รีวิว in the tall grass พงหลอนมรณะ ลึกลับ น่ากลัว สยองขวัญตามสไตล์ดั้งเดิม Stephen King
in the tall grass พงหลอนมรณะ
สรุป
หนังให้อารมณ์สไตล์ “สตีเฟน คิง” ได้ดี หนังดูลึกลับ สยองขวัญแบบมีสไตล์แตกต่างไปจากหนังสยองขวัญทั่วไป แต่ไม่แตกต่างจากหนังสตีเฟน ติง ที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ แค่หยิบจับแนวพื้นที่อาถรรพ์มาเปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ หนังไม่ได้มุ่งเน้นคลายปมปริศนา แต่เล่นกับความสัมพันธ์ตัวละครทั้งหมดเป็นหลัก และยังขยายไปถึงแนวไซไฟเล่นกับห้วงเวลาเพิ่มอีกด้วย
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- หนังดูลึกลับน่ากลัวอึมครึมตลอดเวลา
- นักแสดงเด็กเล่นได้ดี ดูน่ากลัวขนลุกตลอดเวลา
- พล็อตห้วงเวลาทำให้หนังดูซับซ้อนเข้าไปอีก
- องค์ประกอบธรรมชาติที่น่ากลัวในตัวเอง
- มุมกล้องการถ่ายทำสวย
Cons
- หนังกลางเรื่องไปเริ่มอืดจนน่าเบื่อได้
- ไม่ได้ตั้งใจไขปมปริศนาที่เกิดสักเท่าไหร่
- ช่วงเวลากลางคืนมืดจนมองแทบไม่เห็น
in the tall grass พงหลอนมรณะ (คลิกรับชมได้ที่นี่) ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนวนิยายเรื่องสั้นของสตีเฟน คิง เรื่องราวของคู่พี่น้อง เบ็คกี้และคาลที่จอดรถกลางทาง แล้วได้ยินเสียงร้องของเด็กชายในทุ่งหญ้าสูง ทั้งสองรุดเข้าไปในทุ่งเพื่อช่วยเขา แต่กลับพบพลังชั่วร้ายที่ทำให้ต้องหลงทิศและพลัดหลงกัน หลังจากตัดขาดจากโลกภายนอกและหนีออกมาจากพลังดึงดูดของทุ่งแห่งนี้ไม่ได้ เบ็คกี้และคาลจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เลวร้ายกว่าการหลงทางคือการที่มีใครสักคนเจอตัว ผลงานเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดยวินเซนโซ นาตาลี ที่มีผลงานจากหนังสยองขวัญสุดคัลท์อย่าง Splice ที่จะมานั่งแท่นกำกับและดัดแปลงเรื่องสั้นผลงานจากปลายปากกาของ Stephen King และ Joe Hill ลูกชายของเขา เป็นหนัง Original Netflix อีกเรื่องที่มีใน Netflix จากเรื่องแรกที่ชื่อ 1922
ตัวอย่างหนัง in the tall grass พงหลอนมรณะ Netflix
In The Tall Grass นั้นเป็นเรื่องสั้นในสไตล์ดั้งเดิมของ Stephen King แบบที่หลายคนคุ้นเคยกัน กับเรื่องราวน่ากลัวจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่เราพบเห็นกันอยู่ปกติทั่วไป มาคราวนี้เป็นทุ่งหญ้าที่สูงปกคลุมจนท่วมหัวตามริมทางข้างถนน แต่กลับกลายเป็นความสยองขวัญแบบไม่คาดคิด เมื่อ “ทุ่งหญ้าที่สูงท่วมหัวกลายเป็นดั่งเขาวงกตที่ไร้ทางออก” จากนั้นก็เหมือนฝันร้ายเมื่ออะไรๆ ในทุ่งหญ้านี้เริ่มแปลกประหลาดเกินจินตนาการขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการได้ยินเสียงตัวเองในอีกห้วงเวลาหนึ่ง การพบกับเด็กชายลึกลับที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ อีกทั้งยังพบกับคนอื่นๆ ที่หลงอยู่ในทุ่งหญ้านี้มานานแสนนานเช่นกัน
ปริศนาทั้งหลายนี้ก็เป็นไปตามสไตล์นิยายสตีเฟนคิง ซึ่งถ้าใครดูมาเยอะๆ ก็จะพอจับจุดได้ว่าคิงใช้มุกเดิมแนวพื้นที่อาถรรพ์มารีไรท์ใส่ในโลเกชั่นใหม่ อย่างล่าสุดที่พึ่งผ่านพ้นไปเดือนก่อนก็ IT กับเมืองที่มีอาถรรพ์ตัวตลกกินเด็ก หรืออย่าง Pet Sematary กลับจากป่าช้า ที่พึ่งรีเมคใหม่ปีนี้ ก็เป็นแนวพื้นที่ต้องสาปเช่นกัน ซึ่งกับหนังจากนิยายสตีเฟนคิงที่ทำออกมาติดๆ กันช่วงหลังก็ดูจะซ้ำเดิมมากไปเหมือนกัน แต่ก็ต้องชมว่าในความซ้ำนั้นสตีเฟนคิงเก่งตรงเอาเรื่องง่ายๆ มาทำให้น่ากลัวเกินคาด ซึ่งพงหญ้ามรณะนี้ก็หลอนลึกลับน่ากลัวใช้ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องผีปีศาจที่อยู่ในทุ่ง เอาแค่ขอบใบหญ้าที่บาดผิว ความร้อน โคลน แมลงวัน อีกา ความร้อนจากดวงอาทิตย์ และฝนตกในเวลากลางคืน องค์ประกอบธรรมชาติเดิมๆ เหล่านี้ก็ทำให้คนดูรู้สึกระทึกขวัญหวาดระแวงว่าจะมีอะไรน่ากลัวในพงหญ้าที่แหวกไปตลอดเวลา
นอกจากองค์ประกอบธรรมชาติที่เรื่องนี้ทำได้ถึงแล้ว หนังยังพาเอาเรื่องราวของภูติผีปีศาจไม่ที่ปรากฎว่ามีตัวตนยังไงตามสไตล์สตีเฟนคิงมาไว้ที่พงหญ้าแห่งนี้ด้วย ซึ่งก็ดูเป็นสูตรสำเร็จแบบที่ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายอะไรมาก หนังใช้การอธิบายนิดหน่อยให้คนไปจินตนาการต่อเองว่าเขาวงกตในทุ่งหญ้านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกันแน่ แม้ว่าจะดูลึกลับดี แต่ในอีกทางหนึ่งก็ดูเป็นอะไรที่ง่ายเกินไปหน่อย หนังไม่มีคำอธิบายแน่ชัดว่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในทุ่งหญ้าแห่งนี้ ดูจบแล้วก็ยังเป็นปริศนาเรื่องเล่าหลอนๆ ได้ต่อไป ไม่มีการจบแบบเคลียร์ปมอะไรทั้งสิ้น
นอกจากความน่ากลัวของพื้นที่เขาวงกตแล้ว หนังยังเล่นประเด็นหลักไปที่เรื่องความสัมพันธ์ของคนที่หลงในทุ่งหญ้าด้วยกัน จากที่ดูเหมือนคนใกล้ตัวเชื่อใจได้ แต่พอมาอยู่ในทุ่งหญ้านี้กลับกลายเป็นไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงการเปิดความสัมพันธ์ที่ผูกโยงใยกันมาก่อน แล้วโดนทุ่งหญ้าแห่งนี้ลากมารวมกัน เพื่อชดใช้สิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป หนังผูกโยงใยตัวละครได้อย่างน่าสนใจ นักแสดงเล่นได้ดีทุกตัวละคร ตั้งแต่เด็กน้อยเจ้าของเสียงที่ลากทุกคนเข้าไปมาอยู่ในทุ่ง หนังทำให้ดูไม่น่าไว้ใจตลอดเวลาว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรกันแน่ รวมถึงพ่อของเจ้าหนูคนนี้ก็กลายมาเป็นตัวละครที่คาดเดาไม่ได้เช่นกัน แม้แต่ตัวเอกหลักจุดเริ่มต้นของเรื่องก็ด้วย หนังวางให้มีเบื้องหลังความสัมพันธ์ 3 คน พี่ชาย น้องสาว (ที่ท้องโตใกล้คลอด) อดีตคนรัก เป็นซับพล็อตเสริมให้เห็นว่าทุ่งหญ้านี้ช่วยเปิดสันดานดิบของมนุษย์ขึ้นมาอีกทาง นอกจากความน่ากลัวในตัวเขาวงกตของมันเอง
เหมือนว่าแค่นั้นยังไม่พอ หนังยังเล่นกับเรื่องห้วงเวลาจนกลายเป็นลูปเวลาซับซ้อน จนกลายเป็นหนังไซไฟสยองขวัญไปในตัวด้วย ซึ่งถ้าใครชอบแนวห้วงเวลาฆาตกรรมเหมือนอย่างเรื่อง Triangle เรือสยองมิตินรก เรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน และก็ดูจะให้อารมณ์ใกล้เคียงกันมาก (ถ้าใครไม่เคยดูแนะนำเลยห้ามพลาดครับ) ทำให้หนังเรื่องนี้มีอะไรที่ลึกลับกว่าที่ตัวอย่างเปิดเผยไว้เข้าไปอีก
แม้ว่าความความสยองขวัญน่ากลัวจะทำได้ถึง ไม่เสียเครดิตที่เอาชื่อสตีเฟน คิงมาแปะไว้ แต่หนังกลับพลาดที่ยืดเยื้อเรื่องราวมากจนเกินพอดี หนังใช้เวลานานมาก วกวนอยู่ในเรื่องราวปริศนาที่ไม่ได้ตั้งใจให้มีเฉลยเคลียร์ปมชัดเจนจนน่าเบื่อ แถมช่วงหลังหนังใช้ช่วงเวลากลางคืนมาเล่นยาวนานมากไป ต่างกับตอนเริ่มที่หนังใช้ความน่ากลัวแบบกลางวันแสกๆ ซึ่งทำได้ดีกว่าฉากเวลากลางคืน ที่ถ่ายทำออกมามืดจนแทบมองอะไรไม่เห็น กลายเป็นรู้สึกว่าตอนแรกทำได้ดีกว่าตอนหลังมาก แต่ก็ยังดีที่หนังมีกลับไปช่วงเวลากลางวันสลับไปมาจนจบเรื่อง ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกตอนกลางวันกลับน่ากลัวกว่ากลางคืนอย่างชัดเจน
หนังไม่ได้ใช้แค่เรื่องราวในทุ่งหญ้าเล่าเรื่องเท่านั้น ยังมีการออกไปด้านนอกที่โบสถ์ลึกลับตรงข้ามฝั่งถนน ซึ่งก็เหมือนเป็นปริศนาที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวในทุ่งหญ้า แต่กลับให้เวลาในส่วนนี้น้อยมากไปจนทำให้ตอนจบสุดท้าย เราก็ยังไม่ได้เข้าใจความเกี่ยวข้องของสองที่นี้ดีพอ ทำให้ฉากจบออกจะงงๆ ปะติดปะต่อไม่ถูก แต่ถ้ามองในมุมหนังที่เล่นเรื่องห้วงเวลาเป็นหลักมักจะจบแนวๆ นี้ทุกเรื่อง ซึ่งก็ถือว่าพอรับได้ ไม่ได้ทำให้ in the tall grass กลายเป็นหนัง Netflix ที่คนมักยี้ว่าขึ้นต้นดีแล้วจบห่วยไปอีกเรื่อง
เท่าที่ผมสังเกตุหลังๆ หนังออริจินอล Netflix มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เรื่องนี้ก็เช่นกัน นี่เป็นหนังที่เล่นกับเรื่องราวเล็กๆ ที่ทำได้มากกว่าที่เห็นในตัวอย่างมากพอดูเหมือนกัน เรียกว่าดูได้ไม่ผิดหวังมาก แต่ถ้าจะหวังความสมบูรณ์ระดับเรื่อง IT อะไรแบบนี้คงไม่ได้ขนาดนั้นครับ
อ่านบทความรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่
รีวิว The Forest Of Love หนังคัลท์ Original Netflix จากญี่ปุ่น
รีวิว Fractured แตกหัก (Netflix) หนังทริลเลอร์ที่หลอนแบบกลวงๆ
รีวิว The Influence แม่จากนรก หนังสยองขวัญ Original Netflix จากสเปน
รีวิวซีรีส์ The Politician “ผมเป็นนักการเมือง แต่ผมไม่ใช่มนุษย์”
รีวิวซีรีส์ Raising Dion (Netflix) ชมชีวิตคุณแม่ยังสาวผู้เลี้ยงซูเปอร์ฮีโร่เด็ก