playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว บึงกาฬ หนังมอนสเตอร์ยักษ์ของไทยที่ฝันไกล พยายามได้ดีแล้ว แต่ดันไปได้แค่ครึ่งทาง (ไม่มีสปอยล์)

บึงกาฬ

Summary

หนังมอนสเตอร์ยักษ์ของไทยที่คนสร้างกล้าคิดกล้าทำ และก็ทำมันออกมาได้ดีทีเดียวในช่วงครึ่งแรก ตัวเรื่องอัดแน่นจุใจกับฉากอาละวาดของสัตว์ประหลาดแบบไม่กลัวหมดก็อก และก็ทำ CG ออกมาพอเหมาะพอดีกับความเป็นไปได้ของทุนสร้างไทย แต่ในครึ่งหลังตัวเรื่องกลับไปเน้นที่หุ่น Animatronics ที่ได้แค่ดูยิ่งใหญ่ แต่ขาดการขยับเขยื้อนคลื่อนไหวที่ดี จนกลายเป็นหุ่นทื่อๆ ที่ทำได้แค่แยกเขี้ยวขู่คำราม ผสมกับฉากโกลาหลของชาวเมืองที่ดูยืดเยื้อวนเวียนไม่ไปไหน แล้วก็จบเรื่องแบบไม่มีเหตุผลอธิบายรองรับที่ดีพอ ก่อนที่จะมีต่อก๊อกสุดท้ายด้วยการเฉลยที่มาของสัตว์ประหลาดที่ผสมผสานความเชื่อโบราณกับศาสนาแบบไทยๆ เข้าไป ซึ่งแม้จะดูลึกลับน่ากลัวดี แต่ก็มีความอิหยังวะทิ้งท้ายไว้ให้งงเช่นกัน แต่หนังก็ไม่ถึงขั้นว่าแย่หรือห่วยแต่อย่างใด แค่อาจจะมิสทาเก็ตผิดเป้าหมายที่ควรจะเป็นไปเท่านั้นครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
1 (1 vote)

Pros

  • หนังสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์แบบจริงจังของไทยเรื่องแรก
  • ใช้ CG ร่วมกับหุ่นได้ดี
  • โชว์สัตว์ประหลาดออกเยอะ
  • ร่วมทุนกับจีน มีนักแสดงจีน

 

Cons

  • ครึ่งหลังสัตว์ประหลาดดูทื่อๆ
  • บทขาดการอธิบายหลายๆ อย่างให้เข้าใจ
  • จบแบบชวนให้ตีความเองเยอะจนมีงง

บึงกาฬ (The Lake) หนังมอนเสตอร์ไทยโดยผู้กำกับ ลี ทองคำ ที่ร่ำเรียนฝึกฝนในวงการฮอลลีวู๊ดก่อนกลับมาไทยทำเรื่อง สาวลับใช้ ที่ลงใน Netflix ไปก่อนจะมาทำโปรเจ็กต์นี้ยาวนานถึง 5 ปี ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็มีความน่าสนใจที่สุดของหนังไทยในปี้นี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งในตัวมอนสเตอร์แมคคานิกกับ CG ที่ออกมาถือว่าได้ แต่ก็ยังมาตกม้าตายกับปัญหาเรื่องบทแบบหนังไทยเดิมๆ อยู่วันยังค่ำ

ADBRO

รีวิว บึงกาฬ (The Lake)

ตัวหนังในครึ่งแรกถือว่าเป็นส่วนดีที่สุดของเรื่องเลย ด้วยการเปิดเรื่องแบบโชว์ให้เห็นมอนสเตอร์ขนาดใหญ่เต็มๆ ตากันไปก่อนเลย ก่อนที่ต่อมาจะเลือกเล่าเรื่องด้วยมุมภาพจำกัดแบบแทนสายตามอนสเตอร์ที่วิ่งไล่ล่าเหยื่อตัดสลับกับมุมมองจากคนที่วิ่งหนีหรือเห็นมันเพียงบางส่วนในฉากที่มันออกอาละวาดถี่ยิบแบบติดๆ กัน ผู้คนก็หนีกับบาดเจ็บและตายเกลื่อน ซึ่งดูแล้วลุ้นระทึกมาก เหมือนเป็นช่วงเซอร์วิสปล่อยของเรียกผู้ชมให้ตรึงกับเรื่องได้เลย ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังมอนสเตอร์แท้ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยฉากเหล่านี้จริงๆ โดยไม่กลัวว่าของจะหมดก็อก CG ก็ดูเนียนผ่านลื่นไหล อาจจะเพราะการเคลื่อนไหวที่เร็วๆ ที่ผู้กำกับเลือกใช้ด้วย แต่มันก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี จนทำให้ครึ่งแรกตัวหนังทั้งตื่นเต้นและได้อารมณ์ร่วมแบบสัตว์บุกเมืองชนบทไทยได้ค่อนข้างเรียลดีจริงๆ แม้จะมีบทบางจุดที่ดูแล้วข้องใจเล็กๆ ก็สามารถปล่อยผ่านได้ (อย่างฉากตัวนักแสดงออมพูดแบบอารมณ์ไม่ได้ในเทรลเลอร์ที่เห็นก่อนนี้)

แต่ปัญหาของเรื่องก็คือครึ่งหลังจากที่เล่นปล่อยกันหมดก็อกซะขนาดนั้น ตัวเรื่องหันไปเล่นกับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้หุ่น Animatronics มาเข้าฉากแทนการเล่นมุมมองภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ แบบตอนแรก ซึ่งก็เป็นความต้องการโชว์ให้เห็นมอนสเตอร์ที่ลงทุนสร้างไปเต็มๆ ตาของผู้กำกับ ให้อารมณ์แบบทีเร็กซ์ในจูราสสิคปาร์คตามฝันวัยเด็กของผู้กำกับที่อยากทำหนังแบบนี้โดยตรง ซึ่งมันก็ได้ตามนั้นในส่วนที่โคลสอัพแบบเห็นกันจะๆ แม้จะมี CG บางส่วนที่ผสมเข้าไปด้วยแล้วออกมาไม่เนียนเท่าจูราสสิคก็ตาม แต่พอถึงฉากต้องเคลื่อนไหวเพื่อทำลายล้างกลับแทบไม่มี ไทจูตัวนี้กลับกลายเป็นเหมือนหุ่นทื่อๆ ที่พยายามแยกเขี้ยวคำรามต่อหน้าคนไปเรื่อย ตัวบทก็พยายามยืดกับฉากพวกนี้ให้อยู่นานๆ แล้วก็เล่นกับความโกลาหลของผู้คนที่แตกตื่นเมื่อเห็นมัน แต่พอมันทำได้แค่นั้น แม้จะมีการเขียนบทรองรับเหตุผลไว้ว่าทำไม มันก็เลยกลายเป็นช่วงของความน่าเบื่อที่เราได้แต่เห็นสัตว์ประหลาดมัวแต่คำรามกับยืนงึกงัก เดินงุ่มงาม ไร้ซึ่งความตื่นเต้นน่ากลัวไปเลย โดยที่ครึ่งหลังแทบไม่มีใครบาดเจ็บหรือตายเลย (มีตายคนเดียว) ซึ่งผิดวิสัยของหนังสัตว์ประหลาดกินคนหรือบุกเมืองแบบนี้มาก

หลังจากฉากบุกเมืองใหญ่ ตัวเรื่องเหมือนจะจบลงด้วยทางออกที่ง่ายๆ แต่ดันไม่อธิบายเหตุผลให้กระจ่างสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ยังพอมองข้ามได้ แต่เรื่องดันไม่จบลงจริงๆ แล้วมีขยักองค์สุดท้ายไว้เล่าเรื่องที่มาของสัตว์ประหลาด ที่เอาจริงๆ มันควรทิ้งไว้เป็นภาค 2 หรือไม่ก็เอามาใส่ไว้กลางเรื่องเพื่ออธิบายอะไรหลายๆ อย่างให้ครบ ซึ่งตัวเรื่องดันทำช่วงนี้ได้ลึกลับน่าดูเลยทีเดียว มีผสมความเชื่อโบราณกับความเชื่อทางศาสนาเข้าด้วยกัน แต่เหมือนใส่มาผิดที่ผิดทาง เพราะจากนั้นแล้วคือการทิ้งตอนจบไว้ให้คนตีความเอง ซึ่งเชื่อเลยว่าก็คงงงกันแทบทั้งนั้นว่าทั้งหมดนี้เชื่อมโยงและก่อเกิดเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ได้ยังไงกันแน่

ในส่วนของนักแสดงไทยโดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกเล่นแข็งๆ หรือติดขัดอะไรมาก เพียงแต่บทพูดอาจจะไม่สมูธเท่าไหร่นัก กับมีตัวละครหนึ่งที่รับบทที่ไม่ค่อยเมคเซนส์หรือมีคำอธิบายให้เข้าใจ ชวนให้อิหยังวะอยู่ตลอดเรื่อง ที่น่าสนใจกว่าคือบทนักวิทยาศาสตร์จีนที่แทรกเข้ามาในเรื่อง ทำให้เรื่องนี้ดูมีส่วนผสมของวิทยาศาสตร์เข้ามาแบบน่าสนใจหรือแตกย่อยเรื่องราวไปได้มากขึ้นกว่าแค่ไทจูบุกเมืองแล้วคนหนีตาย แต่ก็น่าเสียดายที่ใส่มาเพียงน้อยนิด แม้จะมีส่วนช่วยแก้ไขเหตุการณ์นิดๆ แต่ด้วยความที่เรื่องนี้มีเวอร์ชั่นจีนฉายที่จีน ที่เห็นว่าเนื้อหาแตกต่างไป ตอนจบก็แตกต่าง รวมๆ แล้วถึง 20-30% ตามที่ผู้กำกับเคยให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะเป็นงานร่วมทุนสร้างกับจีนด้วย ซึ่งบางทีตอนจบที่แตกต่าง และการได้นักแสดงจีนที่มาทำให้เรื่องดูอินเตอร์มีวิทยาศาสตร์เข้ามามากขึ้นหลุดไปจากบทเวอร์ชั่นนี้ที่มีความเชื่อไทยๆ ใส่ไว้เยอะ และดันทิ้งไว้ให้คนไทยดูแล้วตีความหาความเชื่อมโยงเอง แต่ผลลัพธ์คือความไม่เคลียร์และชวนงงสับสนมากในตอนจบ

แต่ไม่ว่ายังไงก็ถือว่าเป็นหนังที่คนสร้างกล้าคิดกล้าทำ และก็ทำมันออกมาได้ดีทีเดียวในช่วงครึ่งแรก ซึ่งถ้าไม่พลาดในครึ่งหลังนี่ก็ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ของไทยเรื่องแรกที่น่าชมไม่น้อย แต่หนังก็ไม่ถือว่าแย่หรือห่วยแต่อย่างใด แค่อาจจะมิสทาเก็ตผิดเป้าหมายที่ควรจะเป็นไปเท่านั้นครับ

ติดตามอ่านรีวิวหนังโรงเรื่องอื่นได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!