playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Arthur the King (Prime) 435 ไมล์แห่งความศรัทธา เมื่อสุนัขจรจัดเปลี่ยนชีวิตทีมนักกีฬาผจญภัยโหดสุดของโลก

Arthur the King

Summary

นี่เป็นหนังสร้างจากเรื่องจริงที่มีทั้งความตื่นเต้นของกีฬาผจญภัยสุดโหดระดับโลกและความอบอุ่นของมิตรภาพคนกับสุนัขจรจัดที่เข้ามาร่วมทีมแข่งฝ่าฟัน 700 กิโลเมตรไปด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะมีข้อบกพร่องในการแสดงนำของมาร์ค วอลเบิร์กกับน้องหมาอยู่บ้าง แต่ก็ได้ ซีมู หลิว มาเติมเต็มขโมยซีนไปได้หลายฉากกับบทนักกีฬาบ้าโซเชียล  และตัวหนังเองก็ยังสามารถส่งต่อแก่นเรื่องที่น่าประทับใจนี้ออกมาได้ดี จนแม้ไม่ใช่คนรักน้องหมาก็คงอดจะอินกับเรื่องราวที่น่าทึ่งขนาดนี้ไม่ได้ครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • สร้างจากเรื่องจริงอันน่าทึ่งนำเสนอความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์และสัตว์ได้อย่างประทับใจ
  • ฉากการแข่งขันกีฬาผจญภัยตื่นเต้น สมจริง
  • การแสดงของซีมู หลิว ในบทนักกีฬาบ้าโซเชียลที่มีมิติทั้งน่าหมั่นไส้และน่าเอาใจช่วย
  • สะท้อนคุณค่าของมิตรภาพ ความเสียสละ และความมุ่งมั่นผ่านเรื่องราวการแข่งขัน
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • การแสดงของมาร์ค วอลเบิร์ก ที่ดูแข็งและขาดความรู้สึกลึกซึ้งต่อตัวอาร์เธอร์
  • ตัวละครสมทบบางตัว เช่น นักปีนเขาหญิง มีบทบาทน้อยเกินไป

ADBRO

Arthur the Kingภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงอันน่าทึ่งของทีมนักกีฬาผจญภัยที่ได้พบกับสุนัขพิเศษนามว่า Arthur ระหว่างการแข่งขันที่ทรหดที่สุดรายการหนึ่งของโลกในเอกวาดอร์
Arthur the King (2024) on IMDb

รีวิว Arthur the King

หนังเรื่องนี้ไม่ได้เข้าฉายในไทยแต่มาให้ชมกันแล้วทาง Prime Video นำเสนอความพิเศษระหว่างไมเคิล ไลท์ (มาร์ค วอลเบิร์ก) นักกีฬาผจญภัยมืออาชีพ และอาร์เธอร์ สุนัขจรจัดที่มีความมุ่งมั่นไม่ธรรมดา ซึ่งการผจญภัยนี้มันเหลือเชื่อมาก แต่ก็คือเรื่องจริงที่มีการบันทึกไว้ระหว่างการแข่งและเป็นไวรัลในอินเตอร์เน็ตต่อยอดจนได้มาสร้างเป็นหนังที่ได้ดูกัน (ดูเรื่องราวจริงที่นี่ https://www.historyvshollywood.com/reelfaces/arthur-the-king/ )

การแข่งในเรื่องนี้คือ Racing World Championship ปี 2018 ไม่ใช่การแข่งขันไตรกีฬา แต่รวมทุกกิจกรรมกีฬาผจญภัยเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งพายเรือ วิ่ง ปั่นจักรยาน ปีนเขา และสารพัดกิจกรรมที่นักกีฬาต้องฝ่าฟันตลอดระยะทาง 435 ไมล์ (700 กิโลเมตร) ภายในเวลาเพียง 10 วัน จุดเริ่มต้นที่ไมเคิลได้พบกับสุนัขจรจัดตัวนี้และเพียงแค่แบ่งอาหารให้มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ลึกซึ้ง เมื่อสุนัขตัวนี้ติดตามเขาไปตลอดการแข่งขันอย่างน่าอัศจรรย์ ไมเคิลได้ตั้งชื่อมันว่า “อาร์เธอร์” ด้วยเห็นว่าสุนัขตัวนี้มีความทรหดและฉลาดเหมือนกษัตริย์อาร์เธอร์ในตำนาน

แม้จะเป็นหนังที่มีสุนัขเป็นตัวละครสำคัญ แต่เนื้อหาการแข่งขันกลับเข้มข้นดุเดือดไม่แพ้หนังกีฬาชั้นดี การแข่งขันนี้ไม่ได้ทดสอบแค่ความอดทน แต่ยังต้องใช้ไหวพริบในการเลือกเส้นทางที่ได้เปรียบ ซึ่งทีมของไมเคิลก็เลือกที่จะใช้เส้นทางลัดเป็นหลักเนื่องจากมีสมาชิกที่มีอายุมากและมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ แต่ทุกคนมาร่วมแข่งเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง

หนังสร้างความตื่นเต้นผ่านฉากที่ทีมต้องฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข้ามหุบเขาโดยใช้สลิงที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขากล้าทำ การปีนหน้าผาชันพร้อมแบกจักรยานไปด้วย และตลอดเส้นทางนี้ อาร์เธอร์ไม่เพียงแค่ตามติดทีมไปทุกที่ ยังกลายเป็นทั้งกำลังใจและผู้ช่วยเตือนภัยที่มนุษย์มองไม่เห็น แม้ตัวมันเองจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถติดตามทีมไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้แต่ในช่วงพายเรือในทะเล อาร์เธอร์ยังหาทางตามไปได้ในฉากไคลแมกซ์ที่สร้างความประทับใจสุดๆ

หนังไม่ได้จบลงแค่การแข่งขัน แต่ 15 นาทีสุดท้ายของเรื่องกลับสร้างความลุ้นระทึกและความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่า เมื่ออาร์เธอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสัตวแพทย์ในเอกวาดอร์ไม่สามารถรักษาได้ ต้องพามันกลับไปรักษาที่อเมริกา เรื่องราวการต่อสู้เพื่อชีวิตของอาร์เธอร์กลายเป็นความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างคนและสุนัข ถึงแม้จะมีอุปสรรคที่ดูเล็กน้อย แต่ในช่วงเวลาวิกฤตที่ทุกวินาทีคือความเป็นความตายของอาร์เธอร์ ก็ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกยิ่งกว่าช่วงการแข่งขันเสียอีก

จุดด้อยของเรื่องที่น่าแปลกใจคือการแสดงของมาร์ค วอลเบิร์ก ที่ดูเหมือนจะแข็งและไม่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่ออาร์เธอร์เท่าที่ควร จนดูเหมือนว่าสุนัขอย่างอาร์เธอร์กลับแสดงได้เข้าถึงอารมณ์มากกว่า อาจเป็นไปได้ว่าการที่ไมเคิลในชีวิตจริงไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อนส่งผลต่อการถ่ายทอดบุคลิกนี้ แต่ก็ไม่ถือว่าแย่จนเกินไป เพียงแต่ด้วยความสามารถของมาร์คน่าจะทำได้ดีกว่านี้

ส่วนนักแสดงสมทบอื่นๆ ทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะซีมู หลิว ที่มาในบทนักกีฬาที่หมกมุ่นกับโซเชียลมีเดีย คอยหาโอกาสสร้างคอนเทนต์เรียกยอดไลค์ตลอดเวลา ซึ่งหนังให้บทที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งหมั่นไส้และเอาใจช่วยไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีนักปีนเขาหญิงที่แม้จะมีบทน้อย แต่ก็เป็นตัวประสานให้ทีมเข้มแข็ง และนักวิ่งอาวุโสที่แม้จะเป็นจุดอ่อนของทีมในด้านความอดทน แต่ก็มีประสบการณ์ที่ช่วยให้ทีมหาทางลัดได้ตลอด จุดที่น่าเสียดายคือตอนจบที่ไม่ได้มีบทสรุปให้เห็นชีวิตของเหล่าสมาชิกในทีมหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านไป

 

สรุป นี่เป็นหนังสร้างจากเรื่องจริงที่มีทั้งความตื่นเต้นของกีฬาผจญภัยสุดโหดระดับโลกและความอบอุ่นของมิตรภาพคนกับสุนัขจรจัดที่เข้ามาร่วมทีมแข่งฝ่าฟัน 700 กิโลเมตรไปด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะมีข้อบกพร่องในการแสดงนำของมาร์ค วอลเบิร์กกับน้องหมาอยู่บ้าง แต่ก็ได้ ซีมู หลิว มาเติมเต็มขโมยซีนไปได้หลายฉากกับบทนักกีฬาบ้าโซเชียล  และตัวหนังเองก็ยังสามารถส่งต่อแก่นเรื่องที่น่าประทับใจนี้ออกมาได้ดี จนแม้ไม่ใช่คนรักน้องหมาก็คงอดจะอินกับเรื่องราวที่น่าทึ่งขนาดนี้ไม่ได้ครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ