รีวิว Last Christmas หนังรักคริสต์มาสเสียงแตกแห่งปีที่ต้องลองดูเอง!

Last Christmas ลาสต์ คริสต์มาส ภาพยนตร์โรแมนติคคอเมดี้ที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลงชื่อเดียวกันของจอร์จ ไมเคิล เล่าเรื่องของ “เคท” (เอมิเลีย คลาร์ก จาก GOTH) หญิงสาวผู้มีนิสัยไม่แคร์ใคร ผู้ฝันเป็นนักร้องที่โด่งดัง แต่เธอกลับติดแหง่กอยู่ในร้านขายของคริสต์มาสในลอนดอน โดยต้องแต่งชุดเอลฟ์ทำงานกับเจ้านายสาวใหญ่ชาวจีน (มิเชล โหย่ว) ในขณะที่ชีวิตกำลังย่ำแย่ เธอได้พบกับ “ทอม” (เฮนรี่ โกลดิ้ง) ชายหนุ่มที่ดูดีเกินจริงได้เข้ามาในชีวิตเธอและพาเธอก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิต

บอกก่อนเลยว่านี่เป็น 1 ในภาพยนตร์เสียงแตกแห่งปี ฝั่งนักวิจารณ์เมืองนอกแบ่งสองฝ่ายชัดเจน จนทำให้เรตคะแนนเฉลี่ยเรื่องนี้ตกฮวบฮาบต่ำกว่า 50% แต่พอดูฝั่งผู้ชมกลับแฮปปี้อยู่ในเกณฑ์ดีเอามากๆ อีกทั้งแนวหนังรักคริสต์มาสกับหน้าหนังดูโหลๆ ไม่น่าดึงดูดให้รู้สึกชวนไปดูอะไรเลย แต่สุดท้ายตัดสินใจตีตั๋วไปดูเพราะอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ฝั่งไหน ซึ่งก็พบว่าชอบ และชอบมากๆ ด้วยกับเนื้อหาที่ไม่ธรรมดา แม้เกือบจะคาดเดาได้ แต่ก็คาดไม่ถึงได้เช่นกัน และหนังยังสอดแทรกอะไรไว้มากกว่าหนังรักโรแมนติกธรรมดาเข้าไปมากด้วย ทำให้หนังมีความพิเศษในตัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

คะแนนหนังเสียงแตกจาก Rotten Tomatoes

หนังเล่าเรื่องราวชีวิตแย่ๆ ของนางเอก ผู้ซึ่งไม่แคร์ใคร ทำงานในร้านขายของก็สะเพร่าจนนายจ้างระอา แถมทุกวันไม่กลับบ้านทั้งๆ ทิ้งแม่ที่แยกทางกับพ่อให้รออยู่คนเดียว ชีวิตก็มีแต่เมาเหล้า หลังเลิกงานเข้าบาร์ทุกวัน ก่อนจะจบด้วยการหิ้วผู้ชายไปวันไนท์สแตนด์ไม่ซ้ำหน้า ไม่ซ้ำที่พักทั้งบ้านผู้ชายหรือบ้านเพื่อนไปที่พักจนเพื่อนไม่คบ แถมยังฝันสูงอยากเป็นนักร้องดังจนต้องไปออดิชั่นตามงานต่างๆ ตลอด ซึ่งในอดีตเธอคือนักร้องนำเยาวชนที่เสียงดี แต่โตมากกลับกลายเป็นย่ำแย่ไม่เอาไหน นี่เป็นหนังที่เรียกว่าเปิดมาก็อัดมาเป็นชุดกับชีวิตตัวตนของนางเอกที่ห่วยแตกเอามากๆ มีดีก็แค่ความสวยเพียงอย่างเดียวจริงๆ

หนังพาไปให้เห็นตัวตนแย่ๆ ของนางเอกซึ่งไม่แคร์ใครจนส่งผลร้ายๆ กับตัวเอง แล้วค่อยเฉลยมาเรื่อยๆ ว่าที่จริงแล้วที่เธอทำตัวแย่ๆ มันก็มีสาเหตุอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่ “Second Change” โอกาสที่สองตามที่หนังเล่าแค่นั้น แต่รีวิวนี้จะไม่เล่าอะไรในจุดหลักนี้เพราะคิดว่าควรไปรู้เรื่องในหนังเอาจะดีกว่า เพราะเป็นการปูทางไปสู่จุดหักมุมของเรื่องที่สำคัญมากๆ แม้แต่ตัวอย่างภาพยนตร์ก็สุ่มเสี่ยงต่อการสปอยล์ที่เรียกว่าร้ายแรงจนเสียอรรถรสการดูหนังเรื่องนี้ไปเช่นกัน คือถ้ารู้แล้วจบกันไม่ต้องดูหรืออารมณ์เปลี่ยนไปมากทันที

เราอาจจะเห็นสูตรหนังคริสต์มาสแทบทุกเรื่องต้องเป็นหนังรัก มีพระเอกหล่อแสนดีเข้ามาในชีวิตช่วงนี้ที่ใครๆ ก็เบิกบาน แต่ตัวเอกมักจะอับโชคชีวิตเศร้ารันทดก่อนจะไปพบกับเรื่องราวแฮปปี้ภายหลัง ซึ่งหน้าปกเรื่องนี้ก็ไม่พ้นให้คิดไปได้แบบนั้น และเรื่องราวส่วนหนึ่งในหนังก็ดำเนินไปแบบนั้นไม่ได้แปลกแตกต่างไปเท่าไหร่ แต่สิ่งที่พิเศษคือ

จุดหักมุมสำคัญของเรื่องที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ทำให้โมเมนต์กุ๊กกิ๊กในเรื่องกลายเป็นฮุคเข้ากลางใจคนดูอย่างเจ็บปวดจนน้ำตาไหลเอาง่ายๆ ได้

ถ้าใครอยากรู้แบบทนไม่ไหวจริงๆ ก็กดอ่านสปอยล์ท้ายบทความเอาครับ แต่แนะนำว่าอย่าอ่านเลยจะดีที่สุด!

ปัญหาความแตกต่างของ Gen ในครอบครัวผ่านการประท้วง “เบร็กซิต”

แต่ไม่ใช่แค่ว่าทั้งเรื่องจะมีส่วนหักมุมที่พิเศษให้ดูเพียงอย่างเดียว หนังยังมีการเล่าเรื่องนำพาปัญหาชีวิตนางเอกที่ไม่ใช่แค่พบกับเรื่องที่ตัวเองทำแย่ๆ เอง แต่มีเรื่องปัญหาการประท้วงไม่ยอมรับผลของ “เบร็กซิต” ที่คนอังกฤษแท้ๆ จำนวนมาก ชิงชังคนต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยในประเทศอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หนังค่อยๆ ใส่เรื่องราวส่วนนี้มาทีละนิดๆ อย่างแนบเนียน เป็นประเด็นที่ร่วมสมัยและก็มีผลกระทบสำคัญกับชีวิตการเปลี่ยนของนางเอกกับครอบครัวอยู่ไม่น้อย เนื่องจากแม่ของเธอเป็นคนต่างด้าวที่อพยพเข้ามาและปรับตัวไปกับสังคมอังกฤษไม่ได้ดี (ไม่เข้าใจคำศัพท์อังกฤษ ติดพูดภาษาบ้านเกิด) ต่างกับรุ่นลูกที่ปรับตัวชินจนเหมือนเป็นคนอังกฤษแท้ๆ ทำให้รู้สึกว่าแม่ทำอะไรเก่าๆ โบราณๆ ที่เธอไม่ชอบเลย ความรู้สึกก็คงคล้ายๆ คนจีนรุ่นอาม่าอากงที่เข้ามาไทย แล้วปรับตัวไม่ได้นัก พยายามแค่อยู่ให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่จะกลมกลืนไปได้… ถึงหนังอาจจะไม่ได้เล่นประเด็นนี้กับนางเอกหนักหน่วงอะไรนัก แต่ก็เอามาสอดแทรกผ่านตัวละครหลักในเรื่องแบบมีนัยยะผ่าน พระเอกทอมที่เป็นลูกครึ่งเอเชีย (มาเลเซีย) นายจ้างชาวจีนที่เล่นโดยมิเชลโหย่ว โดยจงใจไม่ให้น้ำหนักกับตัวละครหลักเป็นชาวอังกฤษแท้ๆ เลยสักคน… (เป็นหนังสัญชาติอังกฤษ แต่ตัวละครไม่ได้เชื้อชาติอังกฤษ)

หนังยังมีปมปัญหาพี่น้องที่หนังหยิบจับเอา Frozen มาเล่นในบทที่นางเอกต้องไปออดิชั่น แล้วจิกกัดปมปัญหาของเธอกับพี่สาวเหมือนกับปัญหาของโฟรเซ่นสองพี่น้องโตมาด้วยความคิดที่แตกต่างกัน พร้อมกับปมในครอบครัวที่ไม่ลงรอยกันจากรักที่ไม่เท่ากันของพ่อแม่จนนำไปสู่ชีวิตแย่ๆ ของลูกในปัจจุบัน

แค่นั้นไม่พอยังมีเรื่องราวของ LGTB ใส่เข้ามาแบบน้อยแต่ดี คือหนังหลายๆ เรื่องใส่มาเพื่อเพียงแค่แสดงให้เห็นว่าฉันมีเรื่องแบบนี้นะ แต่เรื่องนี้คือ 1 ในปมปัญหาสำคัญที่ซ่อนไว้ก่อนเฉลยท้ายเรื่องอีกช็อต แม้จะไม่หนักหน่วงเพราะคาดเดาได้ แต่ก็สำคัญมากๆ กับการที่ทำให้นางเอกต้องกลายมาเป็นคนแบบนี้ที่ไม่แคร์ใคร

3 ตัวละครหลักที่บทส่งเสริมกันและกันดีมาก

เอมิเลีย คลาร์กในบท “เคท” นางเอกของเรื่องเล่นได้อย่างมีสีสันกวนโอ้ยเอามากๆ คือส่วนที่ตลกแทบทั้งหมดก็มาจากการกระทำแย่ๆ ของนางเอกนี่แหละ บททำให้เธอเมาหัวราน้ำหน้าตาหลุดเมคอัพตลอดเรื่อง แต่ก็ยังสวยแบบเละๆ น่ารักอยู่ดี หนังทำให้เชื่อได้ว่าแม้เธอจะเป็นประเภทวันไนท์สแตนด์ก็ตาม แต่เธอก็มีหัวใจอยากคบใครที่ลงหลักปักฐานอบอุ่นได้สักคนเหมือนกัน ซึ่งไอ้เจ้าหนุ่มนี่ก็ดันพิสดารไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นที่เธอจับได้ทุกคืน กลายเป็นความท้าทายของเธอ แต่ดันลงเอยด้วยการตกหลุมรักเข้ามาแทนซะงั้น หนังบิ้วความรักของนางเอกขึ้นๆ ลงๆ เกือบเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่หลายทีแบบดูโรแมนติกมากๆ

“ทอม” พระเอกของเรื่องแม้จะดูเชยๆ ในตอนแรก แต่ค่อยๆ แทรกเข้ามาทำให้หวั่นไหวได้ไม่ใช่น้อย ในบทผู้ชายแสนดีที่คงหาไม่ได้ง่ายๆ (และก็หาตัวยากในเรื่องด้วย หายตัวไปบ่อยๆ) แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มี ซึ่งก็เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ของเรื่องที่ทำให้นางเอกเปลี่ยนไปเป็นคนที่ดีขึ้นทีละน้อยๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่ง “เฮนรี่ โกลดิ้ง” เล่นได้เข้าขากับนางเอก เขาเล่นได้มีเสน่ห์แบบบ้านๆ หล่อแบบติดดินได้สมบาทอยู่เหมือนกัน แต่อาจจะขัดตาความเคยชินหน่อยที่พระเอกคริสต์มาสหน้าตาเอเชียๆ แทนที่จะเป็นฝรั่งจ๋าแบบที่เห็นกันจนชินตา

มิเชลโหย่วในบทนายจ้างของนางเอกก็มีโมเมนต์ความรักสาวใหญ่วัยกลางคนมาเสริมเรื่องราวได้อย่างดี และก็ตลกเอามากๆ ด้วยกับการจงใจเล่นเรื่องรักแรกพบของเธอที่บทพูดกับแอ็คติ้งเลี่ยนเอามากๆ คือเหมือนขุดเอามาจากละครเวทีสมัยเก่าเอามาเล่นในหนังปัจจุบัน ทำให้หนังมีบทสมทบที่สำคัญและก็สนุกทุกครั้งที่เธอออกมาฉะนางเอกได้อย่างเจ็บๆ แต่ก็หวังดีไปพร้อมกัน โดยที่นางเอกเป็นพนักงานขายแต่งชุดเอลฟ์แสนขี้เกียจในร้านขายของคริสต์มาสจากจีนสุดพิลึก โดยไอเทมในร้านที่นำเสนอแต่ละอันไว้เรียกเสียงฮาโดยเฉพาะ

นี่เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง เรื่องราวในบทเพลงจึงประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับหนังตั้งแต่ต้นจนจบ หนังเลือกใส่เพลงเพราะๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาจจะไม่ถึงกับเปิดยาวๆ แต่ก็ช่วยให้เรื่องราวอิ่มเอมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Last Christmas ที่เป็นทั้งเปิดเรื่องและปิดเรื่องไปพร้อมกัน

เพลง Last Christmas ในเรื่องแต่เวอร์ชั่นของเทเลอร์สวิฟท์

ถ้าอ่านมาจนถึงตอนนี้คงเห็นว่าชมล้วนๆ ซึ่งหนังก็ลื่นไหลทำให้สนุกจนคาดไม่ถึงจากที่คิดว่าหนังต้องเชยตามสูตร แต่ผู้เขียนก็พอจะเข้าใจว่าทำไมอีกฝั่งเสียงแตกอาจจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คงเพราะแม้หนังจะมีอะไรมากมายที่แตกต่างจากหนังคริสต์มาส แต่หนังก็ยังเดินตามสูตรหนังคริสต์มาสเดิมๆ อยู่ดี รวมถึงประเด็นข้ออ้างให้นางเอกทำตัวแย่ๆ อาจจะไม่เมคเซนส์กับหลายๆ คน ซึ่งถ้าดูกันแค่ตรงจุดนั้นก็ใช่ แต่หนังมีส่วนอื่นๆ มาประกอบด้วยทำให้ถ้าคิดรวมๆ แล้วว่านางเอกจะเปลี่ยนไปจากโอกาสที่ได้รับ “Second Change” โอกาสที่สองได้อยู่เหมือนกัน ซึ่งถ้าใครเชื่อตรงจุดนี้ก็จะชอบเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครไม่เชื่อก็คงค้านหัวชนฝาว่าเป็นไปไม่ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ผู้ชมจะตัดสินใจละกันครับ แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังคิดว่านี่เป็นหนังที่กล้าใส่อะไรใหม่ๆ ลงไปในหนังรักคริสต์มาสเชยๆ ได้ลงตัวไม่ใช่น้อยเหมือนกันครับ แนะนำว่าลองดูเองอย่าเชื่อรีวิวแล้วตัดสินก่อนดูหนังเรื่องนี้จะดีที่สุดครับ

สปอยล์จุดหักเหสำคัญมากของลาสต์ คริสต์มาส

ตัวอย่างหนัง Last Christmas ลาสต์ คริสต์มาส (คำเตือนตัวอย่างเกือบสปอยล์ตรงๆ)

อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นในเว็บไซต์คลิกที่นี่