playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว จอมขมังเวทย์ 2020 อัดแอ็กชั่นประเคน CG มาเต็มเหนี่ยวทั้งเรื่อง!

สรุป

หนังอัดแอ็กชั่น CG เข้ามาเต็มเหนี่ยว ถ้าใครชอบแนวแอ็กชั่นไทยๆ ก็ไม่ผิดหวัง แต่เนื้อเรื่องตัดต่อเล่าไม่ดี ไม่ค่อยอธิบายหลายๆ อย่าง ควรจะดูภาคแรกมาด้วยจะเข้าใจมากขึ้น (ดูได้จากยูทูบลิขสิทธิ์เต็มเรื่อง)

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
1.67 (3 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • อัดแอ็กชั่นเข้ามาเต็มเหนี่ยวทั้งเรื่อง
  • นักแสดงหลักจอมขมังเวทย์ทั้ง 3 คนเล่นได้ดี
  • องค์ประกอบของเรื่องลึกลับแปลกตา

Cons

  • CG ไม่เนียน (แต่ก็ไม่น่าเกลียดอะไรมาก)
  • เล่าเรื่องกระโดดไปมา ขาดที่มาที่ไปหลายจุด

ADBRO

จอมขมังเวทย์ 2020 เรื่องราวของไสยเวทอาคมขลังแห่งโลกยุคใหม่กำลังเริ่มต้น หลังการสูญเสียพ่อจากชายปริศนาที่มาตามฆ่าแย่งชิงเหล็กไหล “วิน” (หมาก ปริญ) ชายหนุ่มผู้รอดชีวิต ต้องเปลี่ยนความเชื่อและศรัทธาที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อสืบหาและจัดการฆาตกรด้วยตนเอง แต่ยิ่งสืบหามากเท่าใดเขาก็ยิ่งถลำลึกสู่ศาสตร์แห่งไสยเวทมากขึ้นไปทุกที จนต้องเข้าไปพัวพันกับ อิทธิ “จอมขมังเวทในตำนาน” (นก ฉัตรชัย) และกลุ่มผู้มีความเชื่อมั่นในชีวิตที่ดีอันมี ครูเมย์ (นก สินจัย) เป็นผู้นำและ ก็อด (ก๊อต จิรายุ) ผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับปริศนาครั้งนี้

ภาคต่อของหนังเก่าปี พ.ศ. 2548 ที่แม้เป็นหนังทุนต่ำ แต่ก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด ซึ่งภาคใหม่ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวโยงกับภาคแรก ซึ่งควรดูมาก่อนจะทำให้เข้าใจภาค 2 มากขึ้น ตอนนี้ดูผ่านยูทูบเต็มเรื่องได้เลยครับ ค่ายพระนครฟิล์มเจ้าของลิขสิทธิ์เปิดให้รับชมกันฟรีๆ

จอมขมังเวทย์ ภาคแรก ของปี พ.ศ. 2548 ดูออนไลน์เต็มเรื่อง

แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาดูภาคแรกก็ข้ามมาภาคนี้ได้เลย ซึ่งก็ยังดูรู้เรื่องอยู่ แต่อาจจะงงนิดๆ กับการที่หนังไม่มีเล่าความเป็นมาของตัวละครอิทธิ จอมขมังเวทย์ในภาคแรกที่กลับมาอีกครั้ง แต่โดยรวมก็ไม่มีปัญหากับการรับชม เพราะหนังเริ่มเรื่องราวที่ “วิน” จอมขมังเวทย์รุ่นใหม่ ซึ่งต้องตามสืบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าพ่อของเขา ซึ่งหนังเปิดเรื่องราวเริ่มมาดีเลยกับการโชว์ให้เห็นพลังของเหล็กไหลที่แม้โดนถล่มยิงอย่างหนักก็หนังเหนียวยิงไม่เข้า แต่เมื่อมีอาคมก็ต้องมีการแก้ทาง หนังเปิดตัวละครจอมขมังเวทย์ลึกลับที่สามารถฆ่าพ่อของวินได้ แล้วแย่งชิงเหล็กไหลไป ซึ่งวินที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็กลายเป็นคนศึกษาวิชาอาคมเพื่อหาทางสู้กับคนที่ฆ่าพ่อของเขา

ฟังดูพล็อตก็พื้นๆ แต่นี่ไม่ใช่หนังตามล้างแค้นทั่วไป ในภาคแรกหนังมีเรื่องราวของการทุจริตในวงการตำรวจ ความสกปรกในจิตใจคน การถลำลึกเข้าไปในวังวนคุณไสยคนเล่นของ จากคนดีกลายเป็นคนเลว กับการต่อสู้ด้วยอาคม ซึ่งในภาค 2 นี้หนังก็ยังคงพยายามคงเรื่องราวเหล่านี้ไว้อยู่บ้าง แต่ไม่เข้มข้นเท่าภาคแรกเนื่องจากปมของเรื่องราวน้อยกว่ามาก จึงหันไปอัดฉากแอ็กชั่นเข้ามาเรียกว่าเต็มเหนี่ยว มีมาตลอดเรื่องแบบไม่กั๊ก ซึ่งก็ดูมีความแปลกใหม่ด้วยเทคโนโลยี CG ที่ไปไกลกว่าสมัยก่อน แต่อาจจะเพราะไปไกลกว่านี่แหละทำให้บางคาถาอาคมกลายเป็นดูเกินเลยจนตลกๆ ไปเหมือนกัน ซึ่งในภาคแรกมีความดิบจากการใช้น้อยแต่ได้ผลมากกว่าภาคนี้ที่หนังอัดฉีด CG เข้ามาเต็มเหนี่ยว แต่กลับดูไม่ขลังเท่าภาคแรก มีหลุดลอยไม่เนี๊ยบอยู่ด้วย แต่ก็ยังถือว่าตื่นตาตื่นใจดีในฐานะหนังไทยแนวนี้ที่หาไม่ได้ง่ายนัก ดูๆ ไปก็เหมือน X-Men เวอร์ชั่นไทย ซึ่งก็เข้ากันดีใช้เลยครับ

จอมขมังเวทย์ 2020

“ทางเดินมันมีไม่เยอะ มีแค่สองทาง อยู่ที่เราเลือก…” คำพูดของ อิทธิ จอมขมังเวทในภาคแรกก็ยังมาโผล่ในภาคนี้ กับพูดให้พระเอกที่เป็นจอมขมังเวทย์รุ่นใหม่ได้ฉุกคิดว่าจะถลำลึกหรือถอนตัวออกมา ซึ่งบทนี้ก็ได้ นก ฉัตรชัย กลับมาเล่นในแบบกึ่งๆ คอยช่วยพระเอก และก็เป็นคนชี้นำทางไปพร้อมกัน ซึ่งก็มีฉากที่อิทธิได้โชว์พลังอยู่ไม่น้อย เรียกว่าเป็นตัวเด่นสำคัญอีกคน ก่อนที่ท้ายสุดของเรื่องราวจะทิ้งท้ายไว้ที่เขาเพื่อปูไปยังภาคต่อไป (หรืออาจจะไม่มีก็ได้) ซึ่งการแสดงของฉัตรชัยก็หายห่วง รวมถึงหมาก ปริญ พระเอกของเรื่องก็เล่นได้ดีดูขลังดิบเถื่อนเข้ากับบทไม่แพ้รุ่นใหม่อย่างฉัตรชัยเลย

ส่วนอีกคนที่มารับทจอมขมังเวทย์ก็คือ ก๊อต จิรายุ ที่ดูโรคจิตสุดๆ หนังวางคาแรคเตอร์ของเขาไว้สองด้านทั้งในบทนักธุรกิจค้าของขลัง และชีวิตอีกด้านที่เป็นจอมขมังเวทย์ ซึ่งก๊อตก็เล่นได้ดีไม่แพ้อีกสองคนเช่นกัน

นักแสดงสมทบคนอื่นก็มีนก สินจัยที่แม้บทจะดูมีอะไรน่าสงสัย แต่กลายเป็นว่ากลับแทบไม่มีอะไรให้เธอแสดงฝีมือเลย ต่างกับ “คิตตี-ชิชา” ที่มาในบทตำรวจที่ตามสืบคดีจอมขมังเวทย์ เธอเล่นได้ดีมีเสน่ห์เกือบๆ เป็นนางเอกได้เลย ซึ่งดูแววแล้วอนาคตไกลแน่นอน

 จอมขมังเวทย์ 2020

หลายๆ อย่างในหนังออกมาโอเคดี อาจจะไม่สุดยอดมาก แต่ก็ถือว่ามีความตั้งใจทำสอบผ่านในกลุ่มหนังไทยของปีนี้เลย แต่หนังก็มีข้อเสียจังๆ กับการเล่าเรื่องที่กระโดดไปมาแบบไม่ยอมปูพื้นให้คนดูเข้าใจ ทำให้เรื่องราวไม่ลื่นไหลดีพอ จนบางทีก็แอบงงว่าจู่ๆ ที่มาโผล่ตรงนี้ต่อกับตรงไหน รวมถึงการที่ตัวละครแต่ละตัวนึกจะมาเจอกันก็มา อย่างกับวาร์ปได้แม้เป็นคนธรรมดา ซึ่งปัญหาพวกนี้อยู่ในหนังแทบทั้งเรื่องจนน่าเสียดาย

ถ้าชอบความแปลกใหม่ของฉากสู้กันด้วยพลังพิเศษแบบไทยๆ ก็แนะนำว่าดูได้เลย หนังโชว์ของ โชว์คุณไสยสารพัดวิชามาประเคนไว้ในเรื่องอย่างหนัก ขนาดที่ว่ามีฉากอัดเต็มเหนี่ยวเหมือนฉากจบแล้ว แต่ก็ยังไม่จบจริง มีสคิปข้ามไปฉากจบอัดกันหนักๆ อีกที เป็นหนังที่แทบจะเดินเรื่องด้วยฉากแอ็กชั่นกินเวลาไปมากกว่าครึ่งของความยาวเกือบสองชั่วโมง ซึ่งแทบไม่มีการยืดอืดๆ เลย ซึ่งถ้าใครชอบแนวแอ็กชั่นก็ดูได้เลยครับ

ตัวอย่าง จอมขมังเวทย์ 2020

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!