รีวิวซีรีส์ A League of Their Own สนุกทุกช่วงการแข่งขัน แต่นอกสนามเน้น LGTBQ เยอะเกินไป
A League of Their Own
Summary
นี่เป็นซีรีส์สายกีฬาที่ย้อนยุคอิงกับประวัติศาสตร์ลีกเบสบอลหญิงจริงๆ ที่โอเคมากในเรื่องราวฉากการแข่งขันกีฬาเบสบอลที่ทำออกมาสนุกทุกครั้ง แม้จะไม่มีการแข่งขันเต็มๆ ให้เห็นในเรื่อง (ไม่จำเป็นต้องเข้าใจกีฬาเบสบอลก็สนุกได้) แต่อาจจะอ่อนในเรื่องนอกสนามที่มุ่งเน้นปมประเด็นเพศทางเลือกในยุคนั้นที่สังคมยังปิดกั้นไว้เยอะมากตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทำให้เรื่องราวชีวิตนักกีฬาคนอื่นดูไม่มีบทบาทสำคัญอะไรกับเรื่องเลย ถ้าใครชอบเรื่องราวการแข่งขันก็เน้นดูแต่ช่วงเวลานั้นก็ได้ยังสนุกอยู่ แต่ถ้าสามารถดูดราม่าเรื่องราวเพศทางเลือกได้ไม่เบื่อก็จะครบถ้วนกับหัวใจการนำเสนอเรื่องราวในซีรีส์นี้ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- เรื่องราวย้อนยุคกำเนิดลีกเบสบอลหญิงอเมริกา
- เกมการแข่งขันกีฬาเบสบอลหญิงที่ดูสนุก
- ปมปัญหา LGTB ในยุคนั้นที่ยังไม่มีใครเข้าใจและผิดในทางกฎหมาย
- สาวผิวดำที่ผลักดันตัวเองให้เข้าไปเป็นนักฬาอาชีพในทีมลีกของผู้ชาย
- เรื่องราวช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2
- งานสร้างย้อนยุคที่ปราณีตเก็บรายละเอียดดีมาก
- มีซับไทยครบ
Cons
- เน้นปมปัญหา LGTBQ เยอะมากในเวลานอกการแข่งขันจนทำให้เรื่องราวอื่นดูไม่มีความสำคัญกับเรื่อง
- ดราม่าช่วงนอกสนามหลายช่วงดูยืดๆ
- ฉากการแข่งขันสั้นๆ ไม่ได้มีการแข่งยาวๆ เต็มๆ แมตซ์
- ตอนจบทิ้งเรื่องไว้ปลายเปิดเผื่อทำต่อดูค้างคานิดๆ
A League of Their Own ซีรีส์ Amazon prime 8 ตอนจบ ที่ทำจากหนังดังในชื่อเดียวกันเมื่อปี 1992 ของทอมแฮงค์, จีนา เดวิส, มาดอนนา ที่เป็นเรื่องจริงของทีมเบสบอลหญิงในลีกหญิงของอเมริกาที่ตั้งขึ้นมาในสมัยช่วงปี 1943 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อเมริกาผลิตอาวุธส่งไปให้ทางยุโรปอังกฤษรบกับนาซี และก็กลายเป็นจุดเริ่มของความฝันใหม่ของหญิงสาวอเมริกันที่ต้องการหลุดพ้นจากรอบจารีตของสังคมในยุคนั้น
รีวิวซีรีส์ A League of Their Own
ลีกเบสบอลหญิงนี้ถูกตั้งขึ้นโดยเจ้าของ Chicago Cubs และเศรษฐี หมากฝรั่งฟิลิป เค. ริกลีย์ เขาเริ่มต้นด้วยความกังวลว่าทีมเบสบอลเมเจอร์ลีกของผู้ชายจะมีปัญหาเมื่อผู้เล่นถูกเรียกให้รับราชการทหาร จึงก่อตั้งลีกหญิงอาชีพมาเพื่อช่วยให้ความบันเทิงแก่คนอเมริกันในยุคนั้น ซึ่งในตอนแรกแต่ละทีมมีเจ้าของที่ดูจะไม่ได้จริงจังนักเพราะเน้นความเป็นสุภาพสตรีของนักกีฬาหญิงด้วยการให้สมชุดกระโปรง กิริยามารยาททุกอย่างเวลาออกสื่อต้องดูเรียบร้อยไปหมด แต่ผู้หญิงเหล่านั้นกลับเห็นโอกาสที่เธอเคยถูกปิดกั้นจากสังคม และลงเล่นจริงจังกับกีฬาเบสบอลจนกลายเป็นเกมการแข่งขันที่จริงจังในที่สุด
ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ถือว่าคลาสสิคขึ้นหิ้งมาก การนำมาสร้างใหม่จึงอาจจะถูกเปรียบเทียบไปในตัว ซีรีส์จึงเลือกเล่าเรื่องใหม่ ทีมใหม่ ไม่ได้ใช้ตัวละครเดิม แต่อารมณ์และกลิ่นอายของหนังก็ยังคงอยู่ในซีรีส์คล้ายๆ แบบเดิม
ตัวเรื่องเล่าตั้งแต่จุดเริ่มของทีมพีชเชส ที่มีแม่บ้าน คาร์สัน ชอว์ ที่สามีอยู่ระหว่างไปรบ เธอติดตามเบสบอลมาตลอด เป็นคนที่ศึกษาลีกเบสบอลอาชีพมาก และฝันถึงการได้เป็นนักเบสบอลหญิงลงเล่นเอง เมื่อลีกอาชีพเปิดจึงตัดสินใจเดินทางมาโดยไม่บอกสามีก่อน แล้วก็มาพบกับเพื่อนๆ ในทีมที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
ตัวเอก คาร์สัน ชอว์ นักแสดงชื่อ Abbi Jacobson ก็เป็นครีเอเตอร์ของเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ตัวเรื่องเก็บรายละเอียดของยุคสมัยนั้นมาได้อย่างปราณีตสมจริงมาก เรียกว่าเป็นหนังย้อนยุคที่แทบไม่หลุดอะไรไปเลย และก็มีฉากใหญ่ในเมืองยุคนั้นให้เห็นตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่อยู่ในสนามเท่านั้น
เมื่อเป็นงานสร้างย้อนยุคเรื่องราวจึงต้องอิงความสมจริงของลีกนั้นไว้ก่อน ซึ่งยุคนั้นมีข้อจำกัดเรื่องการแบ่งแยกสีผิวเยอะ ลีกหญิงนี้ไม่มีนักกีฬาผิวดำ แม้จะไม่มีกฎบอกไว้ แต่ก็รู้กันว่าไม่รับ ตัวเอกของเรื่องในทีมทั้งหมดจึงเป็นผู้หญิงผิวขาวทั้งหมด แต่เรื่องก็ใช้ตรงนี้ผลักดันเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเพศกับตัวละคร LGTBQ ในยุคนั้นที่ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตำรวจจับติดคุกได้ และผู้คนในยุคนั้นก็ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดีพอ จนถึงขั้นลือกันว่าการรักชอบเพศเดียวกันคือโรคติดต่อหากันได้ไปนั่น ซึ่งในเรื่องนี้ตัวเอกชอว์ก็จะค่อยๆ กลายมาเป็นสาวที่สับสนทางเพศ ที่ในยุคนั้นเองก็ยังอาจจะไม่มีคนเข้าใจดีนักว่าเธอเป็นแบบไหน เพราะเธอก็รักและแต่งงานกับผู้ชายมาตลอด แต่มารู้จักและชอบผู้หญิงด้วยกันในภายหลัง จริงๆ เธอก็น่าจะเป็นไบเซ็กชวล ซึ่งในเรื่องนี้มีการผลักประเด็นตรงนี้ขึ้นมาชัดเจนเป็นเรื่องราวหลักของเรื่องเลยก็ได้
แต่ถึงเรื่องจะเน้นสาวผิวขาวทั้งทีมตามจริง แต่ตัวเรื่องก็ยังเพิ่มบทสาวผิวดำที่เป็นตัวเอกอีกคนชื่อแม็ก (แสดงโดย Chanté Adams) ที่ไม่ได้แข่งในลีกนี้แต่มีความฝันเป็นพิชเชอร์มือขว้างลูกในลีกทีมนิโกรที่แยกออกมาจากผิวขาวต่างหาก (ลีกนี้มีผสมคนขาวคนดำ) และเธอก็เชื่อมั่นว่าตัวเองเก่งมากพอที่จะเอาชนะผู้ชายได้มาตลอด ตัวเรื่องจะเป็นความพยายามสานฝันของแม็กซ์ที่แม่เปิดร้านทำผมแล้วอยากให้ลูกสาวสานต่อ จนกลายเป็นความขัดแย้งกันในครอบครัวขึ้นมา รวมถึงตัวเพศสภาพของแม็กเองก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงแท้ซะทีเดียวด้วย
ตัวเอกของเรื่องทั้งสองจะมีช่วงเวลาที่มาเจอกันบางครั้ง และค่อยๆ ผูกเรื่องให้ทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนกันนอกเวลาทำงาน ที่ต่างฝ่ายต่างมาโยนรับบอลปรับทุกเล่าเรื่องชีวิตของกันและกัน ปลอบประโลมปัญหาชีวิตและความเจ็บปวด เพื่อเป็นการเยียวยาสานฝันของตัวเองให้สำเร็จ
ในส่วนของการแข่งขันจะโฟกัสที่ทีมพีชเชสของนางเอกผิวขาว เป็นเรื่องของการไต่เต้าจากทีมบ๊วยห่วยสุดของลีกขึ้นไปเป็นทีมที่แข็งแกร่งชิงแชมป์ครั้งแรกของลีกเบสบอลหญิงอเมริกันในตอนท้ายไคลแม็กซ์ของเรื่อง ซึ่งทั้งช่วงฝึกซ้อมและช่วงแข่งขันเป็นส่วนสนุกที่สุดของเรื่องเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่มีฉากแข่งขันแม้จะสั้นๆ ในแต่ละตอน แต่ทำออกมาสนุก มีสีสันในไฮไลท์สำคัญๆ กับตัวละครต่างๆ ที่ต้องแก้ปัญหาสดในสนามด้วยทริกต่างๆ คนไม่ดูเบสบอลก็ยังสนุกไ้ด้ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักก็ตาม แต่ถ้าคนดูเบสบอลรู้กติกาก็จะสนุกกับทริกการเล่นต่างๆ ในเรื่องขึ้นไปอีก แต่เสียดายที่การแข่งในเรื่องไม่ได้เป็นเกมยาวๆ เท่าไหร่ ทำให้ขาดความจุใจตรงนี้ไปพอสมควร
จุดด้อยของเรื่องหลักๆ ก็คงเป็นการที่เรื่องเน้นปัญหาของการเป็น LGBT ในยุคนั้นมากจริงๆ เรียกว่าปัญหาของสาวๆ ในด้านอื่นน้อยมาก ทั้งๆ ที่ตัวละครในทีมก็เยอะอย่างสาวสเปนที่มีปัญหาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สาวน้อยสเปนที่พูดอังกฤษไม่ได้เลย สาวนักวิทย์ที่คิดทุกอย่างเป็นเหตุผลตัวเลขคำนวนได้หมดจริงจังกับชีวิตมากๆ คือเรื่องสามารถไล่เจาะตัวละครในทีมได้มากมาย แต่กลับโฟกัสหลักๆ ที่ตัวเอกของเรื่องกับปัญหาเพศสภาพในยุคนั้นเยอะมากๆ ซึ่งคนที่ชอบแนวๆ นี้คงถูกใจเรื่องนี้แน่นอน แต่คนทั่วไปก็จะรู้สึกว่ามันเยอะเกินไป แม้เรื่องจะไม่ใช่แนว Woke เพราะเป็นการค่อยๆ ปูความเปลี่ยนแปลงของตัวละครหลัก ไม่ใช่การยัดมาดื้อๆ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าเรื่องให้เวลาในส่วนนี้เยอะมากตั้งแต่ต้นจบจบจนเกินไปจริงๆ และทำให้เรื่องนอกสนามดูไม่ค่อยมีปมอื่นน่าสนใจไปปริยาย
สรุปนี่เป็นซีรีส์สายกีฬาที่อิงกับประวัติศาสตร์ลีกเบสบอลหญิงจริงๆ ที่โอเคมากในเรื่องราวฉากการแข่งขันกีฬาเบสบอล แต่อาจจะอ่อนในเรื่องนอกสนามที่ไม่ค่อยมีปมอะไรมากนอกจากประเด็นเพศทางเลือกในยุคนั้นที่สังคมยังปิดกั้นเรื่องนี้ไว้มาก และมีความผิดทางกฎหมายร้ายแรงอีกต่างหาก ถ้าใครชอบเรื่องราวการแข่งขันก็เน้นดูแต่ช่วงเวลานั้นก็ได้ แต่ถ้าสามารถดูดราม่าเรื่องราวเพศทางเลือกได้ไม่เบื่อก็จะครบถ้วนกับหัวใจของเรื่องราวในซีรีส์นี้ครับ