[รีวิว] High-Rise invasion หน้ากากเดนนรก อนิเมะเอาชีวิตรอดบนตึกเสียดฟ้า
High-Rise invasion หน้ากากเดนนรก
สรุป
อนิเมะเอาชีวิตรอดที่สนุกอีกเรื่อง ด้วยความเวอร์ของตัวละคร ที่มีพลังไม่เหมือนกันในแต่ละคน ทำให้ฉากต่อสู้ทำออกมาได้สนุก มีการจิ้นตัวละครเยอะมากภายในเรื่อง และการทำฉากเลิฟคอมเมดี้ที่เผลอ ๆ ดีกว่าฉากแอ็กชั่นอีก!!
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- คาแร็กเตอร์ตัวละครแต่คนสวยเท่มาก
- คู่จิ้นแต่ละคนน่าอวยสุดๆ
- ทำฉากเลิฟคอมมาให้ฟินเยอะมาก
- ฉากช่วงท้ายทำออกมาค่อนข้างดี
- พลังตัวละครช่วงหลัง ๆ จะเวอร์มากขึ้น
Cons
- การเล่าเนื้อเรื่องช่วงแรกที่เร็วและตัดทอนเนื้อหาเยอะเกินไป
- บางฉากที่ควรจริงจังแต่กลับมีติดตลก
- การวาดสีหน้าตัวละครในบางฉากไม่เข้ากับบรรยากาศในตอนนั้น
High-Rise invasion หรือชื่อไทย หน้ากากเดนนรก (มังงะลิขสิทธิ์โดย Luckpim) มังงะเอาชีวิตรอดบนเว็บ Manga box สุดดัง สู่อนิเมะเน็ตฟลิกซ์ออริจินัล เรื่องราวของ ฮอนโจ ยูริ ที่ได้ตื่นขึ้นมาบนตึกเสียดฟ้าล้อมรอบตัวเธอนับไม่ถ้วน และมีสะพานเชื่อมตามเหล่าตึกเหล่านี้ไว้ กฎการเอาชีวิตรอดนี้โลกนี้มีเพียงแค่สองสิ่งเท่านั้นคือ ฆ่าคนอื่น หรือจะโดนคนอื่นฆ่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นอนิเมะ Netflix Original เรื่องแรกของปีที่ฉายพร้อมกันทั่วโลก โดยที่ยังไม่ฉายภายในญี่ปุ่นก่อน นอกจากนี้หน้ากากเดนนรกยังมีพากย์ไทยสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านซับไทยด้วย
รับชมตัวอย่าง High-Rise invasion (หน้าการแดนนรก)
เรื่องย่อกล่าวถึง ฮอนโจ ยูริ ที่ตื่นขึ้นมาในดาดฟ้าแห่งหนึ่ง พร้อมพบว่าตัวเธอนั้นกำลังถูกไล่ล่าโดยชายผู้สวมหน้ากากอยู่ พวกเขาไม่แม้แต่จะคุยหรือแสดงความปราณีใดๆ ต่อตัวเธอเลย ราวกับว่าโดนควบคุมอยู่ นั้นจึงทำให้เธอต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากสถานที่แห่งนี้ และพร้อมหาวิธีไปยังพี่ชายของเธอที่ได้มาสถานที่เดียวกันกับเธอนั้นให้ได้ แต่ระหว่างทางเธอกลับพบว่าที่นี้คือสถานที่ไว้สำหรับหา “ผู้ใกล้เคียงพระเจ้า” แล้วสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่!? ทำไมเหล่าคนสวมหน้ากากถึงไม่โจมตีพวกเขาเหล่านั้นกัน?
การเล่าเรื่องในช่วงแรกของเรื่องนี้ เรียกได้ว่ามีความเร่งรีบเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับตัวมังงะต้นฉบับ ทั้งในระดับรายละเอียดปลีกย่อยและหลัก ทางอนิเมะเลือกที่จะตัดบางสิ่งออกไป และเสริมบางสิ่งเข้ามาแทนเพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ช่างน่าเสียดายที่มังงะสามารถเก็บรายละเอียดเริ่มต้นได้ดีกว่าอย่างมาก อย่างในอนิเมะเมื่อ ยูริ ตื่นขึ้น เธอโทรไปหาพี่ชายของเธอทันที่เพื่อจะสอบถามเรื่องราวทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้ พร้อมได้รับคำแนะนำที่จะทำให้เธอสามารถรอดจากสถานการณ์แบบนี้ได้ แต่ในขณะที่มังงะจะมีชั้นเชิงมากกว่านั้น ฉากแรก ยูริ จะถูกไล่ล่าโดยชายสวมหน้ากากตั้งแต่หน้าแรก และพยายามหนีมาติดต่อพี่ชายเธอผ่านโทรศัพท์ แต่ก็ยังไม่คุยจบดีเธอก็โดนชายสวมหน้ากากไล่ตามทันเสียแล้ว และพังโทรศัพท์เธอทิ้ง จึงทำให้เธอต้องเรียนรู้โลกใบนี้ผ่านประสบการณ์เอง ซึ่งตัวอนิเมะเองจะเล่าให้จบภายใน 2-3 นาทีเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันกระชับรวดเร็วเกินไป ทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมต่อตัวละครมากเท่าไหร่ เมื่อปัญหามันจบลงเร็วและง่ายเกินไป
พอดูหลังดูจบไปหนึ่งตอนจะพบว่าเนื้อหาตัดทอนส่วนสำคัญไปเยอะมากจนทำให้ 1 ตอนอนิเมะ เท่ากับมังงะประมาณ 20 กว่าตอนเลยก็ว่าได้ จนทำให้ผู้ชมที่ไม่เคยดูมาก่อนรู้สึกว่ามันเร็วมาก และไม่สามารถตามแก่นเรื่องและตัวละครได้ทัน อาจจะต้องไปทำความเข้าใจใหม่ แต่พอฉายไปเรื่อย ๆ จะพบว่าการเล่าเรื่องจะค่อย ๆ เล่ากระชับยิ่งขึ้นไม่เหมือนช่วงตอนแรก จะเริ่มมีการเฉลยปมว่า อย่างหน้ากากสไนเปอร์เป็นใคร? สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? เหล่าหน้ากากมีหน้าที่ทำอะไร? การเฉลยปมเหล่านี้จะเฉลยไปเรื่อย ๆ ทีละตอน ทำให้ความสนุกระหว่างดูมีมากขึ้น พอเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง ที่เริ่มแนะนำตัวละครและปมเสร็จหมดแล้ว เหล่าตัวละครจะเริ่มรู้บทบาทของโลกนี้มากขึ้น มันจึงทำให้เปลี่ยนแนวจาก เอาชีวิตรอด เป็น การหาทางถล่มที่นี้แทน ช่วงกลางถึงท้ายจึงเปลี่ยนแนวเป็นการทำสงครามกันแทน พล็อตแบบนี้อาจจะเห็นได้ทั่วไปในทั้งในซีรีส์และหนังทั่วไปเลยก็ว่าได้ในหนังเอาชีวิตรอดยกตัวอย่างเช่น The walking dead เรียกได้ว่ามีกันให้เห็นในตลาดเต็มไปหมด และตัวละครช่วงหลังจะมีความสามารถขึ้นเรื่อย ๆ จากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นมีพลังเหนือมนุษย์ เพราะความเวอร์นี้แหละ เลยทำให้ช่วงนี้สนุก แต่ละคนโชว์ของเต็มที่ สนุกมากสำหรับช่วงท้าย ที่มีแต่สู้กันรัว ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรเวอร์วังอาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ในตอนท้ายก็ได้
พูดถึงงานภาพกันบ้าง การดัดแปลงและเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าใหม่ของตัวละครในอนิเมะทำออกมาได้สวยงาม ตัวละครในแต่ละฉากทำมาค่อนข้างละเอียดทั้งเรื่องดีเทลบนหน้า และชุดเสื้อผ้าขาด มีการเก็บลายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ดูเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีงานเผา บางฉากมีการนำโมเดล 3D ของตัวละครมาใส่แทน และการใส่ท่าทางสีหน้าบางฉากของเรื่องยังทำออกมาได้ไม่ดีพอ
ส่วนที่แย่ของเรื่องนี้คือการที่ตัดเนื้อหาบางฉากในมังงะไปเยอะมากในช่วงแรก เพื่อเร่งเนื้อเรื่องให้ไปจบตรงจุดไคลแมกซ์พอดี นอกจากจะตัดแล้ว การจัดลำดับภาพ และบทพูดตัวละครทำได้แย่อย่างมาก อยู่ดี ๆ ตัวเอกเดี๋ยวหดหู่ เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวขำ ทำให้ผู้ชมรู้สึกแสดงอารมณ์ไม่ถูกเมื่อเจอกับสถานการณ์นั้นๆ และการวาดสีหน้ากลัวของตัวละครได้เหมือนหน้าเขินอายแทน อย่างในตอนแรก ตัวเอกกำลังหาวิธีหนีจากการโดนหน้ากากสไนเปอร์ซุ่มยิง พอคิดหาวิธีได้ แต่กลับไม่บอกว่าหนีออกมาได้อย่างไร ข้ามตัดจบไปเจอคนอื่นต่อซะงั้น แถมมาถึงที่นี้ยังไม่ถึงวันก็เสียสติไปแล้ว ไม่มีการปูบทอะไรทั้งนั้น ในขณะที่มังงะจะเกริ่นนำว่าอยู่มาได้สองสามวันเริ่มเห็นภาพหลอน เริ่มเห็นผิดไปถูก ซึ่งดีเทลในมังงะมันละเอียดมากจนอยากแนะนำให้อ่านจริง ๆ
แต่จุดเด่นหลักที่ทำได้ดีของเรื่องนี้คือ คู่จิ้นแต่ละคนที่มีให้จิ้นเยอะมาก ความสวยเท่ของแต่ละตัวละคร และเซอร์วิส ฉากแวบหวิวเล็กๆน้อยๆ อย่างหน้ากากสไนเปอร์ที่มีคาแรกเตอร์ที่เงียบขรึมใส่สูทเท่มาก และสกิลการยิงที่แม่นมาก เท่สุดในเรื่องแล้ว และ คู่จิ้นระหว่างยูริและริเซะ น่ารัก หวานกันมาก และอีกคู่คือ หน้ากากสไนเปอร์และคุอง ตัวเธอมโนกันยันถึงแต่งงานกันเลยทีเดียว ทำให้ดูไปแล้วรู้สึกฟินมาก จนคิดว่าถ้าเปลี่ยนจากเอาชีวิตรอดเป็นเลิฟคอมเมดี้แทนนี้น่าจะน่าดูกว่านี้มาก และพอไปดูผกก. พบว่าคุณ Masahiro Takata ส่วนใหญ่จะกำกับแต่การ์ตูนแก๊ก หรือคอมเมดี้รั้วโรงเรียน จึงทำให้รู้เลยว่าทำไมเรื่องนี้ฉากตลกถึงทำออกมาได้ดีมาก
สำหรับมังงะและลิขสิทธิ์ในไทย
สำหรับใครที่ชอบในอนิเมะแล้วอยากติดตามมังงะต่อ ขอแนะนำว่าให้อ่านตั้งแต่เล่มแรกเลย เพราะรายละเอียดการเล่าเรื่องจะทำได้กระชับ และมีชั้นเชิงกว่าอนิเมะมาก
ผลงานมังงะเรื่องนี้ได้จบลงแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 21 เล่มจบ และในไทยเองก็มีลิขสิทธิ์สำนักพิมพ์ Luckpim ที่ออกหนังสือครบทั้งหมด 21 เล่มแล้วเช่นกัน แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะยังไม่จบแค่นั้นจึงมีภาค High-Rise Invasion Arrive ต่อ ซึ่งปัจจุบันทางญี่ปุ่นก็ออกมาได้สองเล่มแล้ว
ซีซั่นทั้งหมด: 1 ซีซั่น
จำนวนตอนทั้งหมด : 12 ตอน
ตอนละประมาณ : 25 นาที
เสียงพากย์: ญี่ปุ่น/อังกฤษ/ไทย
บรรยาย: ไทย