รีวิว Aquaman 2 ภาคต่อที่เล่าเรื่องปิดฉากได้ดี แค่ไม่ตื่นตาเท่าภาคแรก แต่ก็คุ้มค่าแก่การดู!

Aquaman 2 (Aquaman and the Lost Kingdom) อควาแมน 2 ภาคจบตัวมันเองและก็เป็นการจบยุค DC ของแซ็ค ชไนเดอร์ ไปพร้อมกัน แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงขาลงของหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่อีก และยังมีนักแสดงชื่อฉายอย่าง แอมเบอร์ เฮิร์ด ร่วมแสดงอยู่ด้วย ทำให้ผู้ชมเลือกแอนตี้ไม่ไปดูเลยดีกว่า ทำให้นี่อาจจะเป็นหนังที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยปัจจัยภายนอกมากกว่าตัวคุณภาพของหนังเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

รีวิว Aquaman 2 (Aquaman and the Lost Kingdom)

คำถามสำคัญที่ทุกคนคงอยากรู้คือหนังทำได้สนุกอลังการเท่าภาคก่อนมั้ย ก็บอกเลยว่าความอลังการในแง่ของฉากการเดินทางไปยังพื้นที่โลกต่างๆ ทั้งใต้สมุทรและบนพื้นโลกยังมีอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน โดยภาคนี้คือการเปิดเผยถึงอานาจักรลึกลับที่ภาคก่อนมีใบ้ไว้ (อานาจักรที่ 7)  ซึ่งแน่นอนว่านี่คือตัวร้ายหลักของภาคนี้ที่ควบคุม Black manta ศัตรจากภาคก่อนไว้ โดย Black manta เป็นตัวเดินเรื่องหลักและอัพเกรดพลังความสามารถจากความรู้ที่ได้จากอานาจักรลึกลับนั้นมา โดยที่ทางอควาแมนต้องพาออร์มน้องชายออกมาจากคุกใต้ดินที่อยู่กลางทะเลทรายมาช่วยต่อสู้ด้วย ซึ่งก็เป็นพื้นที่ใหม่ที่หนังพาไปสำรวจให้เห็นสิ่งมีชีวิตจากใต้ทะเลที่ไปอาศัยอยู่บนบกที่ขาดน้ำได้ และยังมีเกาะภูเขาไฟลึกลับที่เป็นฐานที่มั่นของ Black manta เพิ่มมาอีกที่ ซึ่งฉากทั้งหมดในเรื่องนี้ก็อัดแน่นเต็มไปด้วยแอ็กชั่นสวยๆ อลังทุกครั้ง และยังทำได้ยิ่งใหญ่สนุกตื่นตาตื่นใจได้อยู่ แต่แค่ไม่ถึงกับว้าวเหมือนภาคแรกที่สดใหม่กว่า ซึ่งผู้เขียนดูไอแม็กซ์ หนังเรื่องนี้เป็นขนาดไอแม็กซ์ทุกฉากและก็มีความเป็น 3D ที่ดีในตัว แค่อย่าไปเทียบกับ Avatar เท่านั้น

ใน่แง่บทภาพยนตร์ด้วยความที่เป็นภาคต่อที่มีปัญหานักแสดงตั้งแต่แรก จากข่าวลือว่าบท แอมเบอร์ เฮิร์ด อาจจะถูกตัดออกไปให้สั้น ซึ่งอาจจะทำให้หนังมีปัญหา แต่เหมือน เจมส์ วาน จะไม่คิดแบบนั้นและยังใส่เธอมาตั้งแต่ฉากแรกๆ และก็ยังมีบทสำคัญเป็นระยะในเรื่องไปจนจบ ซึ่งผู้เขียนก็เห็นว่าดีแล้วเพราะถ้าตัดตัวละครนี้ไปเลยเรื่องจะดูไม่สมเหตุผล เพราะจุดสำคัญในเรื่องนี้คือความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งต้องได้  แอมเบอร์ เฮิร์ด มาแสดงเป็นภรรยาของอควาแมนและยังต้องเลี้ยงลูกด้วยกัน แถมยังมีเนื้อเรื่องสำคัญในตอนท้ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับลูกของทั้งคู่อีก ซึ่งถ้าไม่มีผู้ชมก็คงมีคำถามและทำให้เรื่องจบแบบพิการมีข้อบกพร่องตลอดไป

แต่ตัวบทเรื่องนี้จริงๆ คือให้ความสัมพันธ์อควาแมนกับออร์มที่เป็นน้อง กลายเป็นตัวละครที่เป็นคู่หูผจญภัยใหม่แล้วก็มาในแนวพี่น้องกัดกันเอง ซึ่งในบทอควาแมนคือให้อภัยใจดีกับน้องหมดอยู่แล้ว เพราะการบริหารเป็นคิงแอตแลนติสก็ขัดกับบุคคลิกรักสนุกของเขา ซึ่งหนังเผยให้เห็นว่าจริงๆ แล้วออร์มเป็นผู้นำที่ดีได้ แต่แค่เขาทำผิดพลาดร้ายแรงไป และการเดินทางครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการไถ่โทษชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้นมา ซึ่งบทของออร์มคือตัวละครที่แม้จะดูเข้มแข็ง แต่ก็ซื่อๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่ออควาแมนใช้มุกหลอกออร์มให้ทำสิ่งที่ชวนขำก๊ากมาก และมุกนี้ก็ยังเอามาใช้ยิงซ้ำในตอนจบซ้ำอีก รวมถึงการสอนออร์มให้ลดอคติกับโลกเบื้องบนและทดลองกินอาหารบนบกดูบ้าง ซึ่งหนังเล่นมุกตลกพี่น้องสองคนนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก มีกระทั่งสอนท่าวิ่งที่ถูกต้องให้ออร์มเพราะเขาไม่เคยวิ่งบนบก หนังใช้ประโยชน์จากความซื่อๆ ไม่ได้เรียนรู้โลกด้านบนมาทำเป็นมุกตลกธรรมชาติที่ชวนยิ้มได้ตลอดเวลา และในตอนจบก็ยังคลายปมความเป็นตัวร้ายของออร์มในภาคแรกให้หมดเกลี้ยงไปอีกครั้งได้ดีมากทีเดียว

แต่สิ่งที่หนังอ่อนลงไปก็คือเนื้อหาทำลายล้างโลกของตัวร้าย ซึ่งมันดูเล่นง่ายไปกับการเอาเรื่องโลกร้อนผนวกกับนิวเคลียร์มาเล่น โดยเป็นนิวเคลียร์ในแบบของแอตแลนติส ที่ดูก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเอาลักษณะรูปแบบผลลัพธ์ต่างๆ มาจากบนโลกแล้วแปะป้ายแอตแลนติสแค่นั้น หนังยังสร้างปัญหาโลกร้อนได้ไม่สมกับที่ทำให้รู้สึกว่านี่คือหายนะล้างโลกเพราะมีแค่ทีวีฉายภาพให้ดู แล้วยังวิธีการทำให้โลกร้อนของตัวร้ายจากนิวเคลียร์ก็สิ้นคิดมาก จนกลายเป็นตัว Black manta และบอสที่ควบคุมดูโง่แบบไม่สมเหตุผลเท่าไหร่ แม้จะปูเรื่องว่าบอสเป็นพวกบ้าอำนาจสิ้นคิดก็เถอะ แล้วตอนจบสุดท้ายบอสก็ตายง่ายเกินไปหน่อย ทำให้เสียเวลากับการที่ปูมาทั้งเรื่อง

หนังจบแบบเคลียร์บทสรุปทั้ง 2 ภาคได้ดี และก็น่าจะจบเลยเพราะเอนด์เครดิตก็ไม่ใช่การปูทางไปภาคต่อ ซึ่งผู้ชมที่เป็นแฟนอควาแมนก็ควรจะดูเพราะภาคแรกยังทิ้งปริศนาไว้หลายอย่างให้มาเคลียร์ในภาคจบนี้ครับ

สรุปเป็นหนังที่ยังคงสนุก บทลื่นไหล มีความตลกของคู่กัดสองพี่น้องที่สานสัมพันธ์กันไปตลอดเรื่อง โดยมีตัวร้าย Black manta เป็นเมนหลักของเรื่องแต่บทไม่ได้ทำให้เป็นตัวละครฉลาดเพราะถูกควบคุมอยู่ ส่วนบทของแอมเบอร์ เฮิร์ด ก็ยังสำคัญกับเรื่องไม่ได้โดนตัดไปมากอย่างที่ลือกัน ถือเป็นข้อดีที่ทำให้เรื่องค่อนข้างสมบูรณ์ไม่ได้ดูขาดแหว่งไป นอกจากนี้การเดินเรื่องยังเต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นที่อัดมาแน่นๆ ในดินแดนใหม่ที่เพิ่มมาไม่แพ้ภาคแรก แต่แค่ผู้ชมอาจจะไม่รู้สึกสดใหม่เท่านั้น แนะนำว่าเป็นไปได้ควรดูไอแม็กเพื่อสเกลฉากที่กว้างมากทั้งเรื่อง และเรื่องนี้ก็ยังทำออกมาเป็น 3D ที่ดีเลย แค่อย่าไปเทียบกับ Avatar เท่านั้นครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ HBO เรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิกที่นี่