Angel Has Fallen ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์
สรุป
หนังแนวบู๊ล้างผลาญ เนื้อเรื่องแค่ปะมาประกอบ ถ้าใครชอบภาคก่อนๆ ก็คงยังดูได้เพราะก็ไม่ต่างอะไรกันนัก แต่ระเบิดหนักกว่าเดิมหน่อย
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ระเบิดหนักมือดีในภาคนี้
- แอ็กชั่นจัดเต็มตอนท้าย
Cons
- บท FBI ใส่มาแบบโง่ๆ
- เนื้อเรื่องวนในอ่าง
- หนังแทบไม่ต้องเดา เฉลยง่ายเหลือเกิน
รีวิว Angel Has Fallen ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์ เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ไมค์ แบนนิ่ง (เจอราร์ด บัตเลอร์) และประธานาธิบดี อัลลัน ทรัมบูล (มอร์แกน ฟรีแมน) ถูกโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายแม้รอดชีวิตมาได้ แต่กลับกลายเป็นว่า ไมค์ แบนนิ่งถูกตั้งข้อหาพยายามสังหารประธานาธิบดีเสียเอง เขาจึงหลบหนีจากการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ พร้อมกับต้องตามล่าตัวการเพื่อล้างมลทิน และปกป้องประธานาธิบดีที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากทั้งฝ่ายรัฐบาล และผู้ก่อการร้ายระดับพระกาฬอีกครั้ง
นี่เป็นภาคสามที่ว่าเป็นภาคปิดท้ายไตรท้ายเรื่องราวของตัวละคร Mike Banning ที่รับหน้าที่คุ้มครองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็เป็นหนังที่ เจอราร์ด บัตเลอร์ กับ มอร์แกน ฟรีแมน รับบทเล่นคู่กันมาตั้งแต่ภาคแรก Olympus Has Fallen ปี 2013 ภาคต่อ London Has Fallen ปี 2016 ซึ่งรายได้คำวิจารณ์ไม่กระเตื้องมากขึ้นเลย มีแต่ร่วงหล่นลงตามชื่อซีรีส์ Fallen ซึ่งไม่ใช่อาถรรพ์จากชื่อเลย แต่เป็นงานสร้างที่คงรูปแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้คนดู ซึ่งซีรีส์นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องอื่นแนวๆ ผู้ก่อการร้ายถล่มอเมริกา แล้วก็ต้องมีหน่วยลับหรือฮีโร่กอบกู้สถาณการณ์ไว้ได้ในที่สุด ซึ่งมีเกลื่อนฮอลลีวู๊ด ที่จริงภาคแรกแม้คำวิจารณ์เมืองนอกจะแย่ แต่ส่วนตัวผมว่าเป็นหนังที่ดูสนุก ระเบิดตึกวอดวายดี ซึ่งทางผู้สร้างก็คงเดินตามสูตรเดิม ภาคนี้ก็ยังมีการระเบิดวินาศสันตะโรอยู่เหมือนเดิม โดยเพิ่มพ่อของพระเอกเข้ามาอีกคน ที่เป็นนักวางระเบิดขั้นเทพที่ออกมากบดานเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร แต่ก็โดนลูกชายตัวซวยที่ต้องโดนผู้ก่อการร้ายไล่ล่าเสมอ ลากพ่อมาพัวพันด้วย ซึ่งช่วงระเบิดกับพ่อในป่า เป็นอะไรที่กวนสุดๆ เรียกว่าจากจะหลับๆ หลังจากตอนแรกก็มาตื่นตัวดูได้จนจบ
หนังขายแอ็กชั่นจัดเต็มไม่แตกต่างจากเดิม แต่เพิ่มมิติตัวละครขึ้นมาอีกหน่อยในบทพ่อลูก และเพื่อนพระเอก ทำให้เราได้เห็นแบ็คกราวด์ชีวิตก่อนหน้านี้เพิ่มว่าพระเอกมีสัมพันธ์กับใครนอกเหนือจากหน้าที่อารักขาประธานาธิบดี มอร์แกน ฟรีแมน ซึ่งคนที่ตามดูซีรีส์นี้ก็คงเพราะตัวแสดงทั้งคู่ เจอราร์ด บัตเลอร์ กับ มอร์แกน ฟรีแมน เป็นหลักนี่แหละครับ ซึ่งไมค์กลายเป็นคนที่ถูกไว้ใจที่สุด ไม่ว่าสถาณการณ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำได้ดี มีช่วงเวลาเล็กๆ ของแต่ละตัวละครที่ผูกพันกับพระเอกไปจนถึงฉากจบเอนเครดิต
แต่ข้อเสียคือหนังเดาง่ายมาก หรืออาจจะเรียกว่าไม่ต้องเดาก็ได้ เพราะตัวละครโกงก็ทำหน้าตาโกงๆ ตั้งแต่ออกฉากแรกๆ ผู้สร้างเหมือนจงใจให้รู้กันเลย ซึ่งกลายเป็นเวลาหนังเฉลยตัวร้ายก็เลยเฉยๆ แถมบท FBI ในเรื่องที่คอยตามล่าพระเอกก็เหมือนใส่มาโง่ๆ ขาดความน่าเชื่อถือทั้งการวิเคราะห์และการตามล่าผู้ร้ายตัวจริงอย่างมาก ซึ่งสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการตัดจบบทแบบทื่อๆ โง่ๆ หนังใช้แต่แอ็กชั่นสาดกระสุน ระเบิดตึกถล่มลงมาเป็นหมอกควันอำพรางบทโง่ๆ ของเรื่อง ซึ่งแม้แต่แรงจูงใจของผู้ร้ายก็แทบไม่คิดจะออกแบบไอเดียใหม่ ยังใช้แค่เงินกับอะไรอีกนิดหน่อยมาเป็นแรงจูงใจให้ขนาดตามล่าฆ่าประธานาธิบดีกลางวันแสกๆ ซึ่งในตอนต้นที่ใช้โดรนไล่ล่าเป็นอะไรที่ดูเป็นไปได้มากกว่าช่วงหลังมาก
นี่เป็นหนังที่ยิ่งทำยิ่งตัน แต่ผู้สร้างไลออนเกตก็เหมือนยังพอใจกับงบและรายได้ (ที่ไม่ได้ดีมากนัก ทุน 70-90 ล้านเหรียญ รายได้ 170-200 ล้านเหรียญ) ซึ่งตามที่เห็นเหมือนจะวางให้ภาคนี้เป็นบทสรุปจบของเรื่องราว จากการที่พระเอกเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนกับไมเกรน ต้องใช้ยาระงับปวดอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าดูสังขารแล้วต่อให้เป็นหนังก็ไม่น่าจะให้พระเอกรอดต่อไปได้ แต่เรื่องพวกนี้ก็เหมือนใส่มาหลอกคนดูให้เอาใจช่วย สุดท้ายพระเอกก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรให้เห็นในระหว่างลุยบู๊ทั้งเรื่องสักเท่าไหร่ แถมสุดท้ายยังจบแบบอาการป่วยไม่ได้เป็นอุปสรรคกับหน้าที่อีกแหนะ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่จบแค่ภาคนี้ ถ้ารายได้ยังเข้าเป้าทีมสร้าง หนังก็คงได้หาทางเติมชื่อ Fallen ห้อยท้ายกันต่อไปอีกแน่นอนครับ