playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Apocalypse Z: The Beginning of the End (Prime) หิ้วกระเป๋าพาแมวหนีซอมบี้ที่ทาสแมวดูแล้วระทึกกว่าปกติ

Apocalypse Z: The Beginning of the End

Summary

หนังทาสแมวพาหนีซอมบี้ที่สนุกระทึกตื่นเต้น โดยวางเรื่องเป็นเหตุการณ์จุดเริ่มในช่วงโมงแรกให้ค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกหายนะในวงแคบๆ ใกล้บ้านเป็นช่วงที่ซอมบี้แทบไม่มี แต่ก็มีดราม่าความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่ไม่รู้จักกันมาก่อนในโลกปกติ ซึ่งแม้จะเนือยๆ เรียบๆ บ้าง แต่ก็ค่อนข้างสมจริงในแบบจุดเริ่มเหตุการณ์ดี ก่อนที่ชั่วโมงหลังคือการอัดฉากหนีซอมบี้กันแบบจุกๆ สำหรับแฟนหนังซอมบี้ก็อาจจะไม่รู้สึกแปลกใหม่เพราะซอมบี้ในเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าเรื่องอื่น แต่สำหรับทาสแมวการสะพายกระเป๋าแมวหนีซอมบี้มันช่วยลุ้นระทึกมากกว่าหนังซอมบี้ทั่วไปทันที และหนังก็ไม่ได้ใช้แมวเป็นตัวล่อหรือทำให้เกิดฉากพวกนี้ขึ้น ทำให้เรื่องดูสมจริง แต่ก็ทำให้บทบาทของแมวในเรื่องดูเป็นแค่ตัวเสริมเหตุการณ์มากกว่าจะเป็นคีย์หลักจริงๆ ของเรื่องครับ (แต่หนังไม่จบมีต่ออีก 2 ภาค)   

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ทาสแมวพาน้องหนีซอมบี้
  • ฉากโหดมีความรุนแรงสูง
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • บทบาทของแมวในเรื่องเป็นแค่ส่วนเสริมแค่นั้น
  • ซอมบี้ไม่มีอะไรพิเศษกว่าเรื่องอื่น

ADBRO

Apocalypse Z: The Beginning of the End ภาพยนตร์ Original Amazon Prime  สร้างจากนิยายขายดีของสเปน เรื่องราวของชายหนุ่มทาสแมวที่พยายามหาทางเอาชีวิตรอดจากโรคระบาดที่ทำให้คนบ้าคลั่งเหมือนซอมบี้

Apocalypse Z: El principio del fin (2024) on IMDb

รีวิว Apocalypse Z: The Beginning of the End (ไม่สปอยล์)

หนังซอมบี้ที่ดูเหมือนเอาแมวมาเล่นเป็นตัวแปรสำคัญแบบ A Quiet Place: Day One ซึ่งเรื่องนี้แมวคือคีย์สำคัญของเรื่องอย่างแท้จริง แต่สำหรับ Apocalypse Z นั้นต่างออกไป แมวในเรื่องนี้คือองค์ประกอบช่วยลุ้นระทึกคู่กับตัวเอกมากกว่าจะเป็นคีย์สำคัญของเรื่อง โดยบทวางเรื่องให้ ‘มาเนล’ เป็นคนไม่พร้อมมีลูก แมวคือสิ่งเยียวยาจิตใจหลังเสียภรรยาไป จนกระทั่งการมาของโรคระบาดที่แพร่ไปทั่วยุโรป โดยมีข่าวลือว่ามาจากแล็บร้างของโซเวียต ซึ่งทำให้มาเนลเก็บตัวอยู่ในบ้านพร้อมกับแมวตามคำแนะนำของพี่เขยที่เป็นทหารของรัฐบาล แต่เมื่ออาหารหมด ก็ทำให้เขาต้องออกจากบ้านมาพบกับหายนะของโลกที่เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของโลกนี้

หนังเริ่มต้นโดยการเลือกเล่าช่วงเวลาตั้งแต่จุดกำเนิดของเหตุการณ์โดยละเอียด โดยใช้ช่วงเวลาชั่วโมงแรกคือจุดเริ่มต้นที่เหมือนโควิดเป็นแนวกักตัวอยู่ในบ้าน สถานการณ์ยังไม่รุนแรงแบบหนังซอมบี้จริงๆ แค่เหมือนมีโรคระบาดไปทั่ว แต่คนอื่นจะโดนทหารอพยพไปรวมตัวกันที่อื่นเพื่อกักตัวไว้ ตัวเรื่องวางไว้ให้เขาทำบริษัทโซล่าร์เซลล์ทำให้มีพลังงานไฟฟ้าชาร์จลงแบตใช้ได้เอง แต่แค่ต้องหาอาหาร ซึ่งเรื่องก็พาไปสำรวจใกล้ๆ ละแวกนั้น และก็ได้พบกับคนที่กักตัวเอาชีวิตรอดแบบเขา กลายมาเป็นความสัมพันธ์เล็กๆ ระหว่างเพื่อนบ้านที่ไม่เคยทักทายกันมาก่อนในช่วงเวลาจุดเริ่มหายนะแบบนี้ โดยช่วงนี้ซอมบี้โผล่ออกมาน้อยมากๆ จนอาจจะดูน่าเบื่อเหมือนหนังทุนต่ำ แต่หนังก็ตั้งใจทำให้เห็นลำดับขั้นของการเกิดเหตุการณ์นี้ได้เหมือนจริง และถ้าไม่จนตรอกจริงๆ ก็ไม่มีใครยอมไปไหน ยิ่งมีแมวที่เรารักแล้วทิ้งไปไม่ได้แบบนี้ด้วยยิ่งตัดสินใจลำบาก 

หนังเล่าจุดเริ่มชั่วโมงแรกนานจนเหมือนหนังดราม่าไม่ใช่ซอมบี้เต็มตัว แต่พอชั่วโมงหลังตัวเอกตัดสินใจตะลุยออกไปเพื่อไปหาพี่สาวบนเกาะเซฟเฮ้าส์ที่รัฐบาลดูแล หนังเปลี่ยนโหมดทันทีด้วยการให้พระเอกขี่มอเตอร์ไซค์วิบากฝ่าฝูงซอมบี้ที่แห่กันมาจากไหนไม่รู้มากมายทั้งๆ ที่ชั่วโมงแรกแทบไม่มี โดยมีกระเป๋าใส่น้องแมวเป็นภาระติดตัวไปด้วย ซึ่งหลังจากนี้ไปคือช่วงเวลาที่หนังอัดซอมบี้เข้ามาแบบจุกๆ ต่อเนื่องกันหลายซีน โดยมีแทรกดราม่าปมอุบัติเหตุที่เกิดกับภรรยาเข้ามานิดๆ มีช่วงดราม่าพบกับคนรอดตายอื่นๆ โดยมีอาวุธแค่ปืนฉมวกยิงได้ทีละนัดเข้าสู้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่พยายามให้ตัวเอกมีอาวุธปืนใช้เลย (มีใช้ก็แค่ช่วงสั้นๆ) ใช้แค่สิ่งของรอบตัวสู้ ดังนั้นฉากในเรื่องจึงเป็นการหนีตายด้วยความสามารถของเขาล้วนๆ ซึ่งหนังสร้างฉากหนีออกมาได้สนุกลุ้นระทึก โดยที่บทก็ไม่ได้เขียนให้ตัวละครในเรื่องนี้มีใครทำตัวงี่เง่าแบบที่หลายเรื่องชอบทำเพื่อให้เกิดฉากหนีซอมบี้ขึ้นมาง่ายๆ แต่เรื่องนี้ไม่มี แม้แต่น้องแมวที่พามาด้วยก็เป็นแค่ภาระติดตัวจำเป็นเพราะแมวคือตัวแทนของภรรยาของเขา เรื่องนี้จึงไม่มีฉากที่เอาแมวเป็นตัวล่อซอมบี้เข้ามาอย่างใน  A Quiet Place: Day One ที่แมวขยันหาเรื่องจริงๆ ทำให้บทแมวดูสมจริงกว่าและมีส่วนช่วยทำให้ฉากตัวเอกหนีซอมบี้บวกอารมณ์ลุ้นขึ้นด้วย อย่างฉากวิ่งหนีซอมบี้โดยต้องสะพายกระเป๋าแมวไปด้วย ใครเลี้ยงแมวคงรู้ดีว่ามันลำบากแค่ไหน (จริงๆ พระเอกควรใช้เป้แมวมากกว่าจะไม่ลำบากแบบนี้ 555) แต่อีกด้านนึงก็ทำให้แมวในเรื่องดูมีคุณค่ากับเรื่องน้อยกว่า Day One ที่เป็นคีย์สำคัญถึงตอนจบ ซึ่งก็ทำให้ทาสแมวเองก็มีผิดหวังนิดๆ แต่เรื่องนี้หนังไม่ได้จบลงในภาคเดียว เพราะทิ้งค้างไว้ว่ามีต่อเลย ซึ่งก็คงทำตามนิยายที่ตอนนี้มี 3 เล่มจบครับ (เนื้อเรื่องไปต่อที่ต้นกำเนิดโรคนี้กับรัสเซีย)

สรุป หนังทาสแมวพาหนีซอมบี้ที่สนุกระทึกตื่นเต้น โดยวางเรื่องเป็นเหตุการณ์จุดเริ่มในช่วงโมงแรกให้ค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกหายนะในวงแคบๆ ใกล้บ้านเป็นช่วงที่ซอมบี้แทบไม่มี แต่ก็มีดราม่าความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่ไม่รู้จักกันมาก่อนในโลกปกติ ซึ่งแม้จะเนือยๆ เรียบๆ บ้าง แต่ก็ค่อนข้างสมจริงในแบบจุดเริ่มเหตุการณ์ดี ก่อนที่ชั่วโมงหลังคือการอัดฉากหนีซอมบี้กันแบบจุกๆ สำหรับแฟนหนังซอมบี้ก็อาจจะไม่รู้สึกแปลกใหม่เพราะซอมบี้ในเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าเรื่องอื่น แต่สำหรับทาสแมวการสะพายกระเป๋าแมวหนีซอมบี้มันช่วยลุ้นระทึกมากกว่าหนังซอมบี้ทั่วไปทันที และหนังก็ไม่ได้ใช้แมวเป็นตัวล่อหรือทำให้เกิดฉากพวกนี้ขึ้น ทำให้เรื่องดูสมจริง แต่ก็ทำให้บทบาทของแมวในเรื่องดูเป็นแค่ตัวเสริมเหตุการณ์มากกว่าจะเป็นคีย์หลักจริงๆ ของเรื่องครับ (แต่หนังไม่จบมีต่ออีก 2 ภาค)   

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ