Huawei Mate 20 Pro
สรุป
เป็นมือถือเรือธงจาก Huawei ที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่ควรค่าแก่เงินในกระเป๋า
Overall
9.5/10User Review
( votes)Pros
- กล้องสวย ซูมเทพ ถ่ายได้หลายระยะครบครัน โหมดกลางคืนไม่ธรรมดา
- แบตอึดมาก แถมชาร์จไว
- CPU ใหม่เร็วขึ้นมาก
- มีช่อง IR ไว้ให้ใช้เป็นรีโมทอยู่
Cons
- ใช้ MicroSD ไม่ได้ ต้องใช้ Nano Memeory ของ Huawei แทน
- กล้องหน้า สีดูจืด และมุมค่อนข้างแคบ
- EMUI ยังต้องพัฒนา
รีวิว Huawei Mate 20 Pro หลังจากผ่านมา 3 เดือนแล้วเป็นไง เล่าถึงประสบการณ์ใช้งานจริงตั้งแต่วันออกวันแรกจนถึงตอนนี้ มาดูกันครับว่าเรือธงรุ่นนี้เจ๋งแค่ไหน
ผมเริ่มใช้มือถือ Huawei แบบจริงๆจังๆตอน Huawei P9 เนื่องจากฟีเจอร์ปรับรูรับแสงที่ร่วมทำกับ Leica นั้นมันเย้ายวน ด้วยราคาที่ไม่แพงมากนักและฟังก์ชั่นที่ดูเก๋เท่พร้อมคำว่า Leica แปะอยู่ด้านหลัง ทำให้ผมตัดสินใจได้ไม่ยากเลย
หลังจากใช้ P9 ผมสัมผัสได้ถึงความตั้งมั่นในการพัฒนามือถือของประเทศจีนได้มากขึ้น ในขณะที่เมื่อก่อน ถ้าเป็นแบรนด์จีนนี่ถึงกับยี๊เลย ประสบการณ์ที่ดีกับ P9 ทำให้ผมไม่ต้องคิดเลยเมื่อ P10 วางจำหน่ายและมีการปรับปรุงอะไรหลายๆอย่างแบบก้าวกระโดด
[bs-quote quote=”ผมขอเรียกมันว่า Swiss Army Knife แห่งวงการโทรศัพท์มือถือ” style=”default” align=”left” author_name=”NiCK” author_job=”Author”][/bs-quote]
ผมจึงได้กลายเป็นแฟนมือถือค่ายจีนไปแบบเต็มตัว เป็นการเปิดโลกให้เห็นว่าจีนมีการพัฒนาที่ดีมากๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลายเป็นว่าการเปิดตัวมือถือเรือธงของ Huawei ถูกจับตามองจากคนทั่วโลก และการเปิดตัว Huawei P20 Pro ก็ทำให้วงการมือถือโลกสะเทือนอีกครั้งด้วยการมาของฟีเจอร์ถ่ายภาพกลางคืนสุดเจ๋ง เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ การซูมที่หาตัวจับได้ยาก และการเลือกสีตามแฟชั่นโลกมาใช้จนเกิดการลอกเลียนแบบบกันล้นเมือง
ในขณะเดียวกัน มือถืออีกรุ่นเรือธงที่มีเป้าหมายไปที่นักธุรกิจและคนที่ต้องการความหรูหรามีระดับ นั่นคือตระกูล Mate ที่มีการพัฒนาก้าวกระโดดไม่แพ้กัน
หลังจาก Mate 20 Pro เปิดตัว ผมเลยเกิดความสนใจและตัดสินใจซื้อมาใช้เป็นมือถือจาก Huawei เครื่องที่ 3 และเจ้า Mate 20 Pro นี้ก็ทำให้ผมคิดว่า ผมคงได้เป็นแฟน Huawei ไปอีกนาน มาเริ่มอ่าน รีวิว Huawei Mate 20 Pro กันเลยครับ
ส่วนตัวผมจะเป็นคนชอบสีดำแบบด้าน (Matte Black for Life) และไม่ชอบสีดำเงาๆ เพราะรอยนิ้วมือมันติดง่าย พอมาเห็น Mate 20 Pro ตัวจริงก็ตามคาด ไม่ชอบความเงาของมันเล้ย แต่ก็คิดว่ายังไงซะ เราก็หาสกินมาติดหรือว่าใส่เคสอยู่ดี
สิ่งที่ผมชอบเรื่องการออกแบบของ Mate 20 Pro คือกล้องครับ ตัวกล้อง 3 ตัวพร้อมแฟลชนั้นใช้คอนเซ็ปต์การออกแบบเหมือนไฟของรถ Porsche แม้ว่าหลายสื่อจะแซวตอนที่มีข่าวหลุด แต่ของจริงมันสวยและเด่นจริงๆ ดูปุ๊ปรู้เลย นี่มัน Mate 20 Pro กลายเป็นว่ากล้องเรียงแถวดูไม่สวยอีกต่อไปแล้วสำหรับผม
ไร้ซึ่งช่องลำโพง อันนี้เป็นทีเด็ดที่ผมชอบมาก การที่ Huawei ซ่อนลำโพงไว้ในช่อง USB-C แม้ว่าตอนแรกจะกลัวว่าเวลาชาร์จเสียงมันจะหายหรือว่าอู้อี้ แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ได้เบาลงขนาดนั้นครับ ยังคงได้ยินอยู่
ในส่วนของจอโค้งอันนี้ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ เพราะว่าแอบใช้งานยากแล้วมือถือจอใหญ่ๆ พาลจะทำหล่นเอาแต่ไอเราชอบรุ่นนี้บางอย่างมันก็ต้องปรับตัว ผมก็พยายามทำตัวให้ชินกับจอโค้งที่ทุกวันนี้ยังคงไม่รู้สึกพิศวาสกับมันอยู่ดี โดยเฉพาะเวลาดูวีดีโอ รู้สึกว่ามันเสียส่วนของวีดีโอไปกับความโค้ง เว้นแต่เป็นหนังที่ถ่ายมาสำหรับจอยาวโดยเฉพาะ ซึ่งมีน้อยมากตอนนี้ อย่างเดียวที่ผมชอบคือได้ความเท่ครับ แค่นั้นจริงๆ 😀
สุดท้ายจะไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ Notch นั่นเองครับ Mate 20 Pro มาพร้อมกับ Notch ที่ค่อนข้างกว้าง เพราะใส่เซ็นเซอร์วัดระยะไว้ด้วย แบบเดียวกับ iPhone X, XR และ XS ทำให้เราสามารถปลดล็อคด้วยใบหน้าได้แบบปลอดภัยมากขึ้น และส่วนของสแกนนิ้วมือนั้นฝังลงไปใต้จอ ทำให้ด้านหลังเหลือแค่กล้องอย่างเดียวครับ ส่วนตัวผมชอบที่แสกนแบบเดิมๆมากกว่า อันนี้ช้ากว่าและบางทีแสกนไม่ค่อยติด ผมเลยใช้แสกนหน้าซะส่วนมาก
รูปภาพเครื่องเพิ่มเติม
หน้าจอของ Mate 20 Pro ผลิตโดย LG และ BOE สำหรับความสวยงามของจอถือว่าสีสดสวยตามแบบฉบับ OLED แต่ต้องยอมรับว่ายังคงสู้ Samsung ไม่ได้ครับเรื่องหน้าจอ ส่วนตัวความสว่างและสีกำลังดีเลยล่ะ
แต่ปัญหานึงที่คนเจอกันมากคือจอเขียว มันเขียวจริงๆ คนเป็นกันเยอะด้วย ซึ่งเครื่องผมเองก็เป็นครับ จะเกิดกับพื้นสีเทาและลดแสงต่ำมากๆ แต่ถ้าแสงสว่างปกติหรือกลางวันจะมองไม่เห็นครับ จะเห็นตอนห้องมืดๆ ส่วนมากเป็นกับรุ่นจอ LG ปัจจุบันแก้ปัญหานี้เรียบร้อยแล้วครับ
อัตราส่วนหน้าจอต่อโทรศัพท์ทั้งหมดดี รู้สึกได้ว่าจอมันใหญ่มากในขนาดเครื่องที่เล็ก รวมๆกันทั้งหมดและตัดปัญหาเรื่องจอเขียว ถือว่าจอ Huawei Mate 20 Pro ทำออกมาได้แต่เลย LG สีสวย แต่ที่น่าจับตาคือ BOE แบรนด์ผลิตจอจากจีนนะครับ
พระเอกของตระกูล Mate คือกล้อง ที่ร่วมพัฒนากับ Leica แบรนด์ชั้นนำด้านกล้องถ่ายรูป Mate 20 Pro มีเลนส์ 3 ตัวซึ่งตัวที่ความละเอียดสูงสุดคือ 40 ล้านและกล้อง 40 ล้านจะเป็นกล้องหลัก นอกจากพิกเซลที่ใหญ่แล้ว ตัวเซ็นเซอร์กล้องเองก็ใหญ่เช่นกันครับ
ขนาดของเซ็นเซอร์กล้องอยู่ที่ 1/1.7″ เป็นรองเพียงแค่ Nokia 1020 PureView ที่ 1/1.5″ นึกภาพไม่ออกลองดูภาพด้านล่างนะครับ จะเห็นได้ว่าใหญ่กว่า Galaxy S9 พอสมควรเลย แล้วมันมีผลยังไง หลักๆเลยคือเรื่อง Noise และหน้าชัดหลังเบลอแบบธรรมชาติที่ไม่พึ่งพาซอฟต์แวร์ที่ทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆในตลาด
แต่จุดขายที่ทำให้มือถือเรือธงจาก Huawei ดังมากในช่วงหลังๆนั่นคือโหมดถ่ายกลางคืน ที่ทำเอาคู่แข่งหยิบเอาเทคนิคไปใช้กันแทบไม่ทัน การถ่ายภาพกลางคืนนั้นจะใช้ AI ในการช่วยรวมภาพจากหลายๆ exposure มาเป็นภาพเดียว ผลที่ออกมาคือส่วนมืดส่วนสว่างจะพอดิบพอดี
ใครที่ถ่ายรูปกลางคืนในที่ที่มีไฟจากหลายแหล่ง จะทำให้รูปสุดท้ายออกมาสวยเลยทีเดียวครับ แสงมันจะพอดี
รวมภาพถ่ายโหมดกลางคืน
ทีเด็ดอีกอันคือระบบซูมครับ ที่สามารถซูมได้ถึง 10 เท่าแบบอ่านตัวหนังสือได้เลย โดย Mate 20 Pro จะใช้ AI ช่วยในการรวมภาพจากเซ็นเซอร์ 40 ล้านจากเลนส์ปกติ กับเลนส์ซูม 3 เท่า ภาพด้านล่างเป็นการเทียบระหว่างเลนส์มุมกว้างกับการซูม 10 เท่า ลองดูครับว่ามันไกลขนาดไหนจากที่ผมยืน
หน้าจอรองรับ HDR
เป็นฟีเจอร์ที่ผมได้ใช้ค่อนข้างเยอะ เพราะว่า Netflix หลายๆซีรีส์ที่ผมดูรองรับ HDR และ YouTube HDR ก็ชัดสวยงาม เหมาะเอาไว้อวดเพื่อนๆ และเกมบางเกมที่รองรับ HDR เช่นกัน เช่น PUBG Mobile
Dolby Atmos
รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos อันนี้มีประโยชน์แต่ไม่มากเท่าจอ ระบบเสียงมีมิติมากขึ้นอย่างชัดเจน เช่นเดิม YouTube และ Netflix รองรับฟีเจอร์นี้ครับ ใครใช้สองอันนี้บ่อยๆเหมาะเลย
ทำหน้าชัดหลังเบลอให้วีดีโอได้
อันนี้จัดว่าเด็ด เพราะว่าวีดีโอหลังเบลอไม่ได้ทำกันง่ายๆ แต่ชิป Kirin 980 พร้อมระบบประมวลผล AI ของ Huawei ทำได้นะเออ ลองดูตัวอย่างด่านล่างได้เลยครับ อาจจะไม่เนียนมากแต่ทำดีๆก็เพิ่มลูกเล่นให้วีดีโอได้อีก
เล่นเกมลื่นปรื้ด ร้อนน้อยมาก
Kirin 980 ใช้เทคโนโลยีผลิตแบบ 7 นาโนเมตร ทำให้ร้อนน้อยลง ใช้พลังงานน้อยลง ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น เล่นเกมปรับสุดลื่นมากครับ
ต่อขึ้นจอทีวีแปลงมือถือเป็นคอมขนาดพกพา
ในวงการมือถือตอนนี้ มี Huawei กับ Samsung ที่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้มือถือรองรับโหมดเดสก์ท็อป เอาไปใช้ทำงานต่อขึ้นจอและต่อเมาส์แบบง่ายๆ แต่ Huawei พัฒนาไปอีกขั้น โดยใน Mate 20 Pro สามารถเปิดโหมดนี้โดยการต่อเข้ากับสมาร์ททีวีแบบไร้สายได้แทนการใช้สาย เหมาะมากสำหรับการพรีเซนต์งานนอกสถานที่ ไม่ต้องพกคอมให้เมื่อย แต่ถ้าไม่สะดวก สามารถต่อออกสาย HDMI ได้เช่นกันครับ
แบตอึดขั้นเทพ
ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มถอดสายชาร์จไปจนแบตหมดแบบเล่นต่อเนื่องเลยคือ 6 ชั่วโมง (เวลาที่หน้าจอถูกเปิดใช้งาน) นี่ขนาดตั้งความละเอียดจอสูงสุด และเปิดให้แสดงเวลาตลอดเวลาแล้ว ดูหนังเล่นเกมแทบไม่ต้องห่วงเรื่องแบตหมดระหว่างวันเลยครับ ใครที่ไม่ค่อยได้ใช้แบตอยู่ได้ 2 วันสบายๆ
ปกติมือถือส่วนมากจะเราจะเล่นได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องชาร์จ ถ้าใครใช้งานมือถือหนักๆ Huawei Mate 20 Pro ตอนนี้ถือว่าสุดยอดแล้วในบรรดาเรือธง
จากรีวิว Huawei Mate 20 Pro นี้จะเห็นได้ว่า เรือธงรุ่นนี้นั้นออกแบบมาได้คลอบคลุมการใช้งานหลายด้านมาก กล้อง 3 ตัวช่วยกันเพิ่มสีสันให้กับการถ่ายรูป โดยเฉพาะเลนส์มุมกว้างที่เพิ่มเข้ามา กับระบบซูมอัจฉริยะที่หาคนเทียบได้ยาก
CPU ใหม่ที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน แรงและร้อนน้อยลง ประหยัดไฟ และแบตขนาดใหญ่ที่ใช้ได้ทั้งวัน แบตอึดมาก แถมชาร์จไวด้วยระบบ SuperCharge แบบ 40W และชาร์จแบตจาก 0-70% ใช้เวลาเพียง 30 นาที ถือว่าไวมาก
เมื่อดูขนาดแบต 4200 mAh เทียบกับ Samsung Galaxy Note 9 ที่ชาร์จแบต 4000 mAh ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที ในขณะที่ Mate 20 Pro ใช้เวลาชาร์จเต็ม 100% แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ประสบการณ์ผมจากการใช้งานมา 3 เดือนแบบหนักๆ หลงรักกล้องและฟังก์ชั่นโดยรวมมากครับ อย่างเดียวที่ผมยังคงคิดว่า Huawei ไม่น่าเลือกทางนี้คือการเลิกใช้ MicroSD แต่หันมาใช้ Nano Memory ที่ผลิตเองแทน นอกนั้นถือว่าสมบูรณ์แบบ คุ้มค่ากับราคาไม่ต้องสืบ
อ่านรีวิวอื่นๆ คลิ๊กที่นี่