รีวิว The Witcher Netflix หนังจากเกมดังเทียบชั้น Game of Thrones!
The Witcher
สรุป
The Witcher โดย Netflix ซีรีส์น้องใหม่สร้างจากเกมเรื่องนี้ เป็นอะไรที่คอเกมและหนังไม่ควรพลาด รีบดู ณ บัดนี้
Overall
9.5/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องน่าติดตาม
- การถ่ายทำดี
- ถ่ายทอดบรรยากาศโลก Witcher ได้ดี
Cons
- ตัวละครบางตัวเลือกมาไม่ค่อยดี
- ขาดฉากล่าอสูรที่ตราตรึง
The Witcher นักล่าจอมอสูร ซีรีส์ยุคโล่ดาบใหม่เอี่ยมจาก Netflix แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะมันถูกสร้างมาจากนวนิยายและเกมดังในชื่อเดียวกัน ที่คอเกมน้อยนักที่จะไม่รู้จักเพราะมันเป็นเกมที่ถูกนำมาใช้วัดประสิทธิภาพการ์ดแสดงผลมากที่สุดเกมนึงเลยในยุคนี้
- อ่านบทความ THE WITCHER สปอยส์ หมดเปลือก
- Spoil!! The Witcher นิยาย Vs เกม Vs ซีรีส์ เปรียบเทียบตัวละคร
ตัวอย่างหนัง The Witcher นักล่าจอมอสูร (Netflix)
The Continent ชื่อโลกจำลองของจักรวาล The Witcher หลายเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข นักล่าอสูร หรือเรียกกันว่า เดอะ วิทเชอร์ ยอดมนุษย์ที่ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างกายมาอย่างดี ทั้งทนเวทมนต์ มองเห็นในที่มืด ทนต่อความเจ็บป่วย และสามารถใช้เวทมนต์ได้อีกต่างหาก ล่าอสูรคืองานของ วิทเชอร์ พวกเขาจะรับงานต่อเมื่อได้ค่าจ้างเท่านั้น ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆใน The Continent
แต่ไม่วาย ยุคโล่ดาบแบบนี้ ก็ต้องมีการรบราแย่งชิงดินแดนกันบ้างเดี๋ยวจะหลุดคอนเซ็ป นิล์ฟการ์ด เมืองทางใต้ที่กระหายการขยายดินแดน ได้บุกตีเมืองทางเหนืออย่างไม่ปราณี แต่ทว่าจุดประสงค์ในการตีนั้นมันไม่ใช่แค่การยึดครองดินแดนเท่านั้น แต่พวกเขากำลังต้องการใครบางคน
สร้างจากเกมเหรอ จะดีไหม
เนื่องจากว่าซีรีส์นี้ถูกสร้างมาจากนิยายและเกมที่โด่งดังมากๆเกมหนึ่งของวงการ ทำให้เกิดการคาดหวังจากแฟนเกมและนิยายกันมากพอสมควร เนื่องจากซีรีส์สร้างโดย Netflix แน่นอนว่าเราบอบช้ำกับหนังและซีรีส์ที่สร้างจากเกมมามากพอสมควรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ผมเองเป็นแฟน เดอะ วิทเชอร์ คนนึงที่ชอบเกมมาก แม้ยังไม่มีโอกาสอ่านนิยาย แต่เนื้อเรื่องที่ได้จากเกมก็ถือว่าสนุกและลุ้นไม่แพ้กัน หลังจากที่ดูตอนแรกจบไป ต้องขอชมทีมสร้างเลยว่าทำบรรยากาศได้ดี มีกลิ่นอายจากเกมและมันพาผมกลับไปวันที่จับจอยไล่ล่าอสูรทั่ว The Continent บน Xbox One วันแรกอีกครั้ง
แต่พอผมดูจบ มันเกิดความค้าง อยากดูต่อเลยตอนนั้น คือมันสนุกมากครับ มันเป็นการเล่าเรื่องของจุดเริ่มต้นของตัวละครหลักจากในเกม ไม่ว่าจะเป็น เยเนเฟอร์ ทริส เกรอลท์ ซิริ ความสำคัญของนักเวทย์ เรียกได้ว่าครบเลย แต่มันไม่ครอบคลุมนะ
เนื้อเรื่องครบครัน แต่ไม่ครอบคลุม
ส่วนตัว มันครบในความเป็น เดอะ วิทเชอร์ แต่มันไม่ครอบคลุม แน่ล่ะ เพราะการเล่าเรื่องผ่านซีรีส์มันไม่เหมือนกับการที่เราได้โลดแล่นไปในโลกของเกมที่มันมีความอิสระเป็นอย่างมาก อิสระแค่ไหนน่ะเหรอครับ ก็ไปได้ทุกซอกทุกมุม ลองนึกภาพว่าคุณสามารถสำรวจทุกอย่าง ป่าทุกตารางนิ้วได้ มันเจ๋งแค่ไหนลองนึกดู ทำให้การเล่าเรื่องของเกมมีความหลากหลายกว่าในระยะที่เท่ากัน
แต่ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะ การนำเสนอเรื่องราวต่างๆทำออกมาได้ดีเลย การถ่ายทำก็หายห่วงครับ ผม AAA ไปเลย ถ้าคุณเคยเล่นเกมมาก่อน รับรองว่าไม่มีด่าในใจ
แล้วนำเสนอความเป็น เดอะ วิทเชอร์ ได้ดีแค่ไหน?
อารมณ์ บรรยากาศ เอาเป็นว่า ผมให้ซัก 95% เหมือน หักตรง ทริส แมริโกล์ออกแล้วกันครับ ทริสเป็นนักเวทย์สาวพราวเสน่ห์ คนรักของพ่อหนุ่มเนื้อหอมเกรอลท์อีกคนที่ทำผมผิดหวังมาก ซึ่งผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะคิดเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมมาก่อนหรือดูจบแล้วไปกดซื้อเกมมาเล่น ผิดหวังก็ตรงนี้แหละ แต่เยเนเฟอร์นี่เหมือนจริงๆ
ส่วนอื่นที่เก็บรายละเอียดมาได้น่าประทับใจคือฉากนู้ด คือพระเอกเราเนี่ย สายเย นะครับ เป็นเกมที่ขึ้นชื่อเรื่อง เนื้อ นม ไข่ 18+ ไม่ว่าจะเป็นฉากเซ็ก หรือฉากฆ่าที่ดุดัน ตัดหัวตัดแขน นั่นแหละ ซีรีส์ก็อปมาได้ดีเลย เอาไป 100%
และผมคิดว่าอีกหลายอย่างที่คอเกมยังไม่ได้เห็นคือความสามารถด้านเวทมนต์ของสุดหล่อเราที่แท้จริง ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นซีซั่นต่อๆไป แล้วก็การล่าอสูรที่ยังไม่สะใจผมเลย อารมณ์ค้างถึงขั้นต้องเดินไปเปิดเกมมาเพื่อได้เชือดอสูรตัวสองตัวให้หายคิดถึง
พากย์ไทยไม่ค่อยโดน
เนื่องจากว่าเรื่องนี้มีเสียงไทยด้วย เลยลองปรับไปฟังเป็นเสียงไทย ปรากฏว่าเสียงเกรอลท์จากดุๆดั่งสิงโตกลายเป็นพระเอกเสียงหล่อไปเฉย แนะนำให้ดูแบบเสียงอังกฤษเอาจะได้อารมณ์กว่าครับ ส่วนตัวละครตัวอื่นพอได้อยู่
แล้วถ้าเทียบกับ Game of Thrones ล่ะ
ถ้าไม่โดนเทียบคงแปลก เนื่องจากดูเผินๆ ทั้งสองเรื่องนี้จะคล้ายคลึงกัน แต่ในความเป็นจริงมีจุดต่างกันค่อนข้างชัดเจน เริ่มด้วยตีมของเรื่อง สำหรับ Game of Thrones จะเน้นการต่อสู้แย่งชิงระหว่างมนุษย์ และมีการผสมแฟนตาซีเข้ามาพอหอมปากหอมคอ ในขณะที่ The Witcher จะออกไปด้านแฟนตาซีสายดาร์คมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยองค์ประกอบอย่างเวทมนต์ ตำนานเล่าขาน อสูร เอล์ฟ และอีกมากมาย ทำให้จักรวาลของ เดอะ วิทเชอร์นั้นแตกต่างกับ GoT ยิ่งนัก
ในแง่ของการสร้าง งบประมาณในการสร้างของ เดอะ วิทเชอร์ คาดการณ์กันไว้ราวๆ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ตกเฉลี่ยตอนละ 7.5 ล้านเหรียญ เทียบกับ GoT ที่ 15 ล้านเหรียญยังถือว่าน้อยกว่ามากทีเดียวครับ หากข้อมูลตรงนี้แม่นยำ แปลได้ทางผู้สร้างทำออกมาได้ดีเลยกับงบแค่นี้ อาจจะเพราะ CGI ยังไม่เยอะมากด้วย แต่ในซีซั่นต่อๆไปเราน่าจะได้เห็นเอฟเฟ็คที่มากขึ้น รวมถึงทุนสร้างที่เพิ่มขึ้นด้วยตามลำดับ
ถ้าให้เทียบงานถ่ายทำโดยรวมแทบไม่ต่างกัน แค่ชุด GoT จะอลังการกว่าหน่อยแค่นั้นเอง
ส่วนตัวจากที่ผมดูและรีวิว Game of Thrones ถ้าให้ผมเลือกดูอะไรก่อน ผมจะทิ้ง Game of Thrones มาดู เดอะ วิทเชอร์ Thเพราะว่า เสน่ห์ของ เดอะ วิทเชอร์มันคือคาแร็คเตอร์ ที่หาดูจากไหนไม่ได้ เกรอลท์ แห่งริเวีย ก็เหมือน Master Chief แห่ง Halo น่ะ นึกออกไหม คอนเซ็ปเดียวกันแค่ต่างเวลาต่างยุคเท่านั้นเอง
น่าดูแค่ไหน?
คุณพร้อมจะลงทุนเวลากับมันแค่ไหน? ถ้าพร้อม เลื่อน เดอะ วิทเชอร์ ขึ้นไปบนสุดของลิสต์ได้เลยครับ เพราะมันจะกินเวลาคุณไปอีกเยอะมากหลังจากนี้ พอคุณดูมันจบ คุณอาจจะอยากเล่นเกมหรือออกจากบ้านไปหานิยายอ่านต่อก็เป็นได้
เดอะ วิทเชอร์ จาก Netflix นี้เติมเต็มจักรวาลเกมที่ผมเล่นมาได้ดี ดูแล้วอิน เข้าใจอะไรมากขึ้น หลายคนคิดว่าซีรีส์ถูกสร้างมาเพื่อดึงดูดแฟนๆเกม แต่ผมรู้สึกว่า มันเหมาะมากที่จะสร้างฐานแฟนเกมใหม่จากซีรีส์มากกว่า เพราะถ้าคุณดูแล้วไปเล่นเกมต่อ มันจะเพิ่มความอินและสนุกกับเกมได้มากมายก่ายกองเลยล่ะครับ
นั่นแปลว่าถ้าคุณยังไม่เคยเล่นเกมมาก่อน เตรียมตัวให้พร้อมกับอีกกว่าร้อยชั่วโมงที่อาจจะหายไปในเกม The Witcher หลังจากดูซีรีส์จบไว้เลยก็ดี