งามวงศ์วานเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีคนอยู่กันหนาแน่น และร้านอาหารและคาเฟ่ก็มีมานมนาน แม้ว่าจะไม่เยอะเท่ากับเมืองชั้นใน แต่ในช่วงหลายปีมานี้ หลังจากที่เทรนด์คาเฟ่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ได้เห็นคาเฟ่เปิดใหม่กระจายไปตามจุดต่างๆทั่วกรุงเทพ ทำให้งามวงศ์วาน ย่านที่ไม่ไกลเมืองมากเริ่มมีคาเฟ่เพิ่มขึ้น วันนี้ผมได้มีโอกาสแวะไปที่คาเฟ่ที่มีความน่าสนใจ ทั้งสถานที่และกาแฟ Project Bus Cafe Art
บาริสต้าได้นำรถบัสมาดัดแปลงเป็นคาเฟ่โดยที่ภายในจะเป็นเค้าเตอร์บาร์ที่เราสามารถดื่มด่ำกาแฟไปพร้อมกับนั่งพูดคุยเรื่องกาแฟกับบาริสต้าอัธยาศัยดีอย่างคุณบัสได้ บรรยากาศสบายๆในร้าน และด้วยพื้นที่ด้านในที่ไม่มาก ทำให้ถ้าเราเลือกนั่งที่เค้าเตอร์บาร์ก็จะได้เห็นลีลาบาริสต้าชงเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบให้เราได้ดูกันอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียวครับ
ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศ outdoor ด้านนอกก็น่านั่งไม่แพ้กันครับ มีบริเวณให้นั่งเยอะแยะมากมาย ทั้งหลังรถ ข้างรถ และริมรั้วก็นั่งได้ ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในบริเวณคาแคร์ ใครต้องการล้างรถก็สามารถล้างไปจิบกาแฟรอไปด้วยก็ยังได้ สะดวกเลย และในนี้มีที่จอดรถนะครับ จอดร่วมกับร้านคาแคร์ได้เลยครับ
สำหรับคอกาแฟที่ชอบความหลากหลายของเมล็ดกาแฟ ที่นี่มีเมล็ดให้เลือกเยอะแยะ ทั้งไทยอย่างแม่ฮ่องสอน และเมล็ดนอกอย่างเอธิโอเปีย ก็มี ร้านคั่วเมล็ดกาแฟเองด้วย
นอกจากเมล็ดแล้ว รูปแบบการชงที่มีหลากหลายทั้ง ไซฟ่อน ดริ๊ป แอโร่เพรส เลือกเอาตามชอบ แต่ตอนนี้ยังไม่มี cold brew ครับ ใครสาย cold brew อาจจะต้องลองเสนอบาริสต้าหลายๆรอบอาจจะได้ลองในที่สุด…
เครื่องดื่มที่ไม่ใช่กาแฟก็จะมีพวกชาเขียว โกโก้ โกโก้มินท์ ปกติจะมีขนมให้ทานด้วยอย่างครัวซองและขนมทานง่ายๆ ต้องลองสอบถามก่อนนะครับ เพราะบางทีก็หมด
ADBRO
ราคา ไม่แพงครับ ส่วนมากราคาจะต่ำกว่า 100 บาท มีตั้งแต่ 60 บาทขึ้นไป ถ้าเมล็ดนอกก็จะราคาสูงหน่อย ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องปกติครับ และเทคนิคการชงก็ราคาต่างกันครับ เช่นแอโร่เพรสก็จะเริ่มที่ 55 บาทถ้าเป็นร้อน เย็นก็ 60 บาท ส่วนดริ๊ปก็จะแพงขึ้นมาอีกนิดนึงครับ ส่วนใครสายไซฟ่อนก็น่าจะทราบราคากันดี 🙂
ร้าน Project Bus Cafe Art เปิด 10 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มนะครับ หยุดทุกวันพุธ ใครอยู่ย่านนี้ต้องแวะไป ไม่ควรพลาด
