความหมายแฝงภายในภาพ

Cons

  • เพลงประกอบบางเพลงไม่ค่อยกับสถานการณ์ตอนนั้น
  • เป็นเรื่องที่การเดินเรื่องเป็นแบบเบา ๆ ทั้งเรื่อง ไม่มีฉากพีคภายในเรื่องเลย
  • ดราม่าไม่สุด เหมือนใส่ประเด็นเยอะจนเกินไปจนเล่าได้ไม่อินเท่าไหร่

ADBRO

Concrete Cowboy คอนกรีต คาวบอย หนังเรื่องใหม่ของ Netflix ที่จะพาเราไปเห็นชีวิตคาวบอยในตรอกถนนเล็กๆ และเส้นทางการเติบโตเพื่อเป็นคาวบอยของ โคล ชายผิวสี ที่ถูกส่งมาที่ตรอกคาวบอยแห่งนี้ นี้เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องของเน็ตฟลิกซ์ที่มีแต่นักแสดงผิวสี แสดงเกือบทั้งหมด และยังมีนักแสดงหลักตัวท็อปสองคนที่มาแสดงให้กับหนังเรื่องนี้อีกด้วย การนำเสนอคาวบอยในยุคปัจจุบันจะทำได้ดีขนาดไหน ลองมาชมตัวอย่างกันได้

 Concrete Cowboy (2020) on IMDb

รับชมตัวอย่าง Concrete Cowboy คอนกรีต คาวบอย

โคล หนุ่มน้อยที่โดนไล่ออกจากโรงเรียนมานับไม่ถ้วน จนทำให้แม่ของเขาหมดความหวังที่จะเลี้ยงดูเขา จึงได้ทำการส่งโคลไปหาพ่อของเขาที่ตรอกคาวบอย ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย ย่านคนผิวสี เมื่อโคลไปถึงเขาก็ออกจากบ้านไปทันที เพราะเขาเกลียดพ่อเอามากๆ จึงได้หนีไปอยู่กับ สมูซ พี่ชายในสมัยเด็กของเขาที่อยู่ระแวกนั้น จนทำให้เขาต้องไปผัวพันกับยาเสพติดเข้า เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและเขาที่ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ และการพัวพันยาเสพติดจะทำให้เขามีชีวิตเป็นอย่างไรกัน?

การเล่าเรื่องนี้จะพาคุณค่อย ๆ พาไปรู้จักพื้นเพของตัวละคร ผ่านตัวละครอย่าง โคล ที่มีพื้นฐานเป็นเด็กก้าวร้าว ถูกย้ายโรงเรียนมาหลายที่จนต้องถูกไล่ออก ทางเดียวที่แม่ของเขามี คือการที่เธอต้องส่งลูกของเธอไปหาพ่อของเขา นี่จึงเป็นหนัง Coming of Age ที่จะพาเราไปเห็นการเติบโตของ โคล ที่จะต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ก่อนที่เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าตอนแรก ก็จะไปไม่รอดแล้ว เมื่อ โคล ทะเลาะกับพ่อของเขาหนักมาก จึงทำให้เขาหนี เข้าไปพัวพันกับแก๊งยาเสพติดที่มีพี่ชายในสมัยเด็กของเขาเป็นสมาชิกด้วย นั้นจึงทำให้เขาเกรงใจพี่เป็นอย่างมาก ช่วงแรกจึงดูมีแต่ปัญหาเต็มไปหมด แต่พอไปถึงกลางเรื่อง แท้จริงแล้ว เขาแค่ต้องการดูแลเอาใจใส่เพียงเท่านั้น การที่เขาเปิดใจต่อพ่อของเขา มันทำให้เขาเริ่มเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคาวบอยมากขึ้น แต่ปัญหาอาจจะไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้อย่างเดียวเท่านั้น เมื่อชีวิตของเหล่าคาวบอยที่ค่าแรงของพวกเขายังไม่พอกินสำหรับพวกเขาเลย ทำให้ต้องโดนเจ้าของที่ต้องมาบีบให้ไล่ออก ทำให้มันสะท้อนให้เห็นถึงสังคมได้อย่างชัดเจน ของโลกทุนนิยมในปัจจุบัน ในเมื่อ คาวบอยเหล่านี้ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จึงต้องไล่ที่ออกเท่านั้น จึงทำให้โคลต้องเลือกสิ่งที่เขากำลังจะทำ ว่าสิ่งนั้นถูกต้องหรือไม่? และท้ายเรื่องเป็นสิ่งที่พีคสุดภายในเรื่องเมื่อปมทุกอย่างจะถูกแก้ในบทนี้ การเป็นคาวบอยมันหมายความว่าอย่างไร? เราพอใจกับสิ่งที่เรามีหรือไม่? เราจะได้รับคำตอบของตัวละครในช่วงนี้ และถึงแม้ตอนจบ จะไม่ได้จบแบบแฮปปี้มากนัก แต่พวกเขาก็เลือกที่จะมูฟออนไปข้างหน้าต่อไป ตราบที่ยังมีครอบครัวอยู่..

นักแสดงภายในเรื่องเกือบทั้งหมดเป็นนักขี่ม้ามืออาชีพ

มนต์สเน่ห์ของเรื่องนี้คงต้องยกให้การเล่าเรื่องที่เรียบง่ายตลอดทั้งเรื่อง แต่ยังมีความน่าสนใจจนตลอดจบเรื่องได้ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีจุดพีคความสนุกเลย เนื้อหาที่ไปไม่สุดสักทาง ปมตัวละครเยอะมากจนต้องใช้เวลาเคลียร์ภายในไม่กี่นาที แต่มันกลับทำให้ผู้ชมสามารถรับรสหวานปนขมได้อย่างลงตัว ชีวิตในตรอกของเหล่าคาวบอยผู้ไม่สนโลก ให้กลิ่นอายหนังคาวบอยที่อยู่ธีมยุคปัจจุบัน

การแสดง เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับหลายตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และนักแสดงเรื่องนี้ถือว่าเป็นอะไรที่พีคที่สุดในเรื่องแล้วก็ว่าได้ตั้งแต่ Caleb McLaughlin นักแสดงจาก Stranger Things! (Lucas) และ Idris Elba จากเรื่อง ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า(ผู้คุมประตูไบฟอร์ซ) มาร่วมเล่นด้วย ยังมีนักแสดงส่วนใหญ่ทั้งหมดเป็นคนผิวสีเกือบทั้งหมด และยังไม่พอเพียงแค่นั้น พวกเขายังเป็นนักขึ่ม้ามืออาชีพจริงๆ จากสมาคม Fletcher Street Club ด้วย ซึ่งเป็นคลับสำหรับผู้ชื่นชอบการเป็นคาวบอย และอยากมีปฎิสัมพันธ์กับม้า แบบจริงๆจังๆนั้นเอง ซึ่งจะเรียกแบบง่ายๆเลยก็คือ คาวบอย นั้นเอง จึงทำให้เหล่านักแสดงเรื่องนี้จึงแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะดูเหมือนว่านี้จะเป็นตัวตนของพวกเขาเหมือนกัน ซึ่งสถานที่ก่อตั้งก็มาจากสถานที่ภายในเรื่องด้วย ที่มีชื่อว่า Philadelphia โดยอยู่ทางตอนเหนือของเมือง แต่ปัจจุบันเมืองฟิลาเดลเฟียได้กำลังก่อสร้างพื้นที่บนถนนของ Fletcher Street Club จึงทำให้พวกเขาต้องออกเดินทางเพื่อหาที่พักพิงใหม่สำหรับพวกเขา

เสียงพากย์/บรรยาย: เสียง อังกฤษ

บรรยาย: ไทย

ระยะเวลา 1 ชม. 50 นาที

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!