playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Alice in Borderland ss2 เกมด้อยลงจนน่าผิดหวัง แต่เฉลยตอนจบได้ฟินลงตัวดี (ไม่มีสปอยล์)

Summary

ตัวเกมยังคงเลือดสาดความรุนแรงสุดโหดไว้ได้อยู่ แต่ทริกและรูปแบบของเกมกลับดูอ่อนลงกว่าภาคก่อน ทั้งๆ ที่เป็นเกมรวมบอสทั้งหมด ซึ่งหลายเกมออกแนวทำมาลวกๆ ผ่านแบบขอไปทีเร่งรีบสคิปข้ามเรื่องโดยไม่ได้ใช้ทริกในการผ่านอะไรเลย แล้วยังยัดบทพูดแนวโลกสวยมาเต็มทั้งเรื่อง จนดูทะแม่งๆ ชวนขัดใจมาก แต่ยังดีที่บทสรุปเฉลยความลับของเรื่องทำได้ดีลงตัวเข้ากับธีมการค้นหาความหมายของชีวิตที่ตัวเรื่องพยายามสอดแทรกไว้ตลอดเวลา ก็ยังถือว่าเป็นซีรีส์ที่ถ้าดูมาแล้วก็ควรดูให้จบได้ไม่ถึงกับผิดหวังมากครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แนวเกมฆ่าเลือดสาดที่โหดจริงๆ
  • จบลงตัวเข้ากับธีมหลักของเรื่อง
  • งาน CG โปรดักชั่นดี
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • เกมดูลวกๆ ผ่านแบบง่ายๆ
  • ยัดคำพูดโลกสวยเข้ามาเยอะ
  • มีจุดไม่สมเหตุผลเยอะจนเหมือนการ์ตูนมากๆ

 

ADBRO

Alice in Borderland ss2 ซีซั่น 2 ของเกมเลือดสาดที่ทำจากมังงะญี่ปุ่น ซีซั่นนี้จะเป็นภาคจบและเฉลยเรื่องราวทั้งหมดของปริศนาแดนลึกลับแห่งนี้

เรื่องย่อ Alice in Borderland ss2

อะริสุ (เคนโตะ ยามาซากิ) และอุซางิ (ทาโอะ ซึชิยะ) พยายามแก้ปริศนาของแดนมรณะ เพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง โดยทั้งคู่ได้พบกับมิตรแท้และศัตรู รวมทั้งผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเกมทั้งหมด ในสถานที่ที่ทั้งคู่เชื่อว่ากำกุญแจที่จะไขปริศนาลึกลับทั้งหมดไว้ อะริสุและคนอื่นๆ จึงต้องพยายามฝ่าฟันเกมที่โหดหินยิ่งกว่าซีซั่นแรกมาก ทั้งๆ ที่ไพ่ที่เหลืออยู่มีแค่แจ็ค แหม่ม คิง แต่พวกเขาจะสามารถรวบรวมไพ่ที่เหลือและกลับสู่โลกความจริงได้ไหม

รีวิว Alice in Borderland ss2

ในส่วนเกมภาคนี้รู้สึกว่าผิดหวังค่อนข้างเยอะ จากที่คาดว่าเกมไพ่หน้าคนคงมีความโหด ความเขี้ยว ความซับซ้อนของเกมที่สูงกว่า แต่รวมๆ แล้วเกมในภาคนี้แทบจะออกมาง่ายๆ ไปซะหมด ขาดความน่าสนใจ การผ่านด่านก็ตัดข้ามไปง่ายๆ หลายอันเหมือนเรื่องต้องการเร่งให้จบในซีซั่น มีวิธีผ่านแบบที่เน้นโลกสวยเกินจริงหลายครั้ง โดยไม่ใช้ความสามารถจริงจังเลย คือถ้าเทียบกับภาคแรกทั้งความซับซ้อน ความโหด ยังมีมากกว่า แต่ก็ยังมีบางเกมที่ถือว่าทำออกมาได้ดีมากอย่างเกมติดคุก ที่จิชิยะ (หนุ่มผมขาว) เป็นคนเล่นเกม เกมนี้ออกแบบมาดี มีความน่าตื่นเต้นแบบลุ้นให้คิดตามได้ และตัวจิชิยะเองก็เด่นมากการวิธีการผ่านเกมนี้ที่ใช้จิตวิทยาสูง ซึ่งเกมที่จิชิยะเล่นหลักๆ จะมี 2 เกมแยกจากกลุ่มพระเอก เป็นเกมที่ใช้จิตวิทยาทั้งคู่ แต่เกมที่ 2 วิธีผ่านสุดท้ายดูโลกสวยไปหน่อยจนกลายเป็นหมดความน่าตื่นเต้นไปเลย 

ภาคนี้พยายามใส่แอ็กชั่นสาดกระสุนมาเต็มเหนี่ยวตั้งแต่แรกด้วยการให้ 1 ในระดับมาสเตอร์ของไพ่ใช้ปืนกราดยิงเปิดเกมตอนแรกที่ไม่ได้เหมือนเป็นเกมเท่าไหร่ แต่เป็นแนวทุ่งสังหารที่คอยตามล่ากราดยิงผู้เล่นทุกคนไปตลอดเรื่อง สลับกับการที่เล่นเกมอื่นพักแล้วก็มาเจอหมอนี่ ซึ่งก็เหมือนบอสสายแอ็กชั่นสูงสุดของเรื่อง เพราะในเกมสุดท้ายจะเป็นเกมที่เรียบๆ ไม่ได้มีแอ็กชั่นอะไรแม้แต่นิดเดียว แต่ปัญหาของฉากบอสตัวนี้คือความเว่อร์แบบงงๆ ว่านี่มันคนจริงๆ หรือคนเหล็ก เพราะหลายอย่างที่โดนไปนี่เกินระดับมนุษย์ไปมาก แล้วตัวผู้เล่นที่สู้กับบอสตัวนี้ก็ออกแนวโง่แบบเหลือเชื่อคือไม่ยิงหัว ยิงแต่ตัวที่ใส่เสื้อเกราะไว้อยู่ จนแทบจะรู้สึกว่าอิหยังวะเอามากๆ กับความพยายามทำให้ฉากต่อสู้กับบอสตัวนี้ดูมันส์แบบลาสบอสจนไม่เมคเซนส์อย่างแรง

ส่วนเนื้อเรื่องในซีซั่น 2 คือการตามหาที่มาจุดเฉลยของเกม และถือเป็นเป้าหมายชีวิตของตัวพระเอกในภาคนี้ที่เข้าเล่นเกมเพื่อถามข้อมูลว่าสุดท้ายแล้วนี่คืออะไร และจะออกจากโลกนี้ไปได้ไหม ซึ่งก็คือจุดสำคัญที่คนดูซีรีส์อยากรู้มากที่สุด แต่แนวนี้ไม่ได้ถือว่าใหม่ มีหลายเรื่องทำเฉลยออกมา หรือใช้พล็อตแนวๆ นี้อยู่หลายเรื่อง แต่ด้วยความเว่อร์ของเรื่องนี้ถือว่าสูงมาก จึงแทบจะจินตนาการไปได้ร้อยแปด คนเขียนบทก็รู้ว่าผู้ชมก็คงคาดเดาอะไรล้ำๆ จนถึงขั้นกาวๆ ไว้เยอะ ในเรื่องจึงมีช่วงเฉลยหลอกคนดูให้หลงเชื่อซ้ำติดๆ กันหลายรอบด้วยเรื่องกาวๆ ทั้งหลาย ก่อนที่จะเฉลยตอนจบที่แท้จริงออกมา ซึ่งคล้ายกับเวอร์ชั่นมังงะ แต่ออกมาดีกว่าแฮปปี้กว่า คงธีมหลักการตั้งคำถามถึงการมีชีวิตไว้ได้ดี ทำให้ทั้งเรื่องที่อาจจะไม่ดีมาก แต่จบได้ฟินลงตัวสุดๆ

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังพยายามเล่าดราม่าชีวิตก่อนมาโลกนี้ของตัวละครหลายๆ ตัวเพิ่ม อย่าง จิชิยะ ก็ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเป็นคนนิสัยแบบนั้นในเกม หรือตัวละครบอสสำคัญตัวแรกของเรื่องที่เล่นโดย โทโมฮิซะ ยามาชิตะ (ยามะพี) ที่แก้ผ้าเป็นจุดขายตลอดทั้งเกม แต่ในเรื่องก็ใช้ทั้งมุมกล้อง การเบลอโฟกัส หลบไม่ให้เห็นช้างน้อยของเขา แต่เห็นก้นเต็มๆ ตลอด  รวมถึงมีแฟลชแบ็คตัวละครเก่าๆ กลับมาหมด อย่างแก๊งเพื่อนพระเอกที่ตายไปในตอนแรก หรือคนที่ตายไปแล้วแต่มีความสำคัญจะกลับมาเกือบหมดในรูปแบบภาพหลอนบ้าง แฟลชแบ็คบ้าง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มาช่วยเติมเต็มเรื่องได้ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจก็กลายเป็นเรื่องค่อนข้างยืดเสียเวลาไปกับส่วนนี้มากกว่าจะโฟกัสที่เกมมากไปเหมือนกันครับ

แต่รวมๆ นี่ก็เป็นซีรีส์ที่ยังถือว่ามีดีให้น่าติดตามดูจนจบได้ไม่ยาก แนะนำว่าดูแล้วก็ควรดูให้จบอยู่ดีครับ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ