playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Lost in Space ทะลุโลกหลุดจักรวาล ซีซั่น 1 และ ซีซั่น 2

สรุป

หนังไซไฟคุณภาพดีจาก Netflix ที่อัดแน่นด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น และเทคโนโลยีการถ่ายทำที่จัดเต็ม

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
4.75 (4 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • เนื้อเรื่องน่าติดตาม
  • ถ่ายทำดี
  • เทคโนโลยีการนำเสนอจัดเต็ม

Cons

  • การดำเนินเรื่องน่าจะเร็วกว่านี้อีกนิด

Lost in Space ซีรีส์ไซไฟสร้างโดย Netflix เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แกะกล่องแต่เป็นการนำซีรีส์เก่าแก่กลับมาปัดฝุ่นทำใหม่ จากปี 1965 ในชื่อเดียวกัน และหนังที่เข้าโรงฉายเมื่อปี 1998 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์จนต้องหยุดโปรเจ็กต์นี้ไป และได้กลับมาอีกครั้งใน Netflix

Lost in space movie 1988
คะแนนหนังปี 1988

 Lost in Space (2018) on IMDb
คะแนนเฉลี่ยเว็บ IMDB

ตัวอย่าง Lost in Space ss2 Netflix

https://www.youtube.com/watch?v=Zdgt-JzJ6b0

ครอบครัว”โรบินสัน” มนุษย์กลุ่มแรกๆที่ผ่านการทดสอบให้เดินทางย้ายถิ่นฐานไปยังดาว Alpha Centauri ด้วยยานอวกาศล้ำที่สุดที่มนุษย์เคยสร้าง ชื่อว่า “เรโซลูท” หลังจากที่โลกโดนอุกาบาตพุ่งชนจนทำให้บรรยากาศของโลกเปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลัน

แต่การเดินทางก็ไม่ได้ราบรื่น เมื่อ เรโซลูทถูกเอเลี่ยนโจมตีและลูกเรือต้องหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่นโดยใช้ยานเล็กที่เรียกกันว่า “จูปิเตอร์” และยานจูปิเตอร์ของครอบครัวโรบินสันได้ตกลงไปยังทะเลที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งบนดาวเคราะห์ที่คล้ายโลก

จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัวนี้ได้เจอกับหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และเป็นตัวละครหลักที่สำคัญของเรื่องนี้ จุดนี้อยากให้ไปดูกันเองเพื่อความสนุกนะครับ


หนังไซไฟที่ถ่ายทำดี

 Lost in Space ss1-ss2
Lost in Space ss1-ss2

อย่างแรกที่เราจะได้เห็นคือคุณภาพการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพภาพ มุมกล้อง บทตัวละคร รวมถึงสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คที่ทำออกมาได้ดี ดีกว่าหนังไซไฟหลายๆ เรื่องด้วยซ้ำครับ โดยเฉพาะชุดอวกาศที่ดูเข้ากับเนื้อเรื่อง เนื่องจากมนุษย์ยังไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอะไรมากนักในตอนนั้น

โลเคชั่นที่ใช้ในการถ่ายทำดูน่าสนใจ ทั้งฉากทะเลบนดาวอื่น รวมถึงฉากหุบเขาบนดาวเคราะห์ที่คล้ายโลก ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดครับ โปรดักชั่นผ่าน ดูเพลิน

 

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี

ถือเป็นอีกเรื่องที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็น 4K, HDR(Dolby Vision) และDolby Atmos ถ้าอุปกรณ์ที่เราใช้ดูรองรับ จะสามารถรับชมประสบการณ์ได้เต็มที่ โดยเฉพาะใครที่ดูผ่านมือถือที่รองรับทั้ง 4K HDR และ Dolby Atmos จะฟินมากครับ

 

คลิเช แต่ดึงดูด ไม่น่าเบื่อ

สไตล์อวกาศ มนุษยชาติ มันก็จะมีจุดคลิเชบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เราก็จะเจอเยอะหน่อย เพราะเป็นซีรีส์ยาว แต่ว่ามันก็ไม่ได้โอเวอร์ถึงขนาดพาเบื่อเอาได้ครับ แต่ละตอนมีการนำเสนอที่น่าสนใจ คอยดึงความสนใจไม่ให้เราเบื่อ เรียกว่าได้ลุ้นกันแทบทุกตอน

ผมชอบตรงที่บางทีเราก็เดาไม่ออกว่าตัวละครต้องการอะไรกันแน่ ในส่วนนี้ทำให้เราอยากรู้ต่อไปว่า สุดท้ายแล้วมันใช่แบบที่คิดหรือเปล่า ตัวดี ตัวร้ายทำมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

 

อันตราย วิล โรบินสัน…

Lost in Space รีวิว Netflix
วิล โรบินสัน

เนื่องจากแก่นของเรื่องนี้จะมีหุ่นยนต์เป็นแกนสำคัญของเนื้อเรื่องหลัก เราจะได้เห็นเจ้าหุ่นคู่ใจครอบครัวโรบินสันตลอดเรื่อง และมันมีบทที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นหุ่นยนต์จากต่างดาวที่แทบไม่พูดเลยทั้งเรื่อง มีอยู่ไม่กี่ประโยคที่เราจะได้ยินจากปากเจ้าหุ่นตัวนี้

แต่เพราะมันไม่พูดนี่แหละ ทำให้ลุ้นว่า แท้จริงแล้วเจ้าหุ่นยนต์นี้คิดอะไรอยู่ มันเป็นเพื่อนแท้ของเราจริงไหม หรือมีอะไรแอบแฝงกันแน่ มันสร้างทั้งความหวาดระแวงและความอุ่นใจในเวลาเดียวกัน

ประโยคที่เราจะได้ยินตลอดทั้งเรื่องแน่ๆคือ “อันตราย วิล โรบินสัน” แล้วแอ็คชั่นก็เริ่มขึ้น ณ บัดนาว


Lost in Space จากซีซั่น 1 ไป ซีซั่น 2

เนื่องจากเป็นการรีวิวรวบสองซีซั่น การดำเนินเรื่องของซีรีส์นี้ถือว่าคงเส้นคงวา มีแนวทางที่ถูกวางไว้ว่าจะเป็นซีรีส์หลายซีซั่น ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือเดินทางไปยังดาว Alpha Centauri ทำให้การคุมโทนของทั้งสองซีซั่นทำได้ดี และรู้สึกถึงความต่อเนื่องไม่สะดุด โดยเฉพาะยิ่งใครดูแบบยาวจากซีซั่น 1 จะยิ่งดี เป็นอีกอันที่ผมว่าเหมาะกับการใช้เวลาว่างในวันหยุดยาวนั่งดูรวดเดียว

และดูแล้วเป็นไปได้ว่าเราน่าจะได้เห็นซีซั่น 3 ต่อจากนี้ด้วยเช่นกันครับ แม้ว่า Netflix จะยังไม่ยืนยัน แต่ดูจากตอนจบแล้วผมคิดว่าน่าจะได้ไปต่อ


เทียบกับสตาร์เทร็ค

เป็นคำถามที่หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าเทียบสตาร์เทร็คกับเรื่องนี้ล่ะ ต้องบอกว่าแนวทางการนำเสนอรวมถึงเนื้อหาหลักไปคนละทางเลยครับ อย่างแรกเลยคือเรื่องนี้ มนุษย์จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานจากเหตุไม่คาดฝัน และพวกเขายังไม่พร้อมที่จะสร้างยานอวกาศที่สามารถเดินทางได้ไกล เพราะยานแม่ที่ใช้เดินทางนั้น สร้างในอวกาศและยังมีความเปราะบางไม่ได้มีการสร้างจากโลกแล้วบินขึ้นไปแบบหนังไซไฟหลายๆเรื่อง พูดง่ายๆว่าความไฮเทคยังห่างไกลสตาร์เทร็คมาก พวกชีลป้องกันอะไรนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ

นอกจากนั้นแล้ว เนื้องเรื่องของเรื่องนี้จะโฟกัสที่ตัวครอบครัวโรบินสันและหุ่นยนต์ โดยจะเน้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา รวมถึงจุดหมายในการไปดาว Alpha Centauri ที่แน่ชัด เนื้อเรื่องอาจจะมีการแวะตามดาวต่างๆบ้างด้วยเหตุการณ์ที่จำเป็น ในขณะที่สตาร์เทร็คนั้นจะเป็นการออกสำรวจอวกาศมากกว่า ทำให้เรื่องนี้มีอารมณ์ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดมากกว่า

ด้วยความที่มนุษย์ในเรื่องนี้ยังไม่ไฮเทค อาวุธยุทโธปกรณ์เราก็บ้านๆ ทำให้พวกเขาดูอ่อนแอมาก จำเป็นต้องพึ่งพาหุ่นยนต์เอเลี่ยนนี่แหละครับ ในขณะที่สตาร์เทร็ค เราล้ำหน้ามีอาวุธล้ำๆเพียบ แถมยานก็วาร์ปได้ดั่งใจหวัง ส่วนยานในเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้หุ่นยนต์ช่วยคงไม่ต้องคิดจะวาร์ป อันนี้ต้องลองไปดูเอง เพราะมันคือคีย์หนึ่งของเรื่องเลยล่ะ

 

ซีรีส์ไซไฟจาก Netflix ที่ไม่ควรพลาด

ถือว่าเป็นไซไฟแนวอวกาศที่ทำออกมาได้ดีมากๆอันหนึ่งครับ ผมเป็นคนที่ชอบดูไซไฟ​ โดยเฉพาะแนวอวกาศ และเรื่องนี้ดึงความสนใจผมได้ตลอดจนจบ ใครเป็นแฟนไซไฟ เป็นอีกเรื่องที่ควรดูนะครับ ถ้าเป็นไปได้ดูแบบ 4K HDR จะฟินมากกับความชัดและเอฟเฟคต่างๆ ไม่ผิดหวังแน่นอน


Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!