รีวิว 47 Meters Down: Uncaged บทป่วยพร้อมด้วยฉลามโลวเกรด (มีสปอยล์เทียบภาคแรก)
47 Meters Down: Uncaged
สรุป
บทป่วยอย่างไม่มีเหตุผลที่เมคเซนส์ได้เลยทั้งเรื่อง ตรงกันข้ามกับภาคแรกที่ยังทำมาอ้างอืงหลักการดำน้ำหลายอย่าง
Overall
5/10User Review
( vote)Pros
- ลูกสาวซิลเวสเตอร์สวยโดดเด่น
- ความสัมพันธ์ครอบครัวที่ยังคงไว้แบบภาคแรก
Cons
- บทป่วยไร้เหตุผลสุดๆ
- ขาดข้อมูลดำน้ำแบบภาคแรก
47 Meters Down: Uncaged ภาค 2 ของ 47 Meters Down หนังฉลามปี 2017 ที่ทำออกมาได้ดี โกยเงินได้เกินคาดจากความเป็นหนังทุนต่ำกำไรสูง ทำให้ผู้สร้างไม่รอช้ารีบเข็นภาคต่อออกมาทันที ซึ่งตอนแรกมีข่าวว่าใช้ชื่อ 48 Meters Down ตามคอนเซ็ปต์เดิมที่เป็นเล่นเรื่องระดับความลึกของน้ำที่ส่งผลกับ ออกซิเจน อาการน้ำหนีบ ที่เกิดจากการดำน้ำลึกแล้วขึ้นผิวน้ำไวเกินไป กับอาการเมาไนโตรเจน ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นไคลแม็กซ์หักมุมที่กล้ามากๆ ภาคแรกทำให้คนดูจดจำได้จากเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าทำได้ดี สอบผ่านเลยแม้จะมีความไม่สมเหตุผลหลายๆ อย่างในเรื่องบ้าง แต่การกลับมาใช้ชื่อเดิม แต่เพิ่มคำว่า Uncaged ประมาณว่าฉลามแหกกรงออกมาจากภาคแรกแล้ว (ภาคแรกตัวเอกติดอยู่ในกรงดูฉลามใต้ทะเล) ซึ่งก็เล่นง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนโลเกชั่นมาอยู่ใต้เมืองโบราณ แล้วก็จับฉลามขาวมาใส่ไว้ไล่กัดคนในเรื่องที่ติดอยู่ในพื้นที่จำกัด แต่ Uncaged กลับละทิ้งรายละเอียดอย่างอื่นที่เป็นที่จดจำในภาคแรกไปแทบทั้งหมด
ภาคต่อทุนสูงกว่าภาคแรกเท่าตัว (จาก 5 ล้านมาเป็น 11 ล้านเหรียญ) แต่กลับกลายเป็น “งานโลวเกรด” ที่ลดระดับลงมาทุกอย่างแบบไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่บทที่ขาดความสมเหตุสมผลทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องฉลามขาวที่ไปติดอยู่ใต้เมืองบาดาลตั้งแต่ตัวเล็กๆ แล้วก็ออกจากที่นั่นไม่ได้ แถมวิวัฒนาการมาเป็นฉลามผิวซีดๆ ตาบอดแบบปลาในถ้ำ เพื่อจะได้เล่นมุกฉลามมองไม่เห็น ไล่จับกับตัวละครในถ้ำมืดๆ ซึ่งก็ต้องร้องโอ้โหในใจว่าคนเขียนบทคิดมาได้อย่างไรกับวิวัฒนาการอะไรแบบนี้ (นี่ยังไม่นับว่ามันกินอะไรในนี้จนโตด้วยนะ) แต่สุดท้ายหนังก็ไม่ได้ใช้เรื่องฉลามตาบอดไปทำอะไรมากนักเลยจริงๆ แถมจากที่เห็นเป็นความพยายามออกแบบวิวัฒนาการฉลามใหม่กะให้ดูดุร้าย แต่กลายเป็นงี่เง่าลงกว่าเดิม แถมยังพ่วงด้วยความสามารถวาร์ป ใช่ครับอ่านไม่ผิด ฉลามวาร์ปได้จริงๆ จากในเรื่องที่บอกที่นี่เป็นเขาวงกตถ้ำใต้ทะเล ฉลามตาบอดกลับโผล่ตามมาได้ทุกจุดที่ตัวละครหนีรอดผ่านซอกแคบๆ โอเคอาจจะแถว่ามันมีหลายตัวเลยโผล่ได้ทุกที่ก็จริง แต่นั่นยิ่งเป็นจุดบอดใหญ่ของเรื่องที่ว่า ที่นี่มีทีมนักดำน้ำโบราณสถาณมาบุกเบิกอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งก็เป็นทีมของพ่อนางเอกที่นั่งฟังเพลงใต้กันอย่างสบายใจ แต่ไหงอยู่ดีๆ กลายเป็นฉลามพวกนี้โผล่มางาบไปหมดดื้อๆ หนังไม่มีคำอธิบายหรือแม้แต่จะจินตนาการว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยังไง ซึ่งต่างจากภาคแรกที่มีความสมเหตุผลของการที่ลงมาติดอยู่ใต้ทะเล แถมด้วยตัวเลขระดับความลึกที่นำมาเล่นเป็นเหตุการณ์น้ำหนีบได้อย่างเข้าท่า ในภาคนี้ไม่มีตัวเลขความลึกหรือเรื่องใดๆ จากภาคแรกมาเลย มีเพียงแค่ข้อจำกัดออกซิเจนหมดที่ยังเหมือนภาคแรกเท่านั้น ซึ่งก็ขาดความสมจริงไปอีกเรื่องเนื่องจากตัวละครในภาคนี้กรี๊ดสนั่นตกใจตลอดทุกช่วง แต่ออกซิเจนกลับอึดเหลือหลาย ต่างจากภาคแรกที่ต้องลดอาการตื่นตกใจเพื่อควบคุมออกซิเจนให้ลดน้อยลงที่สุด ซึ่งก็เป็นข้อท้าทายอย่างหนึ่งที่เข้าท่า เรียกว่าภาคแรกพยายามเขียนบทให้ฉีกกรอบหนังฉลามกินคนหลายอย่างที่เคยสร้างกันมา แต่พอมาภาคนี้เอาของเก่ามายำใหม่จนกลายเป็นหนังที่ไม่น่าจะเหลือเครดิตอะไรให้ไปทำภาคต่อลงโรงได้อีกแล้ว
ส่วนสิ่งที่ยังพอขายได้ก็คงเป็นตัวละครหญิงเหมือนอย่างภาคแรก ที่คราวนี้ใช้ถึง 4 คนต่างกับภาคแรกที่ใช้แค่ 2 คนทั้งเรื่อง แต่ก็ยังหยิบยืมแนวทางพี่น้องไม่ลงรอยกัน แต่ต้องมาดำน้ำด้วยกัน แล้วก็กลายเป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอดที่ช่วยสานสัมพันธ์กัน ซึ่งในภาคแรกถ้าใครได้ดูมาก่อนคงรู้ว่าตอนจบหนังได้สร้างฉากเซอร์ไพรส์ที่น่าจดจำ แต่ในภาคนี้กลับทำมาราบเรียบเป็นเส้นตรง ไม่มีการหักมุมใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังออกแบบให้มีบทตัวละครโง่ๆ ซึ่งเล่นโดยลูกสาวซิลเวสเตอร์สตอลโลน คนสวย ซึ่งเธอสวยจริงๆ ครับ แต่กลับได้รับป่วยสุด ไร้สมองสุดในเรื่อง แต่ยังดีที่สองนางเอกพี่น้อง Mia กับ Sasha ยังถือว่าสอบผ่าน พอมีเคมีเข้าคู่กันกับเรื่องถูไถเอาตัวรอดไปได้ ส่วนสาวชาวเวียดนามอีกคนก็พอถูไถไปได้กับบทผู้นำในเรื่อง แต่ด้วยองค์รวมกับบทป่วยๆ ไม่เมคเซนส์ตั้งแต่ต้นจบ ก็เลยไม่ช่วยให้ใครดูดีขึ้นมาจริงๆ ได้เลย ยิ่งตอนจบฉากสู้กับฉลามงาบลงไปใต้ทะเลนี่ทำเอาอึ้งว่าคิดได้ไง ฉลามขาวงับคนเหมือนแมวคาบลูกไปซ่อน ไม่ได้มีความรุนแรงอะไรตามข้อเท็จจริงที่ฉลามขาวเป็นสัตว์ที่มีแรงกัดลำดับต้นๆ ของโลก ซึ่งภาคแรกก็มีฉากโดนฉลามกัดแบบโอเวอร์ๆ คล้ายกันในตอนจบ แต่ได้ทลายกฏความไม่เมคเซนส์ด้วยฉากจบเซอร์ไพส์แทน ทำให้ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจว่ารอดได้ยังไง ถ้าใครสงสัยอ่านดูจากสปอยล์ด้านล่างเอานะครับ
ฉากสุดท้ายในภาคแรก นางเอกทั้งคู่ต้องว่ายน้ำหนีฉลามขาวขึ้นเรือ แต่โดนกัดแล้วลากลงทะเลไป แต่ก็สู้จนรอดกลับมาได้สำเร็จ แต่แล้วเรื่องกลับกลายเป็นว่านั่นเป็นแค่ภาพหลอนของอาการเมาไนโตรเจน นางเอกตัวจริงยังติดอยู่ในกรงที่เดิม และน้องนางเอกก็ตายไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งหมดที่เราเห็นเป็นภาพหลอนตอนจบทั้งสิ้น ก่อนที่นักประดาน้ำช่วยชีวิตจะมาเจอนางเอกที่เสียสติไปแล้ว…
ในภาคนี้ก็เป็นฉากแบบเดียวกันหมด แต่จบด้วยความจริงปกติ รอดปลอดภัยแม้โดนกัดจมเขี้ยวไปขนาดนั้น
หนังไม่มีอะไรน่าจดจำหรือเทียบเคียงภาคแรกได้เลยทุกทาง แม้แต่การออกแบบฉากแคบๆ มากะให้ลุ้นระทึก แต่ในเรื่องกลับกลายเป็นฉากมืดๆ กับฉลามตาบอดปลอมๆ กับซีนไล่กัดซ้ำๆ แทบทั้งเรื่อง ยังดีที่มีช่วงท้ายเป็นฉากในทะเลเปิดปกติ ซึ่งก็ดีกว่าฉากไล่ล่าในถ้ำแบบเห็นได้ชัด แต่ก็ตายด้วยความไม่เมคเซนส์อย่างที่กล่าวไปด้านบน
นี่เป็นหนังสัตว์กินคนที่ทำมาห่วย ด้วยบทป่วยๆ อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าคิดทำกันออกมา แต่ถ้าใครแคลงใจว่าเอาน่า หนังแนวนี้จะไปหาเหตุผลอะไร แค่ดูคนถูกกัดก็พอใจแล้ว (เอาจริงๆ ก็แทบไม่ได้เห็นภาพหรืออะไรเลยเพราะถ้ำมันมืดๆ) ก็ต้องลองพิสูจน์ดูด้วยตาตัวเองกันแล้วล่ะครับ ขอแถมรวมรีวิวจากรอบสื่อไว้เปรียบเทียบอีกทางครับ คลิกที่นี่ได้เลย รวมรีวิว Uncaged