รีวิว Argylle อาร์ไกล์ (Apple Tv+) โลกสายลับฉีกแนวสดใหม่และบันเทิงมากพร้อมแมวเหมียวน่ารัก!
Argylle
Summary
สรุปเป็นหนังจากผู้กำกับ แมทธิว วอห์น ที่คืนฟอร์มเก่าได้ดีและนำความสนุกมอบให้ผู้ชมได้อย่างเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมงกว่า จัดจ้านด้วยฉากแอ็กชั่นครีเอทแบบเท่ๆ เว่อร์มากมายตามสไตล์ผู้กำกับ โลกสายลับที่ฉีกแนวแปลกใหม่และมีความเป็นคนธรรมดามากกว่าสายลับหล่อสวยตามสูตรดั้งเดิม ผสมกับแนวรอมคอมตลกจิกกัดหนังสายลับด้วยกัน โดยมาพร้อมประเด็นการโกหกของสายลับที่ยิ่งเก่งต้องยิ่งโกหกได้เนียนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เรื่องนี้หักมุมจังๆ หลายครั้งหลายรอบ โดยที่ยังมีคำอธิบายได้สมเหตุผล นอกจากนี้หนังยังขายแมวกันเต็มๆ เรียกว่าบทน้องแมวทำให้ทั้งตลกขำกับเอกลักษณ์กวนๆ ที่ห้ามไม่ได้ของมันเป็นสีสันของเรื่องที่คนรักแมวยังไงก็ต้องโดนใจแน่นอนครับ
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- หนังของผู้กำกับ แมทธิว วอห์น
- โลกสายลับที่แปลกและสดใหม่
- เต็มไปด้วยฉากหักมุม
- ฉากแอ็กชั่นเยอะและครีเอทมาก
- รวมนักแสดงดังไว้คับคั่ง
- แมวบทเยอะน่ารัก
Cons
- รวมนักแสดงดังแต่บทน้อย
- บทมีจุดเว่อร์ๆ เยอะ
- CG ยังไม่ดีมาก
Argylle อาร์ไกล์ ยอดสายลับ หนังสายลับฟอร์มยักษ์ของ Apple Studios จากผู้กำกับแมทธิว วอห์น เรื่องราวฉีกแนวแปลกใหม่ของหนังสายลับที่ไม่เหมือนใครและไม่เคยมีมาก่อนของนักเขียนสาวที่เขียนนิยายดังแล้วดันเป็นเรื่องจริงในโลก ทำให้เธอต้องถูกตามล่าจากเหล่าสายลับและองค์กรร้ายจริงๆ
เรื่องย่อ Argylle อาร์ไกล์ ยอดสายลับ
เอลลี่ คอนเวย์ นักเขียนรักสันโดษเจ้าของผลงานซีรีส์นิยายสายลับขายดี ผู้ซึ่งความสุขของเธอคือค่ำคืนที่เธอได้อยู่บ้านกับคอมพิวเตอร์และอัลฟี่ แมวของเธอ แต่เมื่อเรื่องราวในหนังสือนิยายของเอลลี่ ซึ่งเล่าเรื่องของสายลับนาม อาร์ไกล์และภารกิจของเขาในการโค่นล้มเครือข่ายสายลับระดับโลก เริ่มไปตรงกับการเคลื่อนไหวลับๆ ขององค์กรสายลับจริงๆ เข้า เธอจึงต้องแบกอัลฟี่ในเป้แมว ร่วมด้วยเอเดน (แซม ร็อคเวลล์) สายลับผู้แพ้แมว เร่งรุดเดินทางข้ามโลกเพื่อหลบหนีการตามล่า ในขณะที่เส้นแบ่งระหว่างโลกในนิยายของเอลลี่และโลกจริงๆ ของเธอเริ่มเลือนรางไป
รีวิว Argylle อาร์ไกล์ ยอดสายลับ (ไม่สปอยล์)
หนังสายลับจากผู้กำกับแมทธิว วอห์น ซึ่งผู้ชมก็คงรู้จักกันจาก Kick-ass กับ Kingsman ด้วยสไตล์การกำกับที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นแหวกแนว บทหักมุมที่มีสีสัน โลกในเรื่องนั้นก็มักมีความพิเศษแตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้คือยิ่งกว่าหนังสายลับอย่าง Kingman ซะอีก ด้วยเนื้อเรื่องของนักเขียนสาวพรสวรรค์ เอลลี่ (รับบทโดย ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด นางเอกจากแฟรนไชส์ Jurassic World) เธอเป็นเหมือนเทพธิดาพยากรณ์ในโลกสายลับแห่งนี้ที่เขียนอะไรแล้วก็กลายเป็นเรื่องจริงเสมอ ซึ่งนี่คือความแฟนตาซีเหนือธรรมชาตินิดๆ ของเรื่องนี้ที่เปิดฉากออกมาได้น่าสนใจในแนวสายลับที่ยังไม่เคยมีมาก่อน แล้วเรื่องก็เต็มไปด้วยคำถามจู่โจมเข้ามายังคนดูทันทีว่ามันเป็นไปได้อย่างไร?
หนังเล่นกับประเด็นของคำพยากรณ์ผ่านงานเขียนของเธอด้วยการเจอกับ “เอเดน” สายลับตัวจริงที่มาช่วยเธอไว้จากวิกฤตที่องค์กรร้ายในเรื่องที่เธอเขียนตามล่า โดยที่เธอเห็นภาพจินตนาการตัวละครในนิยายอาร์ไกล์ซ้อนทับกับเอเดนในโลกจริงเสมอ หรือแม้แต่เห็นอาร์ไกล์ในตัวเธอเอง เหมือนอาการของนักแต่งนิยายที่แยกความจริงกับจินตนาการไม่ออก ซึ่งผู้ชมเองก็ต้องสงสัยเช่นกันว่าสิ่งที่ดูอยู่คือความจริงหรือไม่ โดยมีคำถามใหม่โผล่เข้ามาเรื่อยๆ ในระหว่างที่เธอผจญภัยหนีการตามล่านี้ ก่อนที่คำตอบจะค่อยๆ ตามมาภายหลังและเคลียร์คำถามเหล่านี้ได้อย่างดีลงตัว โดยมีจุดหักมุมของเรื่องแบบจังๆ หลายครั้งที่เรียกว่าทำเอาคนดูช็อคแบบคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน
หนังยังขายแนวรอมคอมของตัวละครที่เต็มไปด้วยสีสันตลกและจริงจังไปด้วยกัน เมื่อนางเอกเริ่มรู้สึกผูกพันกับเอเดน แต่เอเดนนั้นคือสายลับจริงๆ ที่หน้าตางั้นๆ นิสัยก็กวนๆ ไม่ได้เป็นพระเอกหล่อเท่แบบในหนังสายลับหรืออาไกล์ในนิยายที่เล่นโดย เฮนรี่ คาวิลล์ แม้แต่น้อย ซึ่งนี่คือสิ่งเดียวที่เธอเขียนได้ไม่ตรงจริง แต่ก็มีคำตอบในเรื่องบอกไว้ด้วยว่าทำไม หนังเล่นสถานการณ์ฮีโร่ที่ช่วยชีวิตเธอไว้แบบกวนๆ อย่างสอนเธอเหยียบหัวคนร้ายให้เละงี้ พาไปโดดตึกด้วยกันโดยโยนแมวของเธอลงไปก่อน ซึ่งเธอก็ว้าวุ่นว่าจะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อใจชายคนนี้ดีในแต่ละครั้ง เป็นฉากตลกแบบชวนลุ้นมากเพราะเรื่องมันเต็มไปด้วยจุดหักมุมตามคำโปรยที่ว่า สายลับยิ่งเก่งฉกาจแค่ไหน คำโกหกก็ยิ่งใหญ่โตตามไปด้วยเท่านั้น เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยคำโกหกซ้อนๆ กันในสถานการณ์ที่บีบคั้นให้ตัดสินใจกันสั้นๆ ทันที ซึ่งแม้แต่ตัวร้ายของเรื่องก็อาจจะไม่ใช่เป็นอย่างที่คิดก็ได้เช่นกัน!
ด้วยความที่หนังขายแมวอย่างชัดเจน โดยผู้กำกับบอกว่าได้ไอเดียจากลูกสาวเอาวิดีโอเทย์เลอร์ สวิฟต์ แบกเป้แมวให้เขาดู เขาเลยปิ๊งไอเดียขายแมวใส่เพิ่มลงไปเป็นตัวขโมยซีนและเพิ่มความกดดันของเรื่อง ซึ่งแมวนี่ก็เป็นของลูกสาวผู้กำกับเองด้วย ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นทาสแมวบอกเลยว่าโดนทุกมุก หนังจับจุดคนรักแมวและเอาแมวเรียกเสียงฮาพร้อมทั้งขยี้ทาสแมวให้สะเทือนใจได้จังๆ (แมวไม่ตายนะ แต่มีฉากเศร้าสะเทือนใจอยู่พักใหญ่) ซึ่งใครชอบแมวนี่คือสีสันสำคัญของเรื่องแน่นอนครับ
แต่ด้วยความที่ตัวเรื่องใส่ดาราดังมาเยอะจนล้น จึงทำให้นักแสดงดังอย่าง John Cena, Samuel L. Jackson, Ariana DeBose และ Sofia Boutella ทั้งหมดนี้บทน้อยมาก (น้อยกว่าแมวเยอะ) ไม่ได้เป็นตัวหลักในการผจญภัยของเรื่องด้วย แม้บทจะมีความสามารถเด่น แต่ว่าบทกลับแทบไม่ได้ใช้พวกเขามากพอให้เหมือนหนังสายลับจริงๆ กลายเป็นตัวเอกอย่างเอเดนกับอาร์ไกล์ทำเองได้แทบทุกงาน แต่ว่าเรื่องนี้ผู้กำกับบอกไว้แล้วว่าเป็นการเริ่มจักรวาลใหม่ ซึ่งในภาคต่อไปก็น่าจะมีบทพวกนี้เพิ่มขึ้นครับ
ด้วยความที่เรื่องนี้สร้างโดย Apple Studios สตรีมมิ่งที่หันมาเป็นผู้สร้างหนังลงโรงฉายจริงจังตั้งแต่ Killers of the Flower Moon กับ Napoleon ซึ่งทุนสร้างสูงระดับ 200 ทั้งคู่ Argylle ก็ได้งบมาเท่ากันคือ 200 ล้านซึ่งถือว่ามหาศาลมาก โดยเฉพาะกับงานของผู้กำกับ แมทธิว วอห์น ที่ผ่านมาในงบจำกัดแต่ทำได้เกินตัวเสมอ (คิงแมนทุน 90-100 ล้านเหรียญ) ฉากแอ็กชั่นต่างๆ ในเรื่องจึงจัดเต็มมากตั้งแต่แรกกับฉากขับรถตัดลงเขาผ่านเมืองเพื่อมาดักหน้าคนร้ายที่ลงไปก่อนให้ทัน ซึ่งมันระห่ำสะใจมากแม้จะดูออกว่าใช้ CG และฉากแอ็กชั่นในเรื่องนี้ก็ยังเป็นสไตล์เดียวกันคือมีความครีเอท เท่ สวย ตลก มันส์ไปกับคิวบู๊แปลกๆ ที่เรื่องนี้ขยันใส่เข้ามา อย่างฉากเต้นรำยิงถล่มศัตรูท่ามกลางระเบิดควันหลากสี ซึ่งแทบจะเหมือนฉากเต้นในหนังอินเดียโม้ๆ แล้วแต่แค่เป็นฮอลลีวู๊ดทำเท่านั้นเองครับ
สรุปเป็นหนังจากผู้กำกับ แมทธิว วอห์น ที่คืนฟอร์มได้ดีและนำความสนุกมอบให้ผู้ชมได้อย่างเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมงกว่า จัดจ้านด้วยฉากแอ็กชั่นครีเอทแบบเท่ๆ เว่อร์มากมายตามสไตล์ผู้กำกับ โลกสายลับที่ฉีกแนวแปลกใหม่และมีความเป็นคนธรรมดามากกว่าสายลับหล่อสวยตามสูตรดั้งเดิม ผสมกับแนวรอมคอมตลกจิกกัดหนังสายลับด้วยกัน โดยมาพร้อมประเด็นการโกหกของสายลับที่ยิ่งเก่งต้องยิ่งโกหกได้เนียนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เรื่องนี้หักมุมจังๆ หลายครั้งหลายรอบ โดยที่ยังมีคำอธิบายได้สมเหตุผล นอกจากนี้หนังยังขายแมวกันเต็มๆ เรียกว่าบทน้องแมวทำให้ทั้งตลกขำกับเอกลักษณ์กวนๆ ที่ห้ามไม่ได้ของมันเป็นสีสันของเรื่องที่คนรักแมวยังไงก็ต้องโดนใจแน่นอนครับ
ปล.มีฉากเอนด์เครดิตที่เชื่อมเบาๆ กับหนังก่อนนี้ของผู้กำกับและยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าคืออะไร