[รีวิว] Dorohedoro (Netflix) สาปพันธุ์อสูร อนิเมะไล่ฆ่าเลือดสาดสุดมันส์
Dorohedoro
สรุป
เป็นอนิเมชั่นคุณภาพดีอีกเรื่องในปีนี้ ที่มีหลากหลายรสชาติให้ลิ้มลองกันพร้อมด้วยความเถื่อนดิบฆ่าไม่เลือก เป็นอีกเรื่องที่พล็อตไม่ค่อยจำเจ และไม่ได้เจอแบบนี้บ่อยด้วย
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องน่าติดตาม
- การเล่าเรื่องที่น่าสนใจ
- มีความดิบเถื่อนไม่สนใจใคร
- มีเสียงพากย์ไทย
Cons
- การเคลื่อนไหวของอนิเมชั่นไม่ลื่นไหล
- อาจจะมีจุดที่หาวได้บ้างในบางฉาก
สำหรับใครที่อยากหาอนิเมะแนวใหม่ ๆ ดู ที่มีสไตล์และเนื้อเรื่องไม่ซ้ำจำเจเหมือนใครสำหรับในปีนี้ เราจึงขอแนะนำเรื่อง Dorohedoro หรือชื่อไทย สาปพันธุ์อสูร เป็นอนิเมะ Netflix ดัดแปลงมาจากมังงะที่เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1999 ที่มีเนื้อหาที่ออกไปเป็นธีมแนวมาเฟีย ไล่ฆ่ากันเลือดสาด และเนื้อหาตลกแทรกภายในเรื่องบ้าง โดยได้สตูดิโอดังอย่าง Mappa ที่มีผลงานเด่นจากเรื่อง โครตคนเซียนโรงเรียนพนัน และ Dororo มาทำเรื่องนี้อีกด้วย จึงรับประกันคุณภาพได้ระดับหนึ่ง ถ้าใครชอบแนวนี้ต้องลองมารับชมเรื่องนี้เลย
เรื่องย่อ
Dorohedoro จะพาผู้ชมเข้าไปรู้จักกับโลกที่มีชื่อว่า “โฮล” เป็นสถานที่ที่เหล่าผู้ใช้เวทต่างเข้ามาเพื่อฝึกซ้อมการใช้มนตราใส่คนธรรมดาในโลกนี้ โดยสาปร่างกายบางส่วนให้เป็นตัวประหลาด และไม่สามารถที่จะกลับไปเหมือนเดิมได้ ถ้าไม่ฆ่าหรือให้ผู้ใช้เวทคนนั้นคลายมนต์ออก นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตัวเอกที่ตื่นมาขึ้นกับความทรงจำที่หายไปพร้อมด้วยหัวกิ้งก่า เขาจึงต้องออกตามล่าเหล่าผู้ใช้เวทที่เข้ามาในโลก “โฮล” แห่งนี้เพื่อหาทางที่เขาจะได้ความทรงจำกลับคืนมา และล้างคำสาปหัวกิ้งก่าที่ติดอยู่บนหัวเขาออกให้ได้ สามารถคลิกเพื่อรับชมผ่าน Netflix ได้ที่นี้
ตัวอย่าง Dorohedoro สาปพันธุ์อสูร Netflix
แนะนำตัวละคร
ไคมัน (Kaiman VA : Wataru Takagi) ชายลึกลับที่ความทรงจำของเขาหายไป พร้อมด้วยคำสาปหัวกิ้งก่าที่ได้รับจากผู้ใช้เวทลึกลับ เขาจึงต้องออกตาหาคนที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้ ไคมัน เป็นชื่อที่ได้รับการตั้งชื่อมาจาก นิไคโด สาวเพื่อนสนิทของเขา ฝีมือการต่อสู้ของ ไคมัน ถือว่าเก่งมากทั้งด้านพละกำลังและเทคนิคการต่อสู้โดยเฉพาะมีดสั้น เพื่อที่จะล่มนักเวทที่มีลูกเล่นแพรวพราวเยอะ ของกินที่ชอบของเขาคือ เกี๊ยวซ่าฝีมือของ นิไคโด
นิไคโด (Nikaido VA : Reina Kondō) เพื่อนสนิทของ ไคมัน เป็นหญิงสาวที่เปิดร้านอาหารที่มีชื่อว่า “ฮังกรี้ บัค” อยู่แถวชานเมืองใน โฮล นิไคโด เป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง ชอบทำอาหาร มีฝีมือการต่อสู้ที่เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าไคมันเลย เธอมีพละกำลังที่มากมาย สามารถชกคนทั่วไปตาหลุดกระเด็นไปได้เลย และเธอเองก็ยังมีความลับที่บอกใครไม่ได้เช่นกัน
ชิน (Shin VA : Yoshimasa Hosoya) ชินเป็น “นักเก็บกวาด” อยู่ภายใต้สังกัดของ เอ็น ในวัยเด็กของชินนั้นเขาก็อาศัยอยู่ภายใน โฮล แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างจึงทำให้เขาต้องมาอยู่โลกของนักเวท ชินเป็นคนที่มีพละกำลังกายสูง และถนัดการต่อสู้ระยะประชิดที่เหล่านักเวทไม่ถนัดสู้ด้วย เขาจึงเป็นนักเก็บกวาดฝีมือชั้นยอดขององค์กร และชินก็เป็นอีกคนที่เป็นนักกินสายจุ เขาชอบท้าแข่งกินกับ โนอิ เป็นประจำ
โนอิ (Noi VA : Yū Kobayashi) โนอิเป็นคู่หูชิน อยู่ในหน่วยนักเก็บกวาดของ เอ็น เช่นกัน เธอมีพลังเวทที่สามารถรักษาร่างกายของคนได้ และยังมีพละกำลังที่เหนือคนทั่วไป โดยนิสัยทั่วไป เธอชอบที่จะหาคู่ต่อสู้อยู่เป็นประจำ นั้นจึงทำให้ร่างกายของเธอแข็งแกร่งมาก
รีวิว Dorohedoro สาปพันธุ์อสูร
เป็นอนิเมะที่มีสเน่ห์เป็นอย่างมากภายในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นธีมของโลก”โฮล”ที่ออกแนวพังค์ ไม่มีกฏเกณฑ์ใด ๆ เป็นเหมือนแหล่งของเสียที่มีแต่ปัญหาวุ่นวายเต็มไปหมด ในขณะที่โลกของเหล่านักเวทกลับมีระบบระเบียบที่ค่อนข้างชัดเจนต่างจาก โฮล เป็นอย่างมาก มันจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับธีมของเรื่องนี้ การที่มันค่อย ๆ ออกมานำเสนอในแต่ละตอนมันทำให้เรื่องนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น ความรู้สึกหลักที่ดูครบ 12 นั้น มันเหมือนพึ่งจะเริ่มต้นเนื้อเรื่องจริง ๆ ของมันเอง เหมือนซีซั่นนี้อนิเมะเรื่องนี้พยายามที่จะให้ผู้ชมได้สัมผัสกับโลกในเรื่องนี้ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักจริง ๆ และเมื่อเทียบตอนจบของอนิเมะก็จะไปตรงกับตอนที่ 41 ของเนื้อหาในมังงะประมาณครึ่งเล่มของเล่มที่ 7
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้คือเหล่านักเวท เรื่องนี้มีการดีไซน์พลังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนจะมีพลังเฉพาะเป็นของตนเอง และพลังเหล่านี้ก็ยังเวอร์ด้วยในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะมีการชุบชีวิต สร้างเห็ด เสกไก่ ย้อนเวลา พลังในเรื่องนี้เรียกได้เลยว่ามันไม่สมดุลสุด ๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะใช้ได้ตลอดเวลา ในเรื่องนี้ยังมีพวกข้อจำกัดของพวกนักเวท ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขานั้นไม่ได้ไร้เทียมทานไปซะทีเดียว
สำหรับด้านงานศิลป์ การนำเสนอด้านภาพของเรื่องนี้จะเน้นไปที่การผสมผสานของ CG และการวาดสองมิติ โดยในฉากส่วนใหญ่ที่มีการเคลื่อนไหวที่เยอะทางอนิเมเตอร์เลือกที่จะใช้ CG เป็นหลักเพราะจะได้ประหยัดงบ ในขณะที่ภาพโฟกัสไปที่ตัวละครใดตัวหนึ่งหรือ Close-up ก็จะใช้การวาดแทนเพื่อแสดงสีหน้าได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็นการประยุกต์เทคนิคได้อย่างดีมาก แต่ CG การเคลื่อนไหวของเรื่องนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างแย่พอตัวเลยเมื่อเทียบกับ CG เรื่องอื่นที่ยังพอมีความสมูทอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้กลับไม่เห็นถึงความสมูทในการเคลื่อนที่เลย นี้จึงเป็นข้อเสียใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
พากย์ไทยหรือพากย์ญี่ปุ่นดี?
สำหรับหลายคนที่อยากจะรู้ว่าพากย์ไทยดีรึเปล่า? หลังจากที่ได้ลองฟังเสียงดูก็พบว่าทาง Netflix เลือกที่จะใช้ทีมงานพากย์อนิเมะชุดเดิมจากเรื่องก่อน ๆ เช่น Drifting Dragons, The willoughys เป็นหลักเลย เลยมั่นใจได้เลยว่าคุณภาพการพากย์เรื่องนี้ก็ดีเช่นกัน แต่การใช้ทีมงานชุดเดิมหลายต่อหลายครั้ง ทำให้พากย์ไทยในเรื่องเราอาจจะรู้สึกว่าเสียงมันซ้ำติดมาจากเรื่องอื่นกันบ้าง หลายคนที่ดูอาจจะรู้สึกไม่ชอบหรือเบื่อได้ ถึงแม้พากย์จะคุณภาพดีมากแค่ไหนก็ตาม ส่วนพากย์ญี่ปุ่นก็คุณภาพเต็มที่เหมือนเคย อย่างคนพากย์ไคมัน ก็เคยพากย์ โอคุยาซึ จาก Jojo Part 4 และอีกหลายคนก็มีประสบการณ์โชคโชนพากย์มาไม่ต่ำกว่า 10 เรื่องทั้งนั้น ยกเว้นคนพากย์ นิโคได คุณ Reina Kondō ที่ผลงานอาจจะไม่ได้เยอะซักเท่าไหร่ ที่ผ่านมามีแต่เพียงบทตัวประกอบเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณภาพการพากย์ของเธอที่ฝากไว้กับเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีเป็นอย่างมาก
ข้อมูลสำหรับคนที่อยากหามังงะมาอ่าน
สำหรับ Dorohedoro ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็น Original Netflix ที่ดัดแปลงมาจากมังงะที่ตีพิมพ์ในปี 1999 เลยทีเดียว โดยเรื่องนี้ฉบับมังงะได้จบลงไปแล้วในปี 2018 ด้วยจำนวนเล่มที่ออกมาทั้งหมด 23 เล่ม ส่วนในไทยเรามีลิขสิทธิ์อยู่ที่ TMCX ออกมาได้ 13 เล่มแล้วตั้งแต่ปี 2015 ช่างน่าเสียดายที่ค่ายหนังสือ TMCX ได้ปิดตัวลงไปแล้วในปี 2016 จากเพจเฟซบุ๊กที่ไม่ได้อัพเดตอะไรเลยมากว่า 4 ปีแล้ว และไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับค่ายพิมพ์นี้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาซื้อเรื่องนี้มือ 1 ได้ เป็นอีกเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่งที่เราจะไม่ได้เห็นแปลไทยต่อจากนี้ไปอีก ส่วนสำหรับซีซั่น 2 ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลการประกาศทำต่อใด ๆ ถ้ามีข้อมูลมาใหม่เราจะมาอัพเดตให้ผู้อ่านได้รับรู้กัน