รีวิว The Last Days of Ptolemy Grey มิตรภาพต่างวัยกับภารกิจสุดท้ายของชายแก่อัลไซเมอร์ (ไม่มีสปอยล์)
The Last Days of Ptolemy Grey
Summary
ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเหงาๆ เศร้าๆ แต่ดีงามในรายละเอียด มีส่วนผสมของไซไฟเจือปนมานิดๆ ให้เรื่องดูพิเศษขึ้น อาจจะไม่หวือหวาเร้าใจอะไรมาก แต่ก็มีความสนุกน่าติดตามตลอดเรื่อง แล้วยังชวนอินไปกับดราม่ามิตรภาพต่างวัยที่เรื่องทำออกมาได้ดีสุดๆ เป็นซีรีส์ที่ดีงามในเรื่องราวและการแสดงของ ซามูเอล แจ็กสัน แบบที่ใครเป็นแฟนห้ามพลาดจริงๆ ครับ
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- ซามูเอล แจ็กสัน แสดงนำและเป็นโปรดิวเซอร์ที่ครีเอทเรื่องนี้ด้วย
- การแสดงเป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์เชิงลึกที่สมจริงมาก
- มิตรภาพต่างวัยที่อบอุ่น เศร้า เหงา
- มีส่วนผสมของไซไฟเจือปนมานิดๆ ให้เรื่องดูพิเศษขึ้น
- ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบสั้นๆ
Cons
- ตอนจบเดาง่าย
- มีส่วนสืบสวนกับปริศนาแต่ทำออกมาเบาและน้อยไปหน่อย
รีวิว The Last Days of Ptolemy Grey
ซีรีส์เล่าด้วยเรื่องราวดราม่ากึ่งไซไฟนิดหน่อยด้วยการให้มียาขั้นทดลองที่รักษาอัลไซเมอร์ได้อย่างเฉียบพลันทันที แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการที่หนักกว่าเดิมหลังยาหมดฤทธิ์ ทำให้ตัวเอกมีเวลาจำกัดในการที่จะแก้ปริศนาความจำที่หายไปในอดีต ร่วมกับการไขปริศนาในปัจจุบันที่เป็นแนวสืบสวนหาว่าใครฆ่าหลานของเขา ตัวเรื่องจึงมีส่วนผสมของไซไฟจางๆ ที่มาแค่ช่วยทำให้เรื่องราวดูพิเศษ เพราะยาตัวนี้ทำให้ความจำทุกอย่างในชีวิตหวนกลับมา ทำให้คนสามารถจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้หมด ตัวเอกเลยกลายเป็นคนแก่ที่มีพลังของความจำมาช่วยไขปริศนากับสืบสวน แต่ทั้งสองส่วนนี้ก็ทำออกมาเบาๆ พอเฉลยปริศนาแล้วก็ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อะไรมาก รวมถึงส่วนสืบสวนก็ไม่ได้ลึกลับอะไร เพราะตัวเรื่องแทบจะให้เรารู้อยู่แล้วว่าใครที่เป็นฆาตกร ซึ่งตอนจบก็เดาเรื่องได้ง่ายๆ
แต่ส่วนที่เรื่องนี้พิเศษและเป็นหัวใจหลักก็คือการเล่าเรื่องดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างวัยของสองตัวละคร “พโทเลมี เกรย์” คนแก่วัย 70 กว่าที่เป็นโรคอัลไซเมอร์สมองเสื่อม ครอบครัวไม่ได้สนใจดูแลเท่าไหร่ ถูกทิ้งไว้อยู่บ้านรกๆ คนเดียวกินเงินเกษียณพอประทังชีวิตไปได้เท่านั้น กับอีกคนคือ โรบิน เด็กสาววัย 17 กำพร้าพ่อแม่ ที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตในบ้านเดียวกับ พโทเลมี เธอเป็นเด็กสาวแกร่งแต่จิตใจดี และได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตั้งแต่ยังไม่ได้ยาฟื้นความจำ เป็นความทรงจำดีๆ ที่ทั้งคู่พยายามประคองกันและกันไว้ ก่อนที่ยาวิเศษจะเข้ามาเปลี่ยนทำให้เรื่องราวชีวิตของทั้งคู่ดูวิเศษมหัศจรรย์ขึ้น เป็นการเดินทางตามหาไขปริศนาในชีวิตต่างๆ ของคนแก่ที่ใกล้จบชีวิตลง เหมือนไฟที่ลุกโชนครั้งสุดท้ายก่อนจะดับมอด ซึ่งตัวโรบินเองก็รู้จุดหมายปลายทางของชีวิตพโทเลมี แต่ก็ไม่สามารถห้ามความตั้งใจครั้งสุดท้ายของเขาได้ ตัวเรื่องจึงเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เหงาๆ เศร้าๆ ไปตลอดเรื่อง ซึ่งแม้คนดูจะเดาจุดจบเรื่องออกแน่ๆ แต่ระหว่างทางเรื่องราวก็สะท้อนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกมาได้อย่างดีงาม เป็นธรรมชาติ ด้วยการแสดงของทั้งคู่ที่เคมีเข้ากันมากจนเรารับรู้สัมผัสได้ว่าทั้งคู่ไว้ใจผูกพันกันมากแค่ไหน (ในเรื่องโรบินเคยบอกว่ารักลุงเหมือนรักแรกจริงๆ ด้วย)
และที่เยี่ยมยอดมากๆ คือการถ่ายทอดอาการของโรคอัลไซเมอร์ออกมาด้วยกริยาท่าทาง มุมมองภาพ รวมถึงอาการเชิงลึกของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่ดูแล้วหดหู่หนักกว่าที่เราๆ เคยเข้าใจกัน ซามูลเอล แจ็กสันแสดงอาการของโรคออกมาได้สมจริงมากอย่างไม่น่าเชื่อ แบบมีช่วงที่อาการกลับไปกลับมา เราก็สามารถเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำพูดอธิบายว่าตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะไหนกันแน่ เป็นการเล่นบทเดียวแต่เป็นสองบุคลิกแบบคนละคนในทันทีได้อย่างน่าทึ่ง
ตัวเรื่องมีช่วงย้อนวัยไปยังพโทเลมีตอนเด็ก ที่เป็นเรื่องราวความผูกพันกับผู้อุปการะบุญธรรมในความทรงจำของเขา ซึ่งก็เป็นตัวละครที่มาในจิตของตัวเอกยามหลอนด้วยโรคอัลไซเมอร์ แต่ในช่วงเวลาที่ความจำสมบูรณ์ก็กลายเป็นตัวละครที่ดูอบอุ่น แม้จะเป็นช่วงชีวิตที่โหดร้ายในยุคที่คนขาวไล่ล่าคนดำอย่างโหดเหี้ยมก็ตาม นอกจากนี้ก็ยังมีช่วงเรื่องราวความรักฝังใจของเขากับสาวคนรักที่มีนิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนใครด้วย แต่ทั้งสองส่วนนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่แทรกมาในช่วงความฝันไม่มาก แต่มาช่วยเติมเต็มเรื่องราวในปัจจุบันให้สมบูรณ์ขึ้น
ซีรีส์มีเพียง 6 ตอนจบ เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่ดีงามของแอปเปิลเรื่องหนึ่ง เรื่องราวอาจจะไม่หวือหวาเร้าใจอะไรมาก แต่ก็มีความสนุกน่าติดตามตลอดเรื่อง แล้วยังชวนอินไปกับดราม่าซึ้งๆ เศร้าๆ ที่เรื่องทำออกมาได้ดีสุดๆ เป็นซีรีส์ที่ดีงามทั้งเรื่องราวและการแสดงของ ซามูเอล แอล. แจ็กสัน แบบที่ใครเป็นแฟนห้ามพลาดจริงๆ ครับ