รีวิว MESSIAH ศาสดาหรือจอมลวงโลก ในมุมมองมุสลิมดู
สรุป
เล่าเรื่องได้ชวนติดตาม และนำเสนอผ่านมุมมองที่แปลกใหม่ การใช้ตัวละครที่หลากหลายมีส่วนทำให้เนื้อเรื่องมีอะไรให้คนดูได้ครุ่นคิดตามไปด้วย ถึงแม้จะเป็นซีรีย์ที่อิงกับความเชื่อทางศาสนา แต่ก็ยังวางทางสายกลางไว้ให้ตัวละครเดินได้อย่างไม่ต้องทำให้ใครต้องอึดอัดใจมาก ถึงแม้สุดท้ายจะจบลงแบบคลายข้อสงสัยประเด็นใหญ่ แต่ก็ยังทิ้งปมไว้มากมายให้คนดูต้องคบคิดต่อ รวมถึงการอยากเห็นภาคต่อเพื่อมาคลายปมสงสัยที่ทิ้งเอาไว้
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องดูแปลกใหม่ ชวนติดตาม
- โปรดักส์ชั่นดี ดูไม่หน่อมแน้ม
- นักแสดงหลายคนเล่นได้ดี โดยเฉพาะนางเอก
- ไม่มีบทตัวละครที่ดูแล้วรู้สึกรำคาญ
- บางเรื่องนำเสนอได้ลึกซึ้ง อย่างตัวละครที่ชื่อ ญิบรีล
- กล้าที่จะแตะอิสราเอลในแบบที่หนังเรื่องอื่นไม่เคยแตะ
Cons
- คนที่รับบทเมสสิยาห์เหมือนโฮมเลสมากกว่าศาสดา
- หลายบทที่ปูมาแต่ไม่สานต่อให้ดี หรือปล่อยผ่านไปแบบดื้อๆ เพียงเพราะอาจจะทำให้รู้สึกไขว้เขว
- หากเป็นหนังอาจจะกระชับและเข้มข้นมากกว่านี้
MESSIAH (เมสสิยาห์) ตรงกับภาษากรีกว่า คริสตอส ซึ่งแปลว่า พระคริสต์ ชาวคริสต์จึงใช้สมัญญานามนี้แทนพระเยซู ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ตามที่ระบุอยู่ในคัมภีร์ฮีบรู หรือคำภีร์ใบเบิ้ล ภาคพันธสัญญาเดิม ซึ่งคล้ายกันกับศาสนาอิสลาม ที่มีการพูดถึง MASSIH อัล มะซีห์ หรือนบีอีซา (พระเยซู ตามความเชื่อศาสนาคริสต์) จะกลับมาพร้อมกับอีหม่ามมะฮ์ดี เพื่อนำสันติสุขมาสู่โลก ก่อนวันสิ้นโลก
อ้างอิงข้อมูลจาก wikipedia
ตัวอย่างซีรีส์ MESSIAH Netflix
เรื่องย่อ MESSIAH
ณ เมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย ชายผู้หนึ่งปรากฎกายขึ้นท่ามกลางห่ากระสุนที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เมือง จากกองกำลังติดอาวุธกลุ่ม ISIS แต่ทันใดนั้นหลังจากที่เขาประกาศโองการจากพระเจ้า และบอกเล่าถึงชัยชนะที่พระองค์กำลังจะมอบให้กับชาวเมือง พายุทรายขนาดใหญ่ก็ถาโถมเข้าใส่เมืองอย่างยาวนานถึง 45 วัน ซึ่งนับเป็นปาฎิหาริย์สำหรับชาวเมืองดามัสกัส และชาวซีเรียจนเป็นข่าวดีที่ดังไปทั่วโลกที่กลุ่ม ISIS สามารถถูกกำจัดได้โดยไม่ต้องเสียกำลังทางทหารสักคน และนั่นจึงทำให้ผู้คนขนานนามชายผู้นั้นว่า “อัล มะซีห์”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นการเดินทางของชายที่มีผู้คนให้ความศัทธาและติดตามอย่างไร้ข้อกังขา ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รออยู่บนหนทางข้างหน้าคือสิ่งใด จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีชาวซีเรียผู้ติดตามเมสสิยาห์ผู้นั้น ก็เดินทางมาถึงชายแดนประเทศอิสราเอลแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับความสนใจจาก CIA และถูกรวบตัวโดยเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลในทันทีเช่นกัน แต่ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าชายผู้นี้มีแผนการอะไร เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากห้องกุมขัง และปรากฎตัวอีกครั้ง ณ เนินพระวิหาร หน้ามัสยิดอัลอักซอ (หนึ่งในสถานที่ศักสิทธิ์ลำดับ 3 ของศาสนาอิสลาม)
ขณะที่เขากำลังเผยพระวัจนะของพระผู้เป็นเจ้าอยู่นั้น เสียงปืนจากตำรวจอิสราเอลก็ดังขึ้น ซึ่งทำให้เด็กชายคนหนึ่งล้มลงด้วยคมกระสุนที่ไม่รู้ที่มา ในขณะที่ผู้คนกำลังชุลมุน และเสียงร่ำให้ของผู้เป็นแม่ที่กำลังคร่ำครวญอยู่นั้น เมสสิยาห์ได้ใช้สองมือประคองที่ร่างเด็ก เพียงชั่วอึดใจเด็กชายผู้นั้นก็ฟื้นคืนชีพ พร้อมกับบาดแผลที่หายไป
MESSIAH นับถือศาสนาอะไร
เมสสิยาห์เป็นซีรีย์ที่หยิบยกความเชื่อกลุ่มชนศาสนาของอับราฮัม (ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม) มาเล่าผ่านตัวละครที่ดูคล้ายพระเยซู และพาคนดูให้รู้สึกสงสัยไปกับการเล่าเรื่องระหว่างการเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริง หรือว่านี่เป็นเพียงแผนก่อการร้ายในทฤษฎีใหม่เท่านั้น ซึ่งสำหรับคนที่ชอบดูหนังแนวก่อการร้าย แกะรอย สืบสวนสอบสวน ก็อาจจะรู้สึกได้ว่าซีรีย์เรื่องนี้มีความน่าติดตามไม่ใช่น้อย เพราะในขณะที่เมสสิยาห์ กำลังสร้างปาฎิหารย์ต่างๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ CIA คนหนึ่งมาคอยหาทฤษฎีหักล้าง อยู่เสมอ จนทำให้เราต้องคิดและสงสัยตามไปว่า ใช่หรือไม่จริงหรือมั่ว อยู่ในเกือบทุกตอน
ถึงแม้ว่าซีรีย์เรื่องนี้จะเปิดเรื่องด้วยการให้เมสสิยาห์อ้างโองการจากคำภีร์อัลกรุอานอยู่หลายตอน และเปิดเรื่องด้วยการเป็นผู้นำชาวมุสลิม แต่นั่นเป็นเพียงแค่ไม่กี่นาทีของเนื้อเรื่องทั้งหมด ซึ่งกว่า 80% ที่เหลือ ผู้ติดตามเมสสิยาห์คือชาวอเมริกันชน และชาวคริสเตียน ที่ศัทธาในตัวเขา โดยทั่วไปไม่ว่าในหนังหรือซีรีย์ส่วนใหญ่ หากมีการกล่าวอ้างว่าคนผู้นั้นนับถือศาสนาอิสลาม จะต้องมีภาพการทำละหมาดซึ่งเป็นกิจวัตรที่สะท้อนความเป็นมุสลิมของบุคคลนั้นประกอบด้วยเสมอ และในซีรีย์เองก็ได้ตอบคำถามคาใจให้กับผู้ชมด้วยคำพูดของ เมสสิยาห์ เองว่า “I Walk with all men.”
จึงกล่าวได้ว่าเนื้อเรื่องของซีรีย์นี้ส่วนใหญ่ ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อตามหลักศาสนาอิสลามแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะพยายามหยิบโองการจากอัลกรุอานมากล่าวถึงในเนื้อหาอยู่หลายตอนก็ตาม
ไม่รู้เรื่องคริส อิสลาม ยิว ดูได้ไหม
หากตัดความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ และศาสนาออกไป ซีรีย์ชุดนี้ก็ยังมีความน่าติดตามที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ในแง่ของซีรีย์สืบสวน และทฤษฎีก่อการร้ายข้ามชาติแนวใหม่ที่ใช้ปาฏิหาริย์สร้างแรงศัทธากับประชาชน ต่อสู้ด้วยหลักอหิงสา ถึงแม้ว่าจะไม่มีฉากแอคชั่นต่อสู้ดุเดือด แต่เนื้อเรื่องของซีรีย์ชุดนี้ก็ใช้ความสงสัยในใจเราเป็นตัวดึงดูดเหมือนหมุดตรึงใจให้เราอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วชายผู้นี้เป็นเพียงจอมลวงโลก หรือพระผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริง ซึ่งก็ได้รับการเปิดเผยในตอนท้าย ทำให้จบแบบไม่คลุมเคลือจนเกินไป มิหนำซ้ำยังทิ้งปมอะไรไว้หลายเรื่องให้สงสัยว่าจะมีภาคต่อไหมอีกด้วย
นอกจากนี้การแบ่งน้ำหนักของเนื้อหาไปยังตัวละครหลายตัว ที่มีบทบาทในการดำเนินเรื่องที่ต่างกัน ก็ช่วยสร้างความน่าสนใจมากขึ้นไม่ใช่น้อย ยกตัวอย่างเช่นเด็กหนุ่มนาม “ญิบรีล” ผู้เชื่อในตัวอัล มะซีห์อย่างไร้ข้อกังขา ซึ่งชื่อของเขา (ญิบรีล) ตรงกับชื่อของ เทวฑูต (มลาอิกะฮ์) ผู้ทำหน้าที่นำสารของพระเจ้าสู่บรรดาศาสดาของพระองค์ตามคำภีร์อัลกรุอาน รวมถึงบทบาทของเหล่าผู้ล่าหาความจริง ที่มีปูมหลังน่าคุดคุ้ย จนถูกนำมาเป็นเกมถามตอบของเมสสิยาห์อยู่หลายครั้ง
ไม่มีสิ่งใดที่ประสบกับเรา นอกจากเป็นกำหนดจากอัลลอฮฺ
ซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์ 9 : 51
หมายเหตุ
ผู้เขียนได้เขียนถึงซีรีย์เรื่องนี้ผ่านมุมมองของผู้นับถือศาสนาอิสลามที่อาจจะมีความรู้เพียงน้อยนิดในเรื่องของศาสนา หากมีข้อมูลใดผิดพลาดไป น้อมรับความคิดเห็นอันจะเป็นความรู้เพิ่มเติมแก่ตัวของผู้เขียนเอง และแบ่งปันความรู้ต่อกัน
อ่านรีวิวเพิ่มเติม
รีวิว+สปอยล์ MESSIAH เมื่อบุตรพระเจ้ามารอบนี้ไม่ได้เป็นคริสต์+กัดอิสราเอล