รีวิว The Exchange โจรปล้นโจร เกือบดีแล้ว แต่บทหนังไทยสุดท้ายก็อ่อนยวบยาบแบบเดิม
The Exchange โจรปล้นโจร
สรุป
งานเริ่มต้นมาดี ด้วยพล็อตที่ดี มีพล็อตซ้อนเรื่องหลักที่น่าสนใจ พระเอกนางเอกเข้าขากันได้ดี แต่หนังมีปัญหาในการลากเรื่องที่บทมีช่องโหว่มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหมือนเวลากับทุนหมดหนังจึงตัดจบเรื่องราวเอาง่ายๆ
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- นางเอกมีเสน่ห์น่าติดตาม
- เสียดสีสังคมคนดีจอมปลอม
- ฉากแอ็กชั่นเล็กๆ แต่ดูจริงจังดี
Cons
- หลายฉากขาดเหตุผลมากไป
- ตัวละครประกอบทื่อๆ ท่องบทแข็งโป๊ก
- ตัดจบเรื่องราวง่ายไป
- บทบาทฝั่งตำรวจแทบไม่มีอะไรน่าสนใจ
The Exchange โจรปล้นโจร หนังแอ็กชั่นดราม่าทริลเลอร์แบบไทยๆ เรื่องราวของสองคู่รัก “โจและเมย์” กำลังจนตรอกเมื่อโจป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง เมย์นำเงินที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้ไปแลกที่ร้าน The Exchange แต่กลับกลายเป็นว่าเงินเหล่านั้น กลายเป็นเงินสกุลที่เลิกใช้ไปแล้ว ทั้งคู่ถูกผู้จัดการร้านสบประมาท นั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เมย์เริ่มวางแผนปล้นร้านแลกเงิน แม้โจจะไม่เห็นด้วยแต่ด้วยความเป็นห่วงเมย์ เขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้เมย์ทำเรื่องนี้คนเดียวได้ ทั้งคู่ตัดสินใจปล้น ทว่าเมื่อถึงวันที่ลงมือกลับกลายเป็นว่ามีกลุ่มโจรอีกกลุ่มบุกเข้ามาและจับพนักงานร้าน ลูกค้า รวมถึงโจและเมย์เป็นตัวประกัน กลุ่มโจรบอกว่าต้องการแค่เงิน และจะไม่ทำร้ายใคร แต่คำพูดเหล่านั้นจะเชื่อได้จริงหรือ โจต้องการจะหนีออกจากสถานการณ์นี้ แต่เมย์กลับมองเห็นช่องทางที่จะขโมยเงินต่อจากโจรอีกที ในพื้นที่ปิดตาย ที่คน 13 คนติดอยู่ด้วยกันนั้น ไม่อาจตอบได้ว่าสุดท้าย ใครจะเป็นคนที่อันตรายที่สุด
โจรปล้นโจร หนังไทยที่มีพล็อตที่ดีมากทีเดียวในการเล่นเรื่องราววงแคบที่จำกัด (คงเพราะด้วยทุนสร้างหนังที่จำกัดด้วย) ซึ่งจากพล็อตนี่ถือว่าสอบผ่าน หนังดูน่าสนใจในเรื่องราวที่อาจจะเรียกว่าแปลกใหม่ไปจากหนังไทยปกติทั่วไปที่เคยมีมา แต่แค่พล็อตที่ดีอย่างเดียวมันไม่พอ หนังแบบนี้ต้องการบทที่ฉลาดบีบคั้นให้เรื่องราวให้ไหลมาเรื่อยๆ ซึ่งก็เห็นความพยายามในการระดมยัดไอเดียใส่เรื่องราวลงไปในหนัง 90 นาที ซึ่งสั้นมาก แต่ถ้าเรื่องราวที่ยัดลงไปมันสนุกจริงๆ หนังที่สั้นแบบนี้ก็ไม่ได้มีปัญหากับการดู ซึ่งโจรปล้นโจรก็ถือว่าสอบผ่านในด้านความสนุก หนังทำออกมาได้สนุกพอตัวกับเรื่องราว 90 นาทีนี้
แต่ถึงหนังจะดูสนุกก็ตามที ก็ไม่ใช่ว่าจะกลบปัญหาของเรื่องราวที่ไม่สมูธ แถมเต็มไปด้วยช่องโหว่ขาดเหตุผลรองรับที่ดีพอ หลายต่อหลายฉากไม่เมคเซนส์ กลายเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่มาตกม้าตายเพราะบทไม่ดีพอ ทำให้ถึงอยากเชียร์แค่ไหน แต่ว่าก็ต้องบอกตรงๆ ว่าบทหนังมีปัญหาเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะมาก ยกตัวอย่าง ฉากหัวหน้า รปภ. ค้นกระเป๋าที่ซ่อนปืน ซึ่งของทั้งหมดในกระเป๋าถูกนำออกมาแล้วเหลือแต่ปืนที่ซ่อนอยู่ น้ำหนักของปืนรวมกระสุนก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่กลับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักที่ผิดปกติของกระเป๋าสะพายของผู้หญิงได้ยังไง ซึ่งหนังเปิดตัวเองมาว่านางเอกเตรียมแผนมาอย่างดีจากการดูหนังซีรีส์ แต่หนังกลับแทบไม่ได้ทำให้เห็นว่าสองคนนี้เตรียมอะไรเลย ทำให้ความน่าเชื่อถือตั้งแต่เริ่มเรื่องก็มีปัญหา ซึ่งโอเคจะไม่คิดก็ได้ ผมก็พยายามมองข้ามๆ ไปอยู่ แต่หนังก็ยังมีบทแบบนี้มาให้ดูเรื่อยๆ จนถ้าลำดับไล่เรื่องราวมาลงไว้ ก็คงแทบจะทั้งเรื่องที่ไม่สมเหตุผลเลย
ตัวละครหลักพระเอกนางเอกที่เล่นโดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ กับ คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล ถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะชิชาจากเด็กสาวชุดนักเรียนในซีรีส์แนนโน๊ะก็กลายมาเป็นตัวละครสาวเต็มตัวนิสัยห่ามๆ ที่มีเสน่ห์ลงตัวกับบทมาก ส่วน 3 โจรหลักในเรื่องก็มีบทกับคิวบู๊พอหอมปากหอมคอให้เล่น ซึ่งไม่ทิ้งลายผู้กำกับสายแอ็กชั่นอย่าง 7 ประจัญบาน กับ คนไฟบิน แต่นอกจากนั้นหนังยัดตัวละครประกอบไว้เยอะ แต่กลับนำมาใช้ให้ความสำคัญแค่ไม่กี่คน แถมยังให้บทพร่ำเพรื่อวนเวียนน่ารำคาญกับการที่ตัวประกันแกล้งป่วย ทำให้เรื่องไม่ไปไหนติดกับคนเดิมซ้ำๆ ซึ่งผิดกับที่บอกโจรบอกไว้ว่าสุดท้ายจะฆ่าปิดปากให้หมด คือถ้าเจอตัวประกันรบกวนขนาดนั้นจริงๆ โจรโหดพวกนี้คงไม่ปล่อยไว้แบบนี้แน่นอน (ฉากเปิดเรื่องมาก็หักคอโชว์ไปคนนึงแท้ๆ) ซึ่งถ้าเป็นหนังซีรีส์ การจะให้มีบทตัวละครแบบนี้คงไม่แปลกเพราะมีเวลาพอ แต่นี่หนังสั้นมากแท้ๆ กลับปล่อยให้มีบทแบบนี้ที่กินเวลามากไป จนทำให้ตอนท้ายที่หนังเปิดตัวละครโจรในคราบคนดีมาเพิ่ม กลายเป็นหนังเอาตัวละครที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องมาฆ่าทิ้งแบบแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องราวนี้เลย…
ช่วงท้ายหนังเปิดตัวละครโจรที่นำเพชรมาฝากไว้ที่ร้านแห่งนี้ แล้วให้เป็นเหมือนโจรรุ่นพี่ที่ดูเก๋าเกมช่วยหาทางออกจากสถาณการณ์นี้ได้ แถมเป็นโจรที่โหดกว่าพวกที่บุกมาปล้นซะอีก แต่ไม่ทันจะมีบทอะไรหนังกลับตัดจบด้วยการให้หน่วยสวาทบุกจู่โจมเข้ามายิงทิ้งง่ายๆ
หนังวางบทให้ทุกตัวละครออกสีเทาๆ ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ตัวประกันที่น่าสงสาร ซึ่งในสถานการณ์แบบนั้นก็เป็นไปได้ และก็แอบใส่มุกตลกเสียดสีชนชั้นในสังคมเข้ามา แต่เหมือนเป็นการจับบทยัดใส่ปากท่องให้พูดมากไปหน่อย เลยกลายเป็นตลกเสียดสีฝืดๆ แถมตัวละครกลุ่มนี้ก็เล่นได้ไม่เนียนจนเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องราว ซึ่งเอาจริงๆ ผู้กำกับคงแค่อยากใส่มาให้เวลาหนังยืดเพิ่มขึ้นเท่านั้น
หนังแอบหยิบมุกปล้นของซีรีส์ฝรั่งมาใช้ แต่ก็อาจจะกระดากใจที่จะลากเรื่องราวให้โจรนำมาใช้จริงๆ ในตอนจบ (มุกจากซีรีส์ Money Heist ที่ให้ตัวประกันสวมหน้ากากแบบเดียวกับตัวเอง) ก็เลยตัดบทจบเรื่องราวกันง่ายๆ แล้วไปต่อตอนท้ายเรื่องให้พอสมเหตุสมผล แต่ด้วยความที่หนังรีบจบแบบลวกๆ กับยัดรายละเอียดเข้ามามากมาย แถมด้วยการตัดจบจากการโผล่มาของตัวละครที่หายไปแบบ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง” ซึ่งไม่มีฉากนี้เลยซะก็จะดีกว่า ไม่รู้ผู้กำกับอาจจะกลัวว่าหนังนำเสนอเรื่องราวให้คนกลายเป็นโจรแล้วได้ดี มันไม่เข้ากับไทยหรือยังไงเลยต้องจบแบบนี้ ซึ่งถ้าจริงก็เป็นอะไรที่เรียกว่าแย่มากที่คิดว่าคนดูจะแยกแยะหนังกับความจริงไม่ได้
นี่เป็นงานเริ่มต้นมาดี ด้วยพล็อตที่ดี มีพล็อตซ้อนเรื่องหลักที่น่าสนใจ พระเอกนางเอกเข้าขากันได้ดี แต่หนังมีปัญหาในการลากเรื่องที่บทมีช่องโหว่มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหมือนเวลากับทุนหมดหนังจึงตัดจบเรื่องราวเอาง่ายๆ ซึ่งน่าเสียดายว่าหนังยังขยายไปได้อีก และจะทำให้เรื่องจบลงแบบมีความลงตัวกว่านี้มากครับ
ตัวอย่างหนัง The Exchange โจรปล้นโจร
รีวิว ดิว ไปด้วยกันนะ ส่วนตัวคงต้องขอ “บาย ไม่ไปด้วยนะ”