รีวิว The Banker Apple TV+ เมื่อคนดำสองคนอยากสร้างอณาจักรบนที่ดินคนขาว
รีวิว The Banker
สรุป
เป็นหนังเหยียดสีผิวสร้างจากเรื่องจริงที่ไม่ได้เน้นเนื้อหาในการเหยียดสีผิวแบบเข้มข้นมากนัก แต่เน้นไปในเรื่องของการทำธุรกิจที่สุจริตแบบมีลับลมคมใน เพราะต้องเลี่ยงต่อความขัดแย้งเรื่องสีผิว และการลดทอนสิทธิ์จากการที่เป็นคนผิวสี ซึ่งโดยรวมเนื้อหาถือว่าไม่เบาไป และหนักเกินไป คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการเงิน การลงทุน การธนาคารก็น่าจะสามารถดูได้อย่างสนุก
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- หนังใช้โทนสีให้ดูเป็นยุค 60 ซึ่งทั้งภาพและการถ่ายทำออกมาดูดี
- โปรดักส์ชั่นต่างๆ อาคาร สถานที่ ดูสวยงามเข้ากับยุคสมัย
- นักแสดงทุกคนเล่นได้สมบทบาท
- เนื้อเรื่องไม่เยิ่นยื้อ เป็นสองชั่วโมงที่ลงตัว สนุกชวนติดตาม
- เพลงประกอบเพราะ
Cons
- เล่นกับประเด็นความกดดันของคนผิวสีเบาไป
- เล่าช่วงชีวิตวัยเด็กสั้นไปหน่อย ท้ังที่จริงๆ ผ่านอะไรมาเยอะ
หากคุณเป็นคอหนังเหยีดเชื้อชาติอย่าง The Green Mile (1999), The Help (2011) หรือ The Hidden Figures (2016) The Banker (2020) คืออีกเรื่องที่ควรอยู่ในคอลเลคชั่นหนังเหยียดสีผิวที่คุณควรดู และเรียกได้ว่าไม่ใช่เพียงสินค้าที่ Apple เน้นคุณภาพ แต่หนังที่ Apple TV+ ลงทุนสร้างก็มีคุณภาพไม่แพ้กัน การที่ Apple TV+ เลือกหยิบชีวิตของ Bernard Garrett ผู้ซึ่งใครที่เรียนเกี่ยวบริหารจากอเมริกาน่าจะต้องเคยได้ยินชื่อของเขา ผ่านห้องเรียนมาบ้าง ชายผิวสีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกัน ที่หาญคิดเป็นเจ้าของที่ดินและธนาคารของคนขาว เพื่อหวังที่จะเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของคนผิวสีในอเมริกาให้มีคุณภาพทัดเทียมกับคนขาวมากขึ้น และนี่คือหนึ่งในหนังที่สร้างจากเรื่องจริงคุณภาพดีอีกเรื่องหนึ่ง
ตัวอย่าง The Banker Apple TV+
เรื่องย่อ
Bernard Garrett ชายผู้เริ่มต้นชีวิตจากเด็กขัดรองเท้าหน้าธนาคารในรัฐเท็กซัส เขามีไหวพริบและอัจฉริยะด้านตัวเลขและการเงิน เขารู้ดีว่าการใช้ชีวิตและเติบโตในรัฐเท็กซัสต่อไปจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เขาจึงออกเดินทางเพื่อไปตามความฝันของตัวเอง 20 ปีต่อมา Bernard Garrett มีครอบครัวและมีฝันที่ใหญ่ขึ้น หลังจากที่เขาทำให้เจ้าของอสัหาฯ ชาวไอริชในลอสแอนเจลิสรู้สึกประทับใจในเรื่องมุมของตลาดอสังหาฯ ทั้งคู่ตกลงเป็นหุ้นส่วนกัน ซึ่งนั่นทำให้เขาหาเงินได้อย่างมหาศาล แต่ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี หุ้นส่วนชาวไอริช ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน จึงทำให้เขาต้องหาหุ้นส่วนรายใหม่ซึ่งก็คือ Joe Morris ชายผิวสีเจ้าของไนท์คลับที่บุคลิกดูเป็นคนเจ้าชู้ ผู้ที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไหร่จากการพบกันครั้งแรก แต่เมื่อได้ทำความรู้จักกันและเห็นในอุดมการณ์เดียวกัน ที่จะช่วยเหลือและยกคุณภาพชีวิตของคนผิวสีในอเมริกาให้ดีขึ้น ทั้งสองจึงตกลงเป็นหุ่นส่วนกัน แต่การจะให้คนผิวสีไปซื้อที่ดินหรือตึกของคนขาวในยุคนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจำเป็นต้องมีคนออกหน้าแทนซึ่งก็คือ Matt Steiner ชายผิวขาวเชื้อสายอเมริกัน ที่ทำงานรับจ้างทั่วไป และเคยทำงานให้กับขา ทั้ง Bernard และ Joe จึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปั้นดินอย่าง Matt ให้กลายเป็นดาว Joe สอน Matt ในเรื่องการวางตัวและการเข้าสังคมกับคนรวย อย่างเช่นการเล่น กอล์ฟ และการร่วมโต๊ะอาหาร ส่วน Bernard สอน Matt ในเรื่องการคุยและตกลงธุรกิจ และความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ถึง Matt จะไม่ใช่คนหัวไว แต่ก็มีความจำเป็นเลิศและมีแอคติ้งที่ดี จนวันที่ Matt พร้อม แผนการสร้างอาณาจักรคนผิวสีบนที่ดินของคนขาวจึงเริ่มขึ้น แต่ฝันใหญ่กว่านั้นของ Bernard และ Joe คือการเป็นเจ้าของธนาคารเพื่อจะได้ปล่อยเงินกู้ให้กับคนผิวสี สร้างโอกาสให้คนเหล่านั้นได้ขยายธุรกิจและมีบ้านเป็นของตัวเอง
ทำอีท่าไหน คนดำสองคนถึงเป็นเจ้าของธนาคารของคนขาว
The Banker เป็นหนังที่เล่าถึงการปฏิวัติความเท่าเทียมกันในการยกระดับชีวิตคนผิวสีที่มีการเหยียดสีผิว โดยเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ตอนที่ Bernard ยังเป็นเด็กซึ่งเป็นช่วงปี 1939 เป็นยุคที่คนผิวสีถูกจำกัดสิทธิ์มากมาย ทั้งเรื่องของอาชีพ และการใช้ชีวิตนอกบ้าน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นแรงผลักดันให้ Bernard อยากรู้ว่าคนขาวเขาหาเงินกันยังไง ถึงแม้หนังจะกระโดดข้ามชีวิตจากช่วงวัยเด็กมาถึงตอนที่ Bernard มีครอบครัวเลยก็ตาม แต่ก็ยังทำให้หนังเรื่องนี้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่แทนที่จะเป็นสองชั่วโมงที่อาจจะมีช่วงหน้าเบื่อชวนหลับ แต่กลับเป็นสองชั่วโมงที่สนุกและน่าติดตามอย่างไม่น่าเชื่อ และถึงแม้ว่าเนื้อหาหนังส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับของกับการทำธุรกิจ การเงินและการลงทุนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ผู้ชมที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องเหล่านั้นรู้สึกเบื่อหน่าย หรือมึนงงจนไม่อยากดูต่อ
หากจะว่าไปถ้าเทียบกับหนังเหยียดสีผิวเรื่องอื่นๆ เรื่องนี้ยังถือได้ว่ามุมมองเหล่านั้นใน The Banker ยังเบามาก เราอาจไม่ได้เห็นภาพการดูถูก กดขี่ คนผิวสีในหนังเรื่องนี้มากนัก เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การทำธุรกิจ การต่อรอง การวางแผน ที่จะเป็นเจ้าของอสังหาฯ ที่คนขาวยึดครองอยู่ได้อย่างไร ในหนังอาจจะดูเหมือนว่า Bernard ได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากคนรอบตัวแบบง่ายๆ แต่ในความเป็นจริง อาจเพราะทุกคนที่ให้การสนับสนุน Bernard มองเห็นคุณค่าและความเป็นเพชรในตัวของเขา จึงให้ความรู้สึกไว้วางใจพร้อมที่จะสนับสนุนเขาอยู่เสมอ ซึ่งโดยส่วนตัวผมรู้สึกชอบมุมมองในการทำธุรกิจของทั้ง Bernard และ Joe ทั้งคู่อาจจะมีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันคือความฝันที่อยากจะช่วยเหลือคนผิวสี ที่ถูกกีดกันโอกาสจากคนผิวขาว ให้ได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน และเข้าถึงคำว่า All American Dream*
All American Dream* หมายถึง ทุกคนไม่ว่าเกิดมาในชนชั้นใดก็สามารถที่จะก้าวขึ้นมาในสังคม ด้วยความสำเร็จจากน้ำพักน้ำแรง และความสามารถอย่างเท่าเทียมได้
ถึงแม้ Bernard จะประสบความสำเร็จในธุรกิจในแบบที่ไม่ต้องสนใจใครก็ได้ เขาสามารถใช้เงินเพื่อสร้างความสุขให้ตัวเองและครอบครัวอย่างเดียวก็ได้ แต่เขากลับไม่หยุดแค่นั้น เขายังอยากทำให้คนผิวสีที่บ้านเกิดของเขาในเท็กซัสมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งในยุคนั้นการจะกู้เงินจากธนาคารมาขยายกิจการ หรือซื้อบ้านสำหรับคนผิวสีในรัฐเท็กซัสไม่สามารถทำได้ หรือแม้แต่จะเดินเข้าไปในธนาคารโดยไม่ใช่คนที่ทำอาชีพ แม่บ้าน คนทำความสะอาด ยาม หรือแม้แต่คนขับรถ ก็เป็นเรื่องยาก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ Bernard เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง เอาทรัพย์สินที่มีไปเสี่ยงเพื่อเป็นเจ้าของธนาคารในบ้านเกิด และหวังที่จะสร้างโอกาสให้คนผิวสีในเมืองนั้นได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งหนึ่งตัวละครที่น่าชื่นชมในเรื่องนี้ก็คือภรรยาของเขา ที่มักจะอยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุน Bernard ในทุกการตัดสินใจของเขาเสมอ
การที่หนังหยิบ 2 ดาราใหญ่อย่าง Samuel L. Jackson, Anthony Mackie และอีกหลายคนที่คุ้นหน้าคุณตามาเล่น ถือได้ว่าไม่เสียราคาเลย ถึงแม้จะไม่ถึงกับระดับหนังขึ้นหิ้ง แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังคุณภาพที่ Apple TV+ สร้างได้อย่างเต็มปาก แบบไม่ต้องอายใคร ในเรื่องคุณภาพนักแสดงคงไม่ต้องพูดถึง แต่ในแง่ของโปรดักส์ชั่น เพลงประกอบ บทหนัง ถือได้ว่าไม่ได้ทำออกมาแบบลวกๆ และอยู่ในระดับคุณภาพหนังใหญ่เลยทีเดียว
“ทุกคนเท่าเทียมกัน ด้วยอุตสาหะในการสร้างสังคม ที่ซึ่งพลเมืองได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียม เป้าหมายอันสูงส่ง”
Nation Foundind Documents of America