playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว 6 Underground 6 ข้อดี 6 ข้อเสีย ที่ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องดูอยู่ดี! (ไม่มีสปอยล์)

Contents ซ่อน
6 Underground 6 ลับ ดับ โหด

สรุป

หนังมันส์จริง ยิ่งเปิดมา 20 นาทีแรกที่แทบไม่ต้องพักหายใจกันเลย ข้อเสียเดิมๆ ของไมเคิลเบย์ก็ยังตามมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดผลงานกำกับทรานฟอร์เมอร์ภาคหลังๆ เรียกว่านี่เป็นหนังที่กู้ชื่อเสียงของเขากลับมาได้ และกลับมาทำเป็นโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ยาวๆ กับ Netflix ที่คุณก็ต้องดูจนได้สักวันอยู่ดี!

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • หนังสนุกมันส์จริงบันเทิงเอามากๆ อ่านข้อดีจากในรีวิวเลยครับ

Cons

  • ข้อด้อยเดิมๆ ของไมเคิล เบย์ ที่ยังคงไว้ อ่านในรีวิวได้เลยเช่นกัน

6 Underground 6 ลับ ดับ โหด หนังแอ็กชั่น อภิมหาฟอร์มยักษ์ของ Netflix ทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญ กำกับโดย “ไมเคิล เบย์” นำแสดงโดยไรอัน เรย์โนลส์ มือเขียนบทหนัง Rhett Reese จาก Deadpool กับ Zombieland ทั้ง 2 ภาค เรื่องราวของยอดคน 6 คนที่ร่วมกันทำภารกิจโค่นโคตรคนเลวระดับโลกแบบลับๆ ด้วยตนเอง

ตัวอย่างหนัง 6 Underground 6 ลับ ดับ โหด Netflix

6 Underground 6 ข้อดี 6 ข้อเสีย ที่ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องดูอยู่ดี! 

รีวิว 6 Underground
รีวิว 6 Underground

***บทความนี้ไม่ได้แบ่งข้อดีข้อเสียเรียงตามลำดับ เพราะบางเรื่องอยู่ในห้อข้อตอ่เนื่องกันครับ***

ข้อเสียนัมเบอร์ 1: ไมเคิล เบย์ ชื่อชวนยี้ในยุคหลัง 

เกริ่นก่อนเลยว่าผมดูหนังไมเคิลเบย์มาตลอดตั้งแต่ยุคแรกของเขา แบดบอย The Rock Pearl Harbor Armageddon จนมาถึงผลงานที่มาไกลที่สึดของเขาที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ Transformers ภาคแรก ก่อนที่จะหากินกับภาคต่อมาอีกหลายภาค จนมาหยุดที่ Transformers: The Last Knight ที่คงรู้ตัวแล้วว่าเข็นออกมาสูบเงินแฟนๆ หรือคนดูทั่วไปต่อคงไม่ไหว เพราะนอกจากรายได้ที่ต่ำเตี้ยลง คะแนนวิจารณ์ก็ย่ำแย่ แฟนๆ ก็สาบส่ง ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวหนัง แต่รวมไปถึงเครดิตลายเซ็นต์การทำหนังระเบิดภูเขาเผาเมืองที่ตกต่ำลง หนังยุคหลังของเขาเหมือนสิ้นคิดกับบทภาพยนตร์มากๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ผมคิดคนเดียวแน่ เพราะทั้งคำวิจารณ์กับรายได้หนังของเขามันตกลงๆ แบบเห็นได้ชัดเจนว่ายุคนี้ชื่อนี้ขายยากแล้ว ไม่ใช่แบบยุคก่อนที่ปะหน้าแบบไหน ไม่ว่าแค่ผู้อำนวยการสร้างคนก็พร้อมแห่ไปดู แล้วทีนี้การมาของไมเคิลเบย์ใน Netflix ล่ะจะเป็นไง? บอกตรงๆ ว่าตอนแรกก็ไม่ได้หวังอะไร เพราะ Netflix คือนายทุนใหญ่ใจป๋าแจกเงินให้คนทำหนังแย่ๆ มามากมาย คือถ้าปะว่าหนัง Netflix นี่คนพอรู้กันเลยว่าคงได้แค่พอใช้ก็หรูแล้ว เลยคิดว่าการมาของไมเคิลเบย์ในนี้เหมือนมาหานายทุนใหม่ให้เขาถลุงเงินกับบทกลวงๆ เท่านั้น แต่แล้วกลับพบว่าไม่ใช่อย่างที่คิด…

ข้อดีนัมเบอร์ 1: บทภาพยนตร์สุดท้าทายของไมเคิลเบย์กับ Netflix

นี่เป็นหนังที่ยังคงคอนเซ็ปต์ลายเซ็นต์ของเขาครบถ้วนชัดเจน เรียกว่าชัดเจนมากๆ ตั้งแต่เปิดเรื่องเลยกับ 20 นาทีแรกที่ระห่ำเว่อร์มากจริงๆ แต่ตรงนี้ขอละไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้เราคงคาดการณ์กันได้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แต่เรื่องที่สนใจคือปัญหาเรื่องบทภาพยนตร์กลวงๆ แบบที่ผ่านมาหายไปเยอะมาก คือหนังมีโครงเรื่องที่อาจจะไม่แปลกใหม่มากนัก แนวยอดคนรวมตัวกันทำภารกิจท้าทายแบบมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล หรือแบบฟาสแอนด์ฟิวเรียสช่วงหลังๆ ที่กลายมาเป็นหนังรวมตัวสายลับใต้ดินกับภารกิจกู้โลกบู๊ไฮเทค ซึ่งจริงๆ ก็แนวเดียวกันเหมือนกันหมดนี่แหละครับ แต่ว่าจุดที่เรียกว่าสดใหม่และก็ท้าทายทั้งไมเคิลเบย์ Netflix และผู้ชมด้วยว่าจะโอเคไหมกับ “การสร้างหนังฟอร์มยักษ์ต่อเนื่องเหมือนซีรีส์” ที่ไม่คาดคิดว่าโปรเจ็กต์มันจะมีโรดแมฟอลังการงานสร้างยาวขนาดนี้ คืออาจจะถึง 9 ภาค ถ้าในเรื่องไม่ใช่การเข้าใจผิดของผู้เขียน เพราะตัวหนังบอกไว้ชัดเจนว่าภาคนี้เป็นแค่ภารกิจแรกจาก 9 ภารกิจที่ปิดไว้ และก็ไม่ได้มีการเฉลยเรื่องราวสำคัญให้กับคนดูอย่างจงใจหยอดทิ้งปมไว้เป็นระยะๆ ในเรื่องเหมือนซีรีส์ แต่ก็ยังดีที่เคลียร์ภารกิจแรกจบไปได้อย่างสวยงาม

6 Underground มีการวางบทและโครงสร้างที่ดีพอจะต่ออายุยาวๆ ของแฟรนไชนส์ใหม่นี่ได้แน่ๆ ครับ และนี่ก็เปลี่ยนหนังจุดเปลี่ยนของ Netflix สำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งเร็วๆ นี้มีไอริชแมน แต่หนังเรื่องนั้นไม่สามารถเข้าถึงผู้ชมวงกว้างได้เท่าเรื่องนี้แน่นอน เพราะจุดประสงค์ก็ต่างกันสิ้นเชิงด้วย ระหว่างหนังป๊อบคอร์นกับหนังชิงออสการ์ ที่มีการคำนวนกันมาเป็นอย่างดีว่าอุดจุดอ่อนและสร้างจุดแข็งให้กับ Netflix ทั้งคู่ครับ

9 ภารกิจ
ฉากอธิบายเป้าหมายชายโฉดทั้ง 9 คนที่เป็นภารกิจของทีม ซึ่งในเรื่องนี้ยังเป็นแค่คนแรกออร์เดิร์ฟแรกเท่านั้น

ข้อเสียนัมเบอร์ 2: ยัดแอ็กชั่นตัดฉับไวถี่ๆ ชวนงงสไตล์ไมเคิล เบย์

อย่างที่บอกไปในย่อหน้าก่อนนี้ หนังมีแผนงานที่ดูจบแล้วต้องทึ่งว่าเอาจริงดิ คือกะเป็นงานสร้างอลังการยาวไกลถึง 9 ภาค โดยที่หนังยังกั๊กข้อมูลสำคัญๆ ไว้แบบหนังซีรีส์ด้วย ซึ่งก็เป็นทั้งการวางแผนที่ฉลาดและก็อาจจะยากเกินไปในตัวด้วย เพราะเท่ากับหนังต้องเดินเรื่องคลุมเครือในบางส่วนที่สำคัญมากเพื่อจะดึงให้คนดูไปต่อภาคต่อไปได้ กับหนังที่ยาว 127 นาที (รวมเครดิต) เลยกลายเป็นงานอัดแน่นด้วยแอ็กชั่นลากยาวๆ แบบแทบไม่แตะเบรคกันเลย ซึ่งเอาจริงๆ คือมันสนุกสะใจคนดูแน่นอนถ้าทำได้ถึง ซึ่งหนังก็ทำได้ถึงในหลายๆ จุด แต่กลับพบว่าหนังไม่ค่อยเมคเซนส์เอามากๆ กับฉากแอ็กชั่นไล่ล่า แบบว่าตัวเอกในเรื่องแต่ละคนสกิลก็อย่างเทพ อย่าง นัมเบอร์ 4 Sky Walker ที่เก่งเรื่อง “ปาร์กัวร์” หรือสปีดรันเนอร์ กลับโดนพวกลูกสมุนตัวร้ายไล่ตามได้ทันตลอดทุกที ซึ่งดูไปก็ออกจะงงๆ เหมือนกันว่าอุตส่าห์หนีไปแบบที่สูงตามยากโคตรๆ แต่ทำไมตัดมาอีกทีพวกนี้กลับมาไล่จี้ตูดอีกแล้ว

หรืออย่างเปิดเรื่องนัมเบอร์ 6 ที่สกิลขับรถระดับทีมฟาสมาเอง ขับหนีได้อย่างเซียน แต่ตัดฉากมาก็มีรถตามทันอีกแล้ว กลายเป็นฉากพวกนี้แค่ตั้งใจโชว์สกิลทีมพระเอก จบแล้วก็โยนตัวร้ายลงมาต่อคิวให้จัดการไปเรื่อยๆ คือมันไม่ใช่หนังที่วางมาดีๆ แบบเห็นตัวร้ายชัดเจนว่าเริ่มมากี่คน ไล่ตามทีมพระเอกไปกี่คนอะไรแบบนี้ หนังจู่ๆ ก็หยิบเอาพวกนี้โยนลงมาๆๆๆ ให้มันมีฉากแอ็กชั่นต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น ยิ่งบวกกับการตัดต่อไวๆ แบบฉับๆๆ ให้เห็นแต่แอ็กชั่นสลับไปมาทั้งเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของไมเคิลเบย์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันดียังไงเพราะมีแต่ทำให้คนงงตามไม่ทันแทบทั้งนั้น คือถึงดูสนุกรู้เรื่อง แต่มันก็ไวเกินไปจริงๆ และถ้าเทียบผลงานยุคก่อนนี้ที่เขาทำฉากแอ็กชั่นออกมาน่าจดจำกว่านี้มากครับ

ข้อดีนัมเบอร์ 2: เต็มไปด้วยแอ็กชั่นคิวบู๊เท่ๆฉากโหดดิบแหวะไม่ต้องแคร์อายุผู้ชมเหมือนหนังโรง 

แต่ถึงฉากแอ็กชั่นจะตัดฉับไวรัวๆ แบบสไตล์เบย์ แต่ว่ามาคราวนี้หนังมีคิวบู๊กับฉากแอ็กชั่นเท่ๆ ในแบบที่มีการครีเอทออกมาได้ดีเลยทีเดียว หนังออกมาในแนวการต่อสู้ประชิดตัวหลายต่อหลายฉาก และก็แจกบทแอ็กชั่นให้ทุกตัวละครได้เล่นอย่างทั่วถึงได้โชว์ของมีอะไรเท่ๆ ตลอดเรื่อง รวมถึงไรอันเรย์โนลด์เองก็ได้โชว์สกิลต่อสู้ขั้นสูงแบบโดนรุม 3 ก็เก็บคนร้ายได้ในพริบตา ซึ่งหนังตั้งใจทิ้งเป็นปมไว้ไม่เคลียร์ด้วยว่าทำไมพระเอกที่เป็นมหาเศรษฐีถึงเก่งได้ขนาดนั้น?

6 ลับ ดับ โหด
6 ลับ ดับ โหด ของจริง

นอกจากนี้หนังยังตั้งใจอัดฉากโหดแบบยิงหัวเละ อัดระเบิดเข้าปาก รวมถึงฉากไล่ล่าที่ต้องมีตัวร้ายตายเป็นเบือ หนังก็อัดฉากตายที่เสียวแหวะของพวกนี้มาอย่างจะๆ จงใจโชว์ความเนียนให้ศพดูสมจริงตายจริง ซึ่งก็เนี๊ยบมากๆ แม้หยุดภาพดูก็ยังจับผิดไม่ได้ หนังไล่เก็บรายละเอียดการตายแหวะๆ ของลูกกระจ๊อกมาครบถ้วน จนเรียกว่าเป็นจุดขายที่ชัดเจนอย่างหนึ่งในเรื่อง ถ้าหนังเรื่องนี้ฉายในโรงไมเคิลเบย์อาจจะไม่กล้ายัดมาเยอะขนาดนี้ก็ได้ เพราะจะติดเรต 18+ ทำให้ลดจำนวนผู้ชมที่เข้ามาดูได้ไปอย่างมาก ต้องอย่าลืมว่านี่เป็นหนังที่วางตัวเป็นหนังแมสบล็อกบัสเตอร์ ไม่ใช่โจ๊กเกอร์หรือเดดพูลที่มีแนวทางติดเรตในตัวเรื่องอยู่แล้วครับ


ข้อดีนัมเบอร์ 3: หนังตลกและไรอัน เรย์โนลส์ก็ยังกวนทีนเหมือนเดิม!

“ไรอัน เรย์โนลส์ ก็ยังเป็นไรอัน เรย์โนลส์” คือพี่แกกวนทีนมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลงานช่วงหลังที่เราคงรู้จักกันดี อย่างเดดพูล แล้วก็เหมือนเป็นลายเซ็นต์เขาไปแล้วว่า “เล่นเรื่องไหน บทต้องกวนทีน ไม่งั้นไม่ใช่ไรอัน เรย์โนลส์” สำหรับแฟนๆ ที่คิดถึงความกวนอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาก็คงไม่ได้ผิดหวัง เพราะมีช่องปุ๊บแกยิงมุกปั๊บทันที แล้วก็ยังเล่นกับตลกแบดโจ๊กแหวะๆ หรือพวกสองแง่สองงามอยู่เช่นเดิม ซึ่งบทหนังเรื่องนี้ก็เขียนมาให้เขาเล่นนี่แหละ ไม่ใช่ไรอันก็นึกไม่ออกว่าดาราใหญ่ขนาดนี้มีใครที่เล่นบทแนวหลุดโลกหน้าตายได้เนียนขนาดนี้ แต่อย่างหนึ่งที่ต้องรู้คือหนังมาในแนวเรียลๆ จริงจังแบบที่มนุษย์เป็นไปได้ ไม่ใช่ Super Hero เว่อร์ๆ ดังนั้นมุกทั้งหลายก็คงไม่ได้หลุดโลกอะไรแบบเดดพูลขานั้นหรอกนะครับ

6 Underground 6 ลับ ดับ โหด
ฉากตลกกวนๆ แทรกคั่นในเรื่องตลอด

หนังวางตัวเลยว่าเป็นหนังแอ็กชั่นที่พล็อตซีเรียสก็จริง ด้วยเรื่องราวการต่อสู้นอกระบบกับคนเลวระดับโลก แต่ก็ยังวางตัวให้เป็นหนังตลกแบบตั้งใจยิงมุกตลกตลอดเรื่องไปพร้อมกัน แถมยังกล้าเล่นในฉากแอ็กชั่นซีเรียสจนดูคล้ายๆ อารมณ์หนังเดดพูลอยู่เหมือนกัน แต่หนังก็ไม่ได้ตลกหลุดโลกขนาด  Zombieland ที่เป็นคนเขียนบทเดียวกัน คือยังเป็นตลกแบบที่จริงจังเข้ากันกับสถาณการณ์คับขันได้ และก็ทำให้ตัวละครหลายตัวดูมีเสน่ห์ มีอะไรให้เล่น กลายเป็นบทตลกพวกนี้ช่วยดันดาราเบอร์รองให้มีอะไรน่าจดจำมากขึ้นกว่าที่ต้องมารวมทีมเล่นหนังแอ็กชั่นยิงๆ เพียงอย่างเดียวครับ ยืนยันเลยว่าหนังเอนเตอร์เทรนและดูขำสนุกไม่แป๊กอย่างที่ไมเคิลเบย์ทำมาช่วงหลังๆ แน่นอน!

ข้อเสียนัมเบอร์ 3: ลูกทีมพระเอกใช้ดาราเบอร์รองมาเล่น

ข้อนี้ก็เหมือนพาร์ทย่อยจากข้อดีที่มีไรอัลเรย์โนลด์มาเล่นนำ อาจจะเพราะค่าตัวพี่แกที่แพงเอาเรื่อง ก็กลายเป็นว่าหนังเลยหันไปใช้บริการดารารองๆ ค่อนข้างโนเนมมาเล่น จนบางทีนึกกันไม่ออกเลยว่าเคยเล่นหนังเรื่องไหน แม้บางคนจะดูดีมีเสน่ห์ และเหมือนบทดันให้เกิดอยู่อย่างนัมเบอร์ 2 ที่เป็นสายลับสาวพราวเสน่ห์ ได้ Mélanie Laurent จากหนังดังเรื่อง Inglourious Basterds กับ Now You See Me มาเล่น ซึ่งเธอก็สวยงามสมกับบท แต่ก็ยังไม่ได้เจิดจรัสขนาดสายลับหญิงเรื่องอื่นสักเท่าไหร่ อีกคนที่มาจาก Now you See Me เช่นกันคือ Dave Franco มาเล่นเป็นนัมเบอร์ 6 ในช่วงแรกซึ่งเด่นเอามากๆ แต่หนังกลับให้บทเขามีแค่นั้นไปอย่างน่าเสียดาย 

นัมเบอร์ 2 6 Underground
สายลับสาวใหญ่นัมเบอร์ 2 ในเรื่อง 6 Underground

ส่วนบทที่เหลือนัมเบอร์ 3 5 แบบขุดประวัติว่าเล่นเรื่องไหนมาก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าบทไหน แม้จะมีพิเศษมาอีกคนที่เป็นนัมเบอร์ 7 เป็นนักแสดงผิวสี Corey Hawkins บทนี้จริงๆ น่าจะเป็นบทที่เรียกว่าเป็นพระรองจากไรอัลเรย์โนลด์เลยก็ว่าได้ แต่พอหนังใช้บริการดารารองมากไปก็ทำให้รู้สึกไม่อินไม่เข้ากับบท แถมไม่มีราศรีพอจะประกบคู่สูสีกับไรอันตามบทได้เลยจริงๆ

แต่ก็ยังดีที่หนังเฉลี่ยบทให้ทุกคนเรียกว่าได้มีฉากโชว์จุดขายแตกต่างกันไป ไม่ได้ถูกไรอันกลบฝังไปหมด และก็ไม่ได้เขียนให้ไรอันโชว์เดี่ยว แต่ไรอันมาช่วยทุกคนแบกเรื่องนี้ไว้มากกว่า ก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไรมากถ้าต่อไปจะยังใช้ดาราชุดนี้อยู่ครับ คืออาจจะขัดตา ขัดใจ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมต้องยอมใช้ดารารองๆ แบบนี้ครับ


ข้อเสียนัมเบอร์ 4 หนังเขียนบทตัวร้ายได้กลวงโบ๋มากๆ

ไม่รู้ว่าเพราะหนังวางตัวเป็นแอ็กชั่นตลกร้ายหรือยังไง? เลยเขียนบททำให้ตัวร้ายในเรื่องนี้ที่เป็นผู้นำของประเทศสมมุติในตะวันออกกลาง (ชื่อประเทศเทอร์กิสถาน น่าจะล้อปากีสถาน) มีพฤติกรรมบ้าอำนาจที่ดูโอเวอร์ไม่เมคเซนส์เกินไปอย่างร้ายแรง จนดูเหมือนไม่ได้คิดจะใส่ใจทำให้สมจริงเรียลๆ ไปกับเรื่องราวที่หนักแน่นที่ทีมพระเอกต้องมาแทรกซึมรัฐประหารปลดปล่อยประเทศนี้ ซึ่งถ้าทำออกมาในแนวตลกไปกับเรื่องราวยังพอเข้าใจได้ว่าตั้งใจเป็นมุกให้ฮา แต่ในเรื่องกลับเขียนบทให้ตัวร้ายชั่วแบบกลวงๆ จนเกินเหตุ และก็ไม่ได้มีความฉลาดหลักแหลมหรืออะไรที่จะมาต่อกรกับทีมพระเอกได้เลย ทำให้หนังดูงี่เง่าดรอปลงในหลายครั้งที่ตัวร้ายนี้ออกมาด้วยซ้ำ แถมยังดูเป็นการยัดเยียดบทให้ผู้นำในประเทศตะวันออกกลางที่ขึ้นครองราชย์จากการสืบสายเลือดดูเลวเกินจริงไปอีกด้วย แต่ก็ยังดีหนังไม่ได้ออกตัวว่าโปรอเมริกาจ๋า แต่กลับจงใจยัดให้รัสเซียเป็นผู้ร้ายขายอาวุธสงครามดีๆ นี่เอง

ยังไงก็ยังเป็นหนังอเมริกาที่เล่นงานแต่ปูตินชัดๆ ตามภาพ -6 Underground Netflix

ข้อดีนัมเบอร์ 4 อุปกรณ์สิ่งประดิษฐ์ไฮเทคในเรื่องโม้แต่เข้าท่า!

หนังไม่ใช่เป็นแอ็กชั่นดิบๆ หรือแค่เท่ๆ จากคิวบู๊เท่านั้น แต่เนื้อเรื่องวางให้นัมเบอร์ 1 ที่ไรอันเล่นเป็นมหาเศรษฐีอัจฉริยะนักประดิษฐ์ ที่ขายอุปกรณ์ลับให้แก่หน่วยงานของรัฐบาล ทำให้ในเรื่องนี้มีฉากโชว์อุปกรณ์ไฮเทคหลายอย่าง แต่ก็ยังตั้งต้นในความเป็นไปได้ไม่แตกต่างอะไรจากหนังสายลับ แต่สกิลความโม้จะเกินเบอร์กว่าพวกนั้นไปสัก 1 ขั้น อย่างฉากไฮไลท์เด็ดสุดคือเครื่องมือสร้างแม่เหล็กแรงสูงขนาดยักษ์ ที่ทำให้คนที่มีโลหะในตัวถูกดูดลอยเหมือนไร้แรงโน้มถ่วงเข้ากับเรือทั้งลำ หนังตั้งใจโชว์ฉากนี้เข้ากับฉากแอ็กชั่นเท่ๆ แบบมีว้าวกันแน่นอน!

ฉากแม่เหล็กพลังแรงสูง
ฉากแม่เหล็กพลังแรงสูงในเรื่องที่คุณต้องว้าวแน่นอน – 6 Underground

ข้อดีนัมเบอร์ 5: ฉากสวยมีโลเกชั่นงามหลายที่ในโลก

เรื่องนี้เป็นการเดินทางไปทั่วโลก และหนังก็เลือกใช้โลเกชั่นงามๆ มาเป็นจุดขายให้เข้ากับเรื่องราวได้อย่างดี เอาว่าตั้งแต่เปิดฉากแรกที่เป็นการขับรถไล่ล่าในอิตาลีก็เหมือนหนังพาทัวร์ไปพร้อมกัน แถมยังมีตัวละครแนวปาร์กัวร์ที่ต้องปีนป่ายที่สูงตลอดเวลา ทำให้หนังได้มีโชว์ฉากมุมสูงสวยๆ ตั้งแต่อิตาลี ฮ่องกง ลาสเวกัส ยูเครน ผ่านมุมกว้างและมุมมองแบบ FPS ในบางครั้ง ที่ต้องบอกว่าทำออกมาได้สมจริงเหมือนใช้สแตนอินด์เล่นได้หวาดเสียวมาก (แต่คิดว่าน่าจะมีสลิงแล้วลบออกทีหลังมากกว่า)

ข้อเสียนัมเบอร์ 5: หนังจงใจยัดมิตรภาพซึ้งๆ ตามสูตรมากไปหน่อย

หนังตั้งต้นให้เรียกแต่ละคนเป็นรหัสลับตัวเลข มีจุดประสงค์ไม่ให้ตามอดีต แล้วก็ไม่ต้องการให้สนิทกัน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรกับหนังแนวรวมทีมภารกิจแบบนี้  (อย่างในทรชนคนปล้นโลกก็เรียกตามชื่อเมือง) และก็ตามสูตรไม่ว่าเรื่องไหนๆ ที่มีโค๊ดเรียกชื่อ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าหลุดแหกกฎบอกชื่อของตัวเองในภายหลัง ซึ่งใน 6 Underground ก็หนีไม่พ้นกฎเดิมๆ และก็ยัดสูตรสำเร็จมิตรภาพจากการรู้ชื่อมาใช้ แถมยังพยายามตามรอย Fast and Furious ที่พัฒนาจากทีมในภารกิจมาเป็นครอบครัวที่ห่วงใยกัน ผ่านตัวละครมาใหม่ที่แหกกฎเพื่อทำให้เห็นว่ามิตรภาพครอบครัวแข็งแกร่งกว่ากฎแบบเก่าที่พระเอกตั้งไว้  ซึ่งเอาจริงๆ มันก็น้ำเน่าแบบรับได้ แต่ก็รู้สึกว่าหนังจงใจยัดมาแบบไม่อินสักเท่าไหร่นัก


ข้อเสียนัมเบอร์ 6: เรื่องราวตัวเอกไม่เคลียร์มากมาย แถมทิ้งปมค้างเติ่งรอภาคต่อไป 

อาจจะเพราะหนังไม่ได้ต้องมารอเก็บค่าตั๋วเพื่อให้คุ้ม หนังเลยตั้งใจทิ้งปมกันไว้ดื้อๆ ในแบบหนังซีรีส์ และไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 อย่าง แต่มีหลายอย่างที่คาไว้ จนทำให้บางจุดรู้สึกว่าดูไม่เมคเซนส์อย่างจุดประสงค์แรงจูงใจของพระเอกที่ตั้งทีมมาจากจุดไหนกันแน่ เพราะดูเหมือนพระเอกมีเรื่องราวส่วนตัวไปไกลกว่าภารกิจในเรื่องนี้มาก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐีถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียธรรมดากลายมาเป็นมีฝีมือขั้นสูงที่ไม่แพ้คนในทีมเลย หนังแฟลชแบ็คเรื่องราวคนในทีมเป็นช่วงๆ ซึ่งก็ดูเคลียร์ดีทั้งหมด แต่ในส่วนของพระเอกกลับดูจงใจคลุมเคลือทิ้งไว้ให้ตามต่อแบบหนังซีรีส์ชัดเจน

ปริศนา 6 ลับ
ภาพถ่ายในวัยเด็กกับเพื่อนสนิทในตอนเปิดเรื่องคือใคร?

ข้อดีนัมเบอร์ 6: หนังมาพร้อมพากย์ไทย

Netflix หลังๆ เริ่มทำเสียงพากย์ไทยไปพร้อมกับวันแรกที่ฉาย ซึ่ง 6 Underground เรื่องนี้ก็เช่นกัน รวมๆ เสียงพากย์ทำได้ดีแทบทั้งหมด ยกเว้นบางตัวละครที่เสียงไม่ตรงต้นฉบับนักอย่างนัมเบอร์ 2 สายลับหญิงฝั่งพระเอก ออกจะเสียงใหญ่ไม่ดูเซ็กซี่เท่ากับต้นฉบับมาก นักพากย์ดัดแปลงคำพูดได้เป็นธรรมชาติดีพอสมควร ซึ่งกับการที่เป็นหนังฟอร์มยักษ์มันส์ของจริง ไม่ใช่แบบที่ผ่านมาๆ น่าจะทำให้คนกลุ่มคนที่ชินกับการดูหนังพากย์ไทยในต่างจังหวัด หรือกลุ่มผู้มีอายุรุ่นพ่อแม่ที่อาจจะดูหนังแบบอ่านซับไม่ได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้คำพูดตัดกันไปมาไวมาก ก็จะได้เปิด Netflix ให้ดูได้เลย เพราะหนังก็ดูง่ายและบันเทิงเอามากๆ ครับ

ปล.แถมท้าย ฉากเปิดเรื่องที่สุสานเครื่องบิน และน่าจะเป็นเครื่องที่พระเอกใช้เก็บพินัยกรรม เป็นเครื่องบินการบินไทย อาจจะมีลุ้นให้ภาคต่อไปได้มาถ่ายทำหรือมีบทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเมืองไทยทางใดทางหนึ่งด้วย เพราะบ้านเราก็คลับคล้ายคลับคลาเป็นกึ่งเผด็จการทหารเแบบในเนื้อเรื่องภาคนี้เหมือนกันครับ (นายกประยุทธ์ที่ตอนนี้ติด Netflix ก็ไม่น่าพลาดกับเรื่องนี้เหมือนกัน ฮา 🙂

รีวิว สารคดีสงครามโลกครั้งที่ 2 WWII ที่ลุงตู่แนะนำใน Netflix

6 Underground
6 Underground Netflix
Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!