ANNA แอนนา สวยสะบัดสังหาร
สรุป
ถ้าใครคาดหวังว่าจะเป็นแนวแอ็กชั่นนอนสต็อบแบบ John Wick คงจะผิดหวัง แต่ถ้าตามดูหนังของลุค เบซองมาก่อนก็เข้าใจสไตล์เฉพาะตัวของผู้กำกับคนนี้ นี่เป็นหนังยุโรปไม่ใช่หนังฮอลลีวู๊ดโดยตรง
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- นางเอกเหมาะกับบทนางแบบนักฆ่า
- ดาราสมทบเล่นดีทุกคน
- ฉาก SEX เกลื่อนกลาด
- บทซับซ้อนซ่อนกลได้ดี
Cons
- ฉากแอ็กชั่นจัดเต็มน้อยไป
- หนังราบเรียบนานหลายช่วง
ANNA เทรลเลอร์
ANNA = John Wick หญิง เชื่อว่าใครหลายคนคงคิดตรงกันแบบนี้ หลังได้ดูฉากเทรลเลอร์ในร้านอาหารที่นางเอกโชว์ลีลาการต่อสู้ดิบเท่ไม่แพ้ John Wick และด้วยชื่อลุค เบซอง ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสที่มีสไตล์งานอาร์ตสวย เนื้อเรื่องดูสุขุมเรียบๆ แต่ดี ผสมกับฉากแอ็กชั่นไม่เหมือนใคร มาตั้งแต่ Leon: The Professional หนังนักฆ่าเรื่องดังที่แจ้งเกิดทำให้คนติดตามผลงานของเขา แม้ว่าผู้ชมรุ่นหลังจะมารู้จักจาก Taken ที่เขาเขียนบท กับ Lucy อีสาวโด๊ปยาพลังจิต ที่ดูเป็นแนวบู๊แหลก แต่จริงๆ แล้ว ลุค เบซอง เป็นคนที่มีผลงานการกำกับหนังแอ็กชั่นสวยๆ แบบต่อเนื่องมายาวนาน โดยเฉพาะการใช้ตัวละครหญิงเป็นตัวเอกในการขับเคลื่อนเรื่องราวให้มีบทบาทโดดเด่นในเรื่องทัดเทียมผู้ชาย อย่าง Nikita ผลงานยุคแรกของเขา ที่ตัวเอกเป็นนักฆ่าสายลับหญิง ซึ่ง ANNA ก็เหมือนเป็นการเอาเหล้าเก่าของลุค เบซอง มาใส่ขวดใหม่แปะป้ายฉลากสวยๆ ตามเทรนด์หนังยุคใหม่ที่มีฉากแอ็กชั่นลุยเดี่ยวเท่ๆ สวยงาม แต่ความสมจริงละเอาไว้ทีหลัง… ซึ่ง Anna เลือกก็มาเส้นทางสายนี้เช่นกัน
บทของแอนนานางเอกของเรื่องได้ “ซาช่า ลุซ” (Sasha Luss) นักแสดงที่มีพื้นฐานอาชีพมาจากนางแบบชื่อดังระดับโลก มาเล่นเป็นเหมือนตัวเองในบทนางแบบนักฆ่า KGB ซึ่งถือว่าเล่นได้ดีมากในบทปกติทั่วไป ด้วยหน้าตานิ่งๆ สงบเรียบเฉยได้ทุกสถาณการณ์ เป็นไปตามใบสมัครสเป็คนักฆ่า KGB ตามบทได้อย่างลงตัว รวมถึงฉาก SEX ที่ร้อนแรงพอตัว (แถมมาถี่เหลือเกิน!) ถือว่าสอบผ่านได้เลย แต่กับฉากแอ็กชั่นยังได้แค่เกรด B ท่าทางการแสดงของเธอดูดรอปลง คิวบู๊แม้จะเรียงร้อยอย่างสวยงามน้องๆ John Wick แต่ก็ดูหน่วงไม่รุนแรงฉับไวเท่าไหร่นัก (จริงๆ John Wick ภาคหลังก็ดูรอคิวสตันท์มากไปเหมือนกัน) แต่ด้วยความสวยเฉียบตามสไตล์นางแบบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ทำให้ฉากเหล่านี้ดูเพลินตา เหมือนนางแบบโพสต์ท่าฆ่าไปได้อย่างงดงาม คนดูจะได้สนุกกับการเห็น ANNA ที่ใช้สิ่งของรอบตัวฆ่าคนได้ทุกรูปแบบ อย่างจานในเทรลเลอร์ รวมถึงท่าการใช้ปืนเท่ๆ ไม่แพ้ John Wick แต่ด้วยงานของลุค เบซองเองจะไม่ใช่สไตล์อัดฉากแอ็กชั่นกระหน่ำแบบ John Wick ฉากสวยๆ เหล่านี้เลยมีให้เห็นแค่สองซีนใหญ่คือ ฉากในร้านอาหารตามเทรลเลอร์ที่จัดโชว์ไปซะเยอะ (แต่ในหนังมียาวกว่านั้นมากอยู่) กับตอนก่อนจบเรื่องเท่านั้น
ถึงแม้หน้าหนังจะขายความเป็นแอ็กชั่นสไตล์ John Wick แต่หัวใจหลักของเรื่องนี้ยังคงอยู่ที่สไตล์การเล่าเรื่องไม่ธรรมดาของลุค เบซอง แก่นของเรื่องราวเป็นหนังหักเหลี่ยมเฉือนคมกันระหว่างองค์กร KGB ของรัสเซีย กับ CIA ของอเมริกา ที่ต่างคนต่างอยู่แต่ได้มาเกี่ยวพันกันโดยมี ANNA เป็นตัวเชื่อมเรื่องราวทั้งหมด สำหรับคนดูแรกๆ อาจจะงงการที่หนังตัดฉากเหตุการณ์ล่วงหน้ามาสั้นๆ ก่อนย้อนกลับยาวๆ ทีละช่วง ทำให้ดูเหมือนจิ๊กซอว์ที่ให้เราได้เห็นภาพรวมทั้งหมด ก่อนจะแตกกระจายออกไป แล้วค่อยๆ นำมาต่อติดประกอบกันช้าๆ การเล่าแบบนี้ทำให้เราได้รับรู้ประวัติของแอนนาพร้อมกับอนาคตของเธอ แบบซ้อนทับลับลวงพรางไปพร้อมกัน ซึ่งหนังทำออกมาเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ซ่อนเงื่อนผูกปมไว้จนถึงตอนจบสุดท้าย
หนังได้ดารายอดฝีมือคับคั่งหลายคน ซึ่งก็คุ้นหน้าตากันดีอย่าง ลุค อีแวนส์ (Luke Evans) จากบทชอว์ใน Fast 7 ได้รับบทในเรื่องเป็นคนพา ANNA เข้า KGB ส่วนซิลเลี่ยน เมอฟี่ (Cillian Murphy) ขาประจำของหนังจากผู้กำกับโนแลน ก็มารับบทหัวหน้าทีมฝ่าย CIA ซึ่งทั้งคู่เรียกว่าเหมาะเจาะตั้งแต่ลุคที่เราติดภาพกันมาว่า KGB จะดูเถื่อนๆ โหดๆ ส่วน CIA จะดูเจ้าเล่ห์เพทุบายตามสไตล์การทำงานเชิงลับของอเมริกา แต่คนที่โดดเด่นจริงๆ คือ Helen Mirren ผู้มารับบทโอลก้า KGB เก่าแบบเดียวกับนางเอกที่ไต่เต้าขึ้นมาทำงานนั่งโต๊ะหลังฉาก ในแบบเจ้านายสุดโหดผู้สั่งภารกิจสุดเขี้ยวแบบแทบเป็นไม่ได้ให้แอนนา แต่เวลาสนทนาหลังรอดตายมา เธอกลับเหมือนเป็นครูและแม่สอนลูกให้เติบโตไปพร้อมกัน
ถ้าใครคาดหวังว่าหนังจะเป็นแนวแอ็กชั่นนอนสต็อบแบบ John Wick คงจะผิดหวัง เพราะหนังเดินเรื่องด้วยกราฟราบเรียบยาวๆ ก่อนจะพุ่งขึ้นด้วยฉากแอ็กชั่นไม่กี่ฉาก (ซึ่งดูดี) แล้วก็ตัดกลับมาเล่าเรื่องเรียบๆ ต่อ แต่ถ้าชอบสไตล์หนังทริลเลอร์ที่ค่อยๆ ผูกปมเรื่องราว ก็คงจะไม่หาวกับการเฉลยปมเป็นระยะๆ แม้หนังอาจจะดูน่าเบื่ออยู่บ้างในช่วงซีนตัดสลับปูมหลังต่างๆ แต่พอช่วงเฉลยท้ายสุดของเรื่องก็แอบว้าวได้เหมือนกัน หนังลุค เบซอง ก็ยังคงเป็นหนังยุโรปผสมอเมริกา ที่มีสูตรลับเสน่ห์เฉพาะตัวเหมือนน้ำหอมราคาแพง ยากที่ใครจะมาเลียนแบบได้จริงๆ
รีวิว ANNA แอนนา สวยสังหาร
ประวัติของ “ซาช่า ลุซ” (Sasha Luss)
ซาช่าเธอคือนางแบบระดับท็อปโมเดล เธอเป็นนางแบบเชื้อสายรัสเซีย เริ่มต้นจากการเดินแบบตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี โดยเซ็นสัญญากับสังกัด IQ Models ในกรุงมอสโก จากนั้นจึงได้ถ่ายแบบลงในนิตยสารแฟชั่นดังอย่าง Vogue และ L’Officiel ของฉบับรัสเซียในปี 2008 แต่ความสำเร็จเพียงแค่ในประเทศรัสเซียอาจยังน้อยไปสำหรับความสามารถเฉพาะตัว และหน้าตาสวยคมเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ในปี 2011 เธอตัดสินใจก้าวออกจากโมเดลลิ่งเอเจนซี่เดิม เพื่อเซ็นสัญญากับที่ใหม่ Avant Models ซึ่งเป็นสังกัดที่ใหญ่และสากลมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าในแวดวงของนางแบบแฟชั่นย่อมต้องมีแมวมองและผู้ผลักดัน เพราะเส้นทางของซาช่าพุ่งทะยานขึ้นสู่อีกก้าวใหญ่เมื่อ “คาร์ล ลาเกอร์เฟล” นักออกแบบแฟชั่นชื่อดังระดับโลกแห่งแบรนด์ชาเนล ได้เห็นเธอในโฆษณาของแบรนด์เครื่องแต่งกาย Maison Bohemique และชักชวนให้เธอมาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในงาน Chanel ของเขากับคอลเลคชั่น Pre-Fall แลt Autumn/Winter 2012 อีกทั้งหลังการเดินในซีซั่นนั้นทางแบรนด์ของ Dior ยังได้เชิญเธอไปร่วมอวดโฉมบนแคทวอล์คกับคอลเลคชั่น Spring/Summer 2013 ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันความโด่งดังของเธอนั้นวัดได้จากการที่หลากหลายแบรนด์ดังของโลกต่างต้องการตัวเธอเป็นอันดับต้นๆ ในการมาร่วมเดินเปิดตัวคอลเลคชั่นในแต่ละซีซั่น เธอร่วมเดินมาแล้วมากกว่า 50 รันเวย์ เคยได้รับการคัดเลือกให้ร่วมถ่ายแบบในแคมเปญโฆษณาของ Givenchy, Chanel, Louis Vuitton, Prada, Valentino, Tommy Hilfiger และเคยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Dior Beauty มาแล้ว แต่นอกจากการเป็นนางแบบระดับแถวหน้าแล้ว เธอยังมีผลงานด้านการเป็นนักแสดงภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน เริ่มต้นจากการรับบทสมทบในหนังไซไฟ-ผจญภัยโปรเจคต์ยักษ์ “VALERIAN AND THE CITY OF A THOUSAND PLANETS” ของผู้กำกับ ลุค เบซอง ผ่านเทคนิคโมชั่นแคปเจอร์ในบท ราชินี ของชาวเดอะ เพิร์ลส เอเลี่ยนผู้บูชาธรรมชาติ มีผิวกายประหนึ่งไข่มุกที่ต้องเผชิญหน้ากับการถูกคุมคามโดยภัยเร้นลับ
อ้างอิงจากเว็บไซต์ https://www.aroundonline.com/sasha-luss/
สปอยล์
สปอยล์เนื้อเรื่อง ANNA แอนนา สวยสะบัดสังหาร หมายเหตุ: หนังเรื่องนี้เดินเรื่องด้วยการแฟลชแบ็คกลับไปเล่าเรื่องหลายชั้น ในสปอยล์นี้จะเล่าเรื่องตามเรียงลำดับ ไม่ตรงกับในหนังนะครับ
เรื่องเปิดมาที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย มีชายและหญิงสาวอเมริกันถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียตามประกบและนำตัวมาสังหารทิ้ง 5 คน โดยไม่รู้สาเหตุ…
ANNA เด็กสาวเร่ร่อนข้างถนนคนหนึ่งในกรุงมอสโก ถูกชายขายยาเสพติดหลอกมาชุบเลี้ยงบำเรอกาม แถมอัดยาให้แอนนาเสพติดจนไม่สามารถหนีไปไหนได้ โดยที่เธอพยายามหาทางหนีด้วยการกรอกใบสมัครออนไลน์ไปเป็นทหารรับใช้ชาติ วันหนึ่งชายคนนี้กับแอนนาก็ถูกตำรวจไล่ล่าหลังจากกระทำความผิดร่วมกัน ทั้งคู่รอดจากการไล่ล่ากลับมาที่ห้องพักเพื่อเก็บข้าวของหนี แต่แล้วกลายเป็นว่ามีชายลึกลับมาดักรอในห้อง ฆ่าชายขายยาทิ้ง พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้แอนนาเลือกเอาว่าจะไปกับเขาฝึกฝนและทำภารกิจลับให้ชาติ 5 ปี จากนั้นจะได้เป็นอิสระ หรือจะเลือกไม่ไปกับเขาก็ได้ โดยให้ตอบมาทันทีแบบแทบไม่มีเวลาคิด แอนนาไม่ยอมไปกับชายลึกลับ กลับเลือกปาดข้อมือตัวเองแทนทันทีแบบไม่ลังเล เพราะคิดว่าข้อเสนอที่ให้มาก็คงไม่ต่างกับการถูกนำไปใช้งานในกรอบเงื่อนไขนรก พอๆ กับชีวิตที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ แต่สุดท้ายชายลึกลับก็กล่อมเธอสำเร็จ เธออุดเลือดที่แผลที่แขนแล้วก็ไปกับเขา
ชายลึกลับคนนี้คือ อเล็ก (Alex) คนใน KGB ของรัสเซีย ที่มีหน้าที่หาคนมาให้ KGB ฝึกเพื่อใช้เป็นสายลับหรือนักฆ่า ซึ่งแอนนาที่ผ่านการฝึกมาแล้วก็ถูกนำมาแนะนำตัวให้กับโอลก้า (Olga) ที่เป็นหัวหน้าอีกที โอลก้าข้องใจความสามารถของแอนนา จึงให้ภารกิจทดสอบให้แอนนาใช้ปืนกระบอกเดียวเข้าไปฆ่าหัวหน้ามาเฟียในร้านอาหารแห่งหนึ่งให้ได้ในเวลา 5 นาที ซึ่งแอนนาก็รับปืนไปในร้านอาหาร แต่กลับพบว่าปืนไม่มีลูก จึงทำให้แอนนาต้องสู้ทั้งแก๊งแบบไม่มีอาวุธ แต่เธอก็จัดการได้ทั้งหมด แต่กลับเลยเวลา 5 นาทีไปเพียงนิดเดียว โอลก้าสั่งให้อเล็กขับรถหนี ทิ้งแอนนาให้เอาตัวรอดเอง ซึ่งเธอก็ตามกลับไปหาโอลก้าจนได้ และคิดว่าถูกโอลก้าหลอกส่งไปตายเนื่องจากปืนไม่มีลูกกระสุน แต่โอลก้าบอกว่านั่นคือการทดสอบ เธอไม่เช็คความพร้อมเอง พร้อมทั้งเล่าประวัติว่าตัวโอลก้าเองก็เคยโดนทดสอบแบบนี้มาเช่นกัน แม้ว่าแอนนาจะไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตัวเอง โอลก้าพอใจกับฝีมือของแอนนาจึงรับเข้ามาทำงานใน KGB ให้เป็นนักฆ่าโดยตรง ให้สัญญาปากเปล่าว่า 5 ปีจะเป็นอิสระได้
เวลาผ่านไป 3 ปี แอนนาได้งานที่ต้องแฝงตัวเข้าไปเป็นนางแบบที่ฝรั่งเศส ซึ่งเกิดจากการจัดฉากของ KGB ให้แมวมองมาเจอเธอในตลาดนัด และนำเธอไปปั้นเป็นนางแบบชั้นนำได้ภายในเวลาไม่นาน ซึ่งที่นี่ภารกิจแรกในคราบนางแบบนักฆ่าคือ การสืบความลับหุ้นส่วนชาวรัสเซียของสังกัดที่เธออยู่ ซึ่งมีงานหลังฉากเป็นการค้าอาวุธให้กับหลายชาติมากมาย ซึ่งเธอก็ทำได้สำเร็จด้วยการให้เขาตกหลุมรัก แล้วยอมเปิดปากยอมรับว่าตัวเองเป็นนายหน้าค้าอาวุธข้ามชาติ เมื่อได้หลักฐานมา แอนนาก็จัดการเขาทันที แล้วทำการลบเทปบันทึกภาพว่าเคยเข้ามาที่นี่ทั้งหมด แต่กล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามโรงแรมจับภาพเธอไว้ได้ ซึ่งก็ถูกนำมาสืบเชื่อมโยงการฆาตกรรมในครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA เลนนี่ มิลเลอร์ (Lenny Miller) เข้ามาสอบสวน ซึ่งแอนนาก็ตอแหลจนรอดมาได้
หลังฝังตัวเป็นนางแบบนักฆ่าที่ฝรั่งเศส โอลก้าก็มอบหมายงานให้แอนนาฆ่าคนมากมายติดต่อกันไม่หยุด ซึ่งแอนนาก็รู้สึกว่าเหมือนส่งเธอไปตายเข้าสักวันก่อนเวลาตามสัญญา ซึ่งเรื่องนี้บอสใหญ่ KGB อย่าง วาลซิเลียพ (Vassiliev) ก็ไม่เคยคิดจะให้เธอหนีจาก KGB ได้อยู่แล้ว และกดโอลก้าให้ใช้งานแอนนาอย่างหนักแบบที่ว่าคงไม่รอดไปถึง 5 ปีได้แน่ๆ (ไม่เคยมีใครรอดในหน้าที่นี้นอกจากโอลก้าคนเดียว) ในฐานะสายลับนักฆ่า แอนนามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอเล็กซ์ เขาจึงกล่อมแอนนาว่าให้รอเวลาไปก่อน ถ้าวาลซิเลียพไม่อยู่ อะไรๆ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งแอนนาก็จำยอมทนต่อไป แต่วันหนึ่งเธอก็ถูกซ้อนแผนและโดนจับตัวได้ขณะทำภารกิจโดย เลนนี่ จาก CIA ที่เคยสอบปากคำเธอจากคดีฆาตกรรมครั้งแรก ซึ่งเลนนี่สงสัยมาตลอดและเฝ้าจับตาเธอจนรู้เป้าหมาย และเตรียมทีมมาดักซ้อนแผนกดดันให้แอนนายอมเปลี่ยนขั้วเป็นสายลับสองหน้ามารับใช้ CIA ซึ่งแอนนาก็จำยอมเพราะปฏิเสธไปก็คงไม่รอด แต่ภารกิจนี้เธอต้องทำให้สำเร็จด้วยเพื่อหลอกโอลก้า ซึ่งโอลก้าเห็นแอนนาหายไปนานมีพิรุธ รวมถึงนำกระเป๋าของเหยื่อกลับมาแต่ไม่มีลายนิ้วมือไว้เปิดกระเป๋า โอลก้าจึงให้แอนนากลับไปตัดนิ้วเหยื่อมาให้ ซึ่งแอนนาก็ต้องย้อนกลับไปหาเลนนี่อีกครั้ง และจัดการตัดนิ้วเหยื่อที่เลนนี่วางแผนไว้ให้รอดด้วยตนเอง โอลก้าจึงเชื่อแอนนาและเห็นเธอเหน็ดเหนื่อยเกินขีดจึงไล่ให้ไปพักร้อน 1 สัปดาห์ ซึ่งแอนนาก็ตกลงไปกับ Maud แฟนสาวเลสเบี้ยนที่เป็นนางแบบร่วมสังกัด
ที่พักร้อนริมทะเล แอนนาก็ได้เจอกับเลนนี่อีกครั้ง ซึ่งเขามาตามติดเธอเพื่อยื่นข้อเสนอให้ทำงานลับสุดยอดคือการฆ่าหัวหน้าใหญ่สุดของ KGB วาลซิเลียพ สาเหตุก็เพราะวาลซิเลียพเข้มงวดเกินไป แถมจัดการฆ่าสายลับในรัสเซียของเลนนี่จนหมดเมื่อ 5 ปีก่อน (ในฉากตอนต้นเรื่อง) ซึ่งเลนนี่วางแผนมานานหาสายลับของ KGB ที่เข้าถึงตัววาลซิเลียพได้ โดยหลังเสร็จงานแอนนาจะได้เป็นอิสระทันที (ถูกลบประวัติและมีหน่วยคุ้มครองดูแล) แอนนาตกลงรับงานนี้เพราะเธอรู้ว่าอยู่กับ KGB ไปก็คงต้องตายก่อน
หลังพักร้อนแอนนากลับไปทำงานอีกครั้ง เธอก็มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเลนนี่หลายต่อหลายครั้งในช่วงนี้ ซึ่งเลนนี่ก็หลงเธอมากเช่นกัน เธอปฏิบัติงานจนหมดจึงได้กลับไปยังรัสเซีย เข้าไปเล่นหมากรุกกับวาลซิเลียพในห้องส่วนตัวโดยมีอเล็กเฝ้าประกบอยู่ด้วย แต่แล้วแอนนาก็แอบเอาปืนที่ซ่อนไว้ชักมายิงวาลซิเลียพตายต่อหน้าอเล็ก แล้วใช้ยานอนหลับฉีดอเล็กให้สลบก่อนหนีไป แต่อเล็กฝืนยาไว้และกดปุ่มฉุกเฉินให้ KGB ทั้งตึกรู้ตัวมาถล่มแอนนา ซึ่งก็กลายเป็นศึกใหญ่ที่แอนนาต้องรับมือและหนีออกไปหาเลนนี่ที่เตรียมรถมารับนอกตึก แต่เลนนี่เห็นท่าไม่ดีจากสัญญาณเตือนภัยทีดังจึงขับรถหนีทิ้งแอนนาไว้ที่นั่น ซึ่งแอนนาก็เอาตัวรอดมาได้และหายสาบสูญไป โดยไม่ติดต่อใครอีกเลย
หลังหัวหน้า KGB ตายฝ่าย CIA อย่างเลนนี่ก็ถือว่าทำงานสำเร็จ แต่ใจเลนนี่ก็ยังสงสัยว่าแอนนาหายไปไหน วันหนึ่งมีแมสเซจมาหาเขานัดให้ไปพบที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งเลนนี่ก็เตรียมตัวไปพบพร้อมทั้งพาทีมหน่วยสวาทมารอจับแอนนาด้วย แต่ไม่ใช่แค่ CIA ที่มารอ ฝ่าย KGB ทั้งโอลก้าและอเล็กก็มาดักรอแอนนาที่สวนด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากที่แอนนาส่งแมสเซจไปหาอเล็กให้มาเจอที่จุดเดียวกัน และเฉลยให้ทั้งคู่เห็นว่าเธอมีสัมพันธ์กับทั้งสองคน และขอให้ทั้งคู่ปล่อยเธอไป โดยเธอได้แอบดักเก็บข้อมูลความลับของทั้ง KGB กับ CIA ไว้ตอนที่ทั้งคู่เผลอมี SEX กับเธอ ถ้าไม่ปล่อยเธอไปข้อมูลพวกนี้ก็จะเปิดเผยต่อสาธารณชน ทำให้ทั้งสองฝ่ายจำยอมข้อเสนอนี้ของแอนนา และปล่อยเธอเป็นอิสระ แต่โอลก้าที่เฝ้าดูผ่านกล้องวงจรปิดไม่ยอมรับเงื่อนไข โอลก้าออกจากที่ซ่อนไปจัดการยิงแอนนาทิ้งในสวน ซึ่งทั้งอเล็กและเลนนี่ก็ไม่คาดไม่ถึง และคิดว่าแอนนาตาย…
แต่เรื่องกลับเฉลยว่านี่เป็นแผนของแอนนากับโอลก้ามาตั้งแต่ครั้งแรกที่เลนนี่จับแอนนาได้ (ครั้งที่แอนนาต้องตัดนิ้วเหยื่อไปยืนยัน) เนื่องจากเห็นรอยกุญแจมือ โอลก้าบังคับให้แอนนาทำงานซ้อน CIA อีกที เพื่อจะได้รู้ว่าทาง CIA ต้องการอะไร พอรู้ว่าต้องการฆ่าบอสของ KGB ซึ่งโอลก้าก็ไม่ชอบหน้าอยู่แล้ว และอยากขึ้นไปตำแหน่งสูงสุดตรงนี้ ก็เลยซ้อนแผนให้แอนนาทำตามให้สำเร็จ และช่วยให้แอนนารอดไปได้โดยแบล็คเมล์ พร้อมทั้งหลอกว่าถูกโอลก้าฆ่าตาย (มีเหยื่อหน้าตาเหมือนแอนนามาสวมรอยเป็นศพในสวนแทน) แต่แม้ว่าแอนนาจะทำตามแผนทั้งหมดที่โอลก้าวางไว้ แต่เธอก็ไม่มั่นใจจึงซ้อนแผนโอลก้าอีกตลบ โดยการแบล็คเมล์โอลก้าแอบบันทึกภาพและเสียงที่คุยกับโอลก้าไว้เรื่องการวางแผนฆ่าวาลซิเลียพ แล้วจึงส่งให้โอลก้าดูเทปที่เธอบันทึกไว้ว่าให้ลบประวัติเธอทั้งหมด และไม่ตามหาเธอเพื่อแลกกับอิสระที่แท้จริง โอลก้าดูเทปที่แอนนาบันทึกไว้และยอมรับว่าติดกับแอนนาเต็มๆ เธอจึงยอมสละลบข้อมูลแอนนาออกไปจาก KGB และขึ้นเป็นบอสใหญ่ตามแผนที่วางไว้สำเร็จ