รีวิว A Man on the Inside (Netflix) สืบสวนในสังคมบ้านพักคนชราที่เต็มไปด้วยมิตรภาพอันแสนอบอุ่น!
A Man on the Inside
Summary
ซีรีส์ซิตคอมสั้นๆ ตอนละประมาณ 25 นาที 8 ตอนจบ แต่เรื่องกลับลงลึกถึงประเด็นต่างๆ มากกว่าจะเป็นซิตคอมฉาบฉวยที่เห็นโดยทั่วไป เรื่องบอกเล่ามิตรภาพในบ้านพักคนชราผ่านตัวเอกนักสืบหน้าใหม่วัยเก๋าที่เข้าไปตีสนิทเพื่อสืบความลับหาของหาย แต่กลายเป็นได้เพื่อนมากมายกับความประทับใจกลับมาแทน ซึ่งเรื่องราวทำได้อบอุ่นกินใจมาก โดยมีความสัมพันธ์แตกต่างของ Gen มาร่วมด้วยผ่านนายจ้างสาวที่เข้าใจตัวเอกมากกว่าลูกสาวจริงๆ ของเขาเอง มีปมของโรคอัลไซเมอร์ที่ซีรีส์แสดงให้เห็นความน่ากลัวที่เป็นภัยกับคนรอบข้างแค่ไหน แต่ก็นำปมนี้เข้ามาเป็นคีย์แมสเซจที่ช่วยไขปริศนาต่างๆ ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งต้องปรบมือให้กับผู้สร้างที่นำเรื่องราวของสังคมผู้สูงอายุมาบอกเล่าในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์มากจริงๆ ครับ
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- นักสืบวัยเก๋ากับมิตรภาพและปัญหามากมายในสังคมผู้สูงอายุ
- ปัญหาโรคอัลไซเมอร์ที่น่ากลัวกับสังคมรอบข้าง
- นักแสดงเล่นได้ดีมากและมีเรื่องราวของตัวเองทุกคน
- มีพากย์ไทย
Cons
- เรื่องเรียบๆ ไม่มีการหักมุมเล่นอะไรใหญ่โต (แต่ก็เหมาะสมกับธีมผู้สูงอายุ)
A Man on the Inside สายสืบวงในวัยเก๋า ซีรีส์ Original Netflix 8 ตอนจบซีซั่น เรื่องราวของ ชาร์ล พ่อม่ายวัยชราที่เกษียนแล้วลองหาทางทำสิ่งใหม่ๆ โดยการเป็นนักสืบจากสำนักงานเอกชนที่กำลังมองหาคนแฝงตัวเข้าไปในบ้านพักผู้สูงอายุ ซึ่งที่นี่ทำให้เขาได้พบโลกใหม่และมิตรภาพที่ไม่คาดคิด แม้จะต้องโกหกทุกคนอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
รีวิว A Man on the Inside สายสืบวงในวัยเก๋า (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์แนวซิทคอมที่เหมือนจะแค่แนวเล่นตลกผิวเผิน แต่ค่อนข้างผิดคาดมากเมื่อเนื้อหาในเรื่องลึกครอบคลุมมากกว่าที่คิดไว้จากภายหน้าเลย ซึ่งช่วงนี้เน็ตฟลิกซ์ทำแนวผู้สูงอายุออกมาดีติดๆ กัน อย่างก่อนนี้ไม่นานก็คือ Vijay 69 หนังอินเดียที่ผู้สูงอายุวัย 69 หาความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการลงแข่งไตรกีฬา ซึ่งดูเหมือนหนังตลกล้อเลียนคนแก่ลงแข่งกีฬาที่ฝืนเกินตัว แต่ว่าเรื่องจริงกลับตรงกันข้ามกันเพราะเต็มไปด้วยมิตรภาพประทับใจระหว่างคนต่าง Gen ซึ่งในเรื่องนี้เองก็มีหลายสิ่งที่ไม่แตกต่างกัน และยังบอกเล่าเรื่องราวปัญหาผู้สูงวัยได้อย่างครอบคลุมมากกว่าที่คิดครับ
ซีรีส์เล่าเรื่องราวของชาร์ล (แสดงโดย Ted Danson) ตัวเอกที่ภรรยาเสียชีวิตไปจากการป่วยเป็นอัลไซเมอร์ จนเขาเหมือนหมดไฟในชีวิตอยู่ไปวันๆ ลูกสาวจึงแนะนำให้พ่อออกไปทำกิจกรรมอะไรใหม่ๆ แบบคนสูงวัยทำกัน แต่ชาร์ลกลับพบประกาศรับสมัครงานนักสืบวัยเก๋าเพื่อเข้าไปยังบ้านพักผู้สูงอายุตามหาเครื่องเพชรที่หายไป ซึ่งชาร์ลก็เป็นนักสืบมือใหม่หัดขับ มีความสามารถพิเศษเดียวคือเขาเป็นศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมาก่อน ซึ่งดูจะไม่ตรงกับงานนี้เลย แต่ความฉลาดของชาร์ลคือทำให้จูลี่นายจ้างประทับใจ และเลือกเขามาทำงานนี้ภายในระยะเวลา 1 เดือนต้องทำให้สำเร็จ นั่นจึงเป็นการเทรนกันสดๆ ด้วยการส่งเขาเข้าไปบ้านพักคนชราที่เขาไม่เคยคิดอยากเข้าไปมาก่อน เพราะมีปมส่วนตัวที่ชาร์ลเคยรับปากกับภรรยาที่เป็นอัลไซเมอร์ไว้ว่าจะไม่ส่งเธอแยกจากไป
ซีรีส์เรื่องนี้มีความยาวแค่ตอนละประมาณ 25 นาทีเท่านั้น (ไม่รวมเครดิต) 8 ตอนก็เท่ากับสามชั่วโมงนิดๆ ซึ่งถือว่าสั้นมาก แต่ว่าเรื่องกลับบอกเล่าจับประเด็นต่างๆ ได้อยู่หมัดตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ อย่างการเป็นนักสืบที่ต้องโกหกทุกคนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งชาร์ลเองก็คือมือใหม่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เรื่องราวของเขาจึงบ้านๆ ทำอะไรเปิ่นๆ จนดูน่าตลก กลายเป็นความเฟรนด์ลี่จนใครๆ ก็ประทับใจกลายเป็นคนดังป็อบของบ้านพักคนชรา แต่อีกด้านก็แฝงให้คนดูได้ตระหนักถึงปัญหาเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ว่าเขาต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดภารกิจและออกจากหน้ากากนี้ไม่ได้ ซึ่งนี่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาและก็ทำให้เขาที่สนุกในตอนแรกเริ่มอึดอัดกับงานนี้ขึ้นเรื่อยๆ โดยเรื่องก็นำปมปัญหาต่างๆ แทรกเข้ามาทำให้เขาคิดได้ละทิ้งความเป็นสายลับออกไปในครึ่งหลัง แล้วหันมาเป็นคนดีที่เข้าหาทุกคนอย่างจริงใจมากขึ้น (แต่ก็ยังทำงานสายลับไปด้วย) ซึ่งซีรีส์ผลักดันประเด็นนี้ผ่านมิตรภาพที่ก่อเกิดกับทุกคนในชุมชนได้อย่างสวยงามมาก ทุกตัวละครในเรื่องนี้มีเรื่องราวส่วนตัวที่เป็นปัญหาของตัวเอง แต่ชาร์ลก็เข้ามาช่วยทำให้ปัญหาเหล่านี้ผ่านพ้นไปได้ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างอบอุ่น เต็มไปด้วยมิตรภาพหลากหลาย มีความแปลกของปัญหาของแต่ละคน อย่างคนที่พึ่งรู้ตัวเองเป็นมะเร็งแล้วพยายามใช้จุดนี้เอาเปรียบคนอื่น การหึงหวงแย่งจีบผู้หญิงในวัยนี้ที่ดูตลกๆ โดยมีเนื้อหาดีลึกๆ ซ่อนอยู่ทำให้ไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลกล้อเลียนดูถูกผู้สูงอายุเลยครับ ตรงกันข้ามคือซีรีส์กลับทำให้ผู้ชมได้มองเห็นและเข้าใจปัญหาต่างๆ ของผู้สูงอายุได้มากขึ้นด้วยซ้ำครับ
นอกจากนี้แล้วเรื่องยังบอกเล่าปมสำคัญตั้งแต่ต้นเรื่องคือการที่ภรรยาของชาร์ลเป็นอัลไซเมอร์ ซีรีส์หยิบเอาโรคนี้มาเล่าผ่านตัวละครหญิงที่เริ่มป่วยเป็นโรคนี้ ซึ่งชาร์ลเคยประสบมาก่อนจึงเข้าใจพยายามช่วยเหลือเธอตามประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ว่าเพื่อนๆ ในบ้านพักกลับมองว่าโรคนี้เหมือนโรคติดต่อทำให้ทุกคนตัดขาดจากเธอ ซึ่งเรื่องนำเสนอเหมือนพวกเขาเป็นคนใจร้าย แต่ว่าเรื่องราวที่เห็นเป็นเรื่องจริงของสังคมวัยนี้ ซีรีส์ทำให้เห็นถึงความน่ากลัวของอัลไซเมอร์ได้ดี โดยมีปมโยงไปถึงประสบการณ์ลึกๆ ที่เรื่องซ่อนไว้ว่าเกิดอะไรกับภรรยาของเขาที่ตายไป ซึ่งส่งผลถึงความสัมพันธ์กับลูกสาวที่ห่างเหินไปหลังแม่เสียชีวิตและพ่อเหมือนเป็นคนซึมเศร้าตามไปเช่นกัน ซึ่งซีรีส์ร้อยเรียงเชื่อมต่อสิ่งเหล่านี้เข้ากับโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างน่าประทับใจ เป็นการเคลียร์ปมที่ต้องบอกเลยว่าให้คะแนนผู้สร้างนี้เต็มสิบไม่หักได้ทันทีที่เรื่องเฉลยความลับของเรื่องนี้ออกมาครับ
นอกจากผู้สูงอายุแล้วซีรีส์ยังไม่ทิ้งความสัมพันธ์ระหว่าง Gen อื่นอย่างนายจ้างจูลี่ที่ปลอมตัวเป็นลูกสาว แต่กลับเข้าใจชาร์ลมากกว่าลูกสาวจริงๆ ดีดี้ผู้จัดการบ้านพักแห่งนี้ที่ละเอียดรอบคอบทุกอย่าง ซึ่งตัวละครเหล่านี้เข้ามาเติมเต็มเรื่องราวให้แน่นแฟ้นขึ้นไปอีก และก็ช่วยทำให้ส่วนของการสืบสวนมีเรื่องราวมากขึ้น เพราะจูลี่จะเป็นคนสืบเรื่องราวด้านนอกบ้านพักที่ชาร์ลส่งออกมา และก็ยังต้องปลอมตัวเป็นลูกสาวเข้าไปในบ้านพักเพื่อติดต่อกับชาร์ลบ่อยๆ ทำให้ดีดี้ก็เริ่มรู้สึกผิดปกติกับตรงนี้และเริ่มสืบหาว่าทั้งคู่คือใครกันแน่ครับ ซึ่งเรื่องก็แอบใส่ปมหักมุมลงไปในตัวดีดี้ทำให้มีเซอร์ไพรส์เล็กๆ กับผู้ชมได้อีกด้วยครับ
ถึงเรื่องจะบอกเล่าแนวมิตรภาพมากมาย แต่ในส่วนของการเป็นนักสืบก็ยังไม่ทิ้งไปเช่นกัน ตัวเรื่องนำเสนอให้เห็นว่าเป็นนักสืบต้องทำยังไงในแบบสมจริงเหมือนกัน มีการเปิดตัวอุปกรณ์นักสืบที่เรียกว่าไฮเทคมาก อย่างแว่นที่ Live ถ่ายทอดภาพออกมาไปให้นายจ้างดูได้ ซึ่งจริงๆ ยุคนี้ก็ทำได้แล้วจริงๆ มีเทคนิคการเก็บข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่ชาร์ลแอบใช้สถานะคนหน้าใหม่ในบ้านพักเข้าไปล้วงข้อมูลมาได้ โดยการเข้าไปตีสนิทเรียนรู้ชีวิตของแต่ละคนจนกลายเป็นเพื่อนกับเขาไปหมด เรื่องยังมีปมที่ทำให้ผู้ชมต้องค่อยๆ คิดตามไปทีละสเต็ปว่าใครคือคนร้าย โดยมีการหลอกล่อให้หลงทางหักมุมเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด แม้มันจะไม่ถึงกับเป็นแนวทำให้อึ้งเล่นใหญ่โตอะไร ผู้สร้างต้องการล็อคธีมนักสืบสมจริงในบ้านพักคนชราไว้จริงๆ โดยไม่มีการเล่นใหญ่ ไม่มีการทำให้ตัวละครเจ็บตัว แต่มันกลับทำให้เราเชื่อได้ว่านี่คือการสืบสวนจริงๆ ของนักสืบเอกชนวัยชรา ซึ่งพอซีรีส์จบเคสแล้วมีเปิดตัวว่ามีต่อเคสใหม่ในซีซั่น 2 อีก ก็ต้องยอมรับเลยว่าอยากดูต่อ และนี่เป็นซีรีส์สืบสวนที่แตกต่างมีแนวทางของตัวเองไม่ซ้ำใครจริงๆ จนน่าจะทำไปได้เรื่อยๆ ด้วยตราบใดที่ผู้สร้างยังไม่หมดมุกจะเล่นกับตัวละครชุดนี้ครับ (ซึ่งดูแล้วน่าจะมีมาขายได้อีกเยอะ)
สรุป ซีรีส์ซิตคอมสั้นๆ ตอนละประมาณ 25 นาที 8 ตอนจบ แต่เรื่องกลับลงลึกถึงประเด็นต่างๆ มากกว่าจะเป็นซิตคอมฉาบฉวยที่เห็นโดยทั่วไป เรื่องบอกเล่ามิตรภาพในบ้านพักคนชราผ่านตัวเอกนักสืบหน้าใหม่วัยเก๋าที่เข้าไปตีสนิทเพื่อสืบความลับหาของหาย แต่กลายเป็นได้เพื่อนมากมายกับความประทับใจกลับมาแทน ซึ่งเรื่องราวทำได้อบอุ่นกินใจมาก โดยมีความสัมพันธ์แตกต่างของ Gen มาร่วมด้วยผ่านนายจ้างสาวที่เข้าใจตัวเอกมากกว่าลูกสาวจริงๆ ของเขาเอง มีปมของโรคอัลไซเมอร์ที่ซีรีส์แสดงให้เห็นความน่ากลัวที่เป็นภัยกับคนรอบข้างแค่ไหน แต่ก็นำปมนี้เข้ามาเป็นคีย์แมสเซจที่ช่วยไขปริศนาต่างๆ ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งต้องปรบมือให้กับผู้สร้างที่นำเรื่องราวของสังคมผู้สูงอายุมาบอกเล่าในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์มากจริงๆ ครับ