รีวิวซีรีส์ Atypical SS1-4 เรื่องราวครอบครัวเด็กออทิสติกที่ผิดแปลกแตกต่าง แต่สุดแสนน่ารักประทับใจ
Atypical เอทิปปิคอล
สรุป
ซีรีส์แนวครอบครัวดราม่าคอมเมดี้ของ Netflix แท้ๆ ที่อาจจะไม่ค่อยมีกระแสให้คนไทยรู้จักนัก แต่การันตีเลยว่าถ้าได้ดูแล้วหลงรักได้ง่ายๆ
Overall
8.5/10User Review
( vote)Pros
- ทุกตัวละครมีบทเด่น เล่นได้สมบทบาทเป็นธรรมชาติมาก
- หนังสอดแทรกชีวิตสัตว์โลกน่ารักไปพร้อมกับประเด็นต่างๆ ในเรื่อง
- ถ่ายทอดประสบการณ์ปัญหาเด็กออทิสติกกับครอบครัวได้รอบด้านดีมาก
- หนังตลกอบอุ่นไปด้วยมิตรภาพความรัก
- หนังดูได้ทุกเพศทุกวัย
Cons
- หนังติดเรต 18+ แต่ไม่ได้มีโป๊เปลือยหรือรุนแรง แต่เพราะมีตัวละครเด็กที่ดื่มเหล้ากับสูบกัญชาบางฉาก
Atypical เอทิปปิคอล ซีรีส์แนวครอบครัวดราม่าคอมเมดี้ของ Netflix แท้ๆ ที่อาจจะไม่ค่อยมีกระแสให้คนไทยรู้จักนัก แต่เมืองนอกนี่มีแฟนติดตามหลงรักเรื่องนี้มากมาย ตัวเรื่องแบ่งเป็นตอนสั้นๆ ซีซั่นละ 8-10 ตอน แต่ละตอนยาวรวมเครดิตประมาณ 30 นาที ซึ่งไม่เสียเวลานักในการดู คลิกรับชมผ่าน Netflix ได้ที่นี่ทั้ง 4 ซีซั่น
ตัวอย่าง Atypical
“เอทิปปิคอล” แปลได้ว่า ผิดแบบ,ผิดพวก, ผิดปกติ ซึ่งตัวหนังเองก็แตกต่างจากซีรีส์ชีวิตครอบครัวทั่วไป ด้วยการนำเสนอเรื่องราวครอบครัวที่มี “เด็กออทิสติก” ที่พ่อแม่พยายามให้ลูกใช้ชีวิตร่วมกับสังคมปกติให้ได้มากที่สุด แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดในสังคมก็ตามที หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวหลายแง่มุมที่ละเอียดอ่อนของครอบครัวที่มีเด็กออทิสติก ที่ทั้งอบอุ่น น่ารัก ตลกขบขันกับความเป็นธรรมชาติใสๆ หรือแม้แต่เรื่องราวด้านลบก็เก็บนำมารวมไว้ด้วยกันไม่ตกหล่น ซึ่งเป็นอีกด้านของความจริงที่สังคมต้องรับรู้ หนังนำพาประสบการณ์ชีวิตครอบครัวเด็กพิเศษมาบอกเล่าให้เราที่ว่า “เป็นคนปกติ” ได้เห็นกัน ซึ่งเมื่อได้รับชมแล้วคุณอาจจะต้องทบทวนมุมมองคำว่า “คนปกติ” ใหม่เลยก็ได้
ว่ากันตามจริงแล้วคนที่เป็นออทิสติกอยู่ในโลกของความจริง ไม่โกง ไม่โกหก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มากกว่าโลกของคนปกติที่มีสิ่งเหล่านี้ซุกซ่อนอยู่มากมาย
หนังเริ่มจากครอบครัวการ์ดเนอร์ ที่มี “ดั๊ก” พ่อที่ไม่ค่อยสนิทกับ “แซม” ลูกชายออทิสติก (อายุ 17) แต่กลับไปสนิทกับลูกสาว “เคซี่” (อายุ 15) เพราะความที่ลูกชายสนิทกับ “เอลซ่า” ผู้เป็นแม่ที่เลี้ยงดูแซมมาแบบไข่ในหิน พร้อมเป็นโลกทั้งใบให้แซมได้พึ่งพิงมาตลอด ซึ่งแซมมีที่ปรึกษาภายนอกเป็นนักจิตวิทยาบำบัด “จูเลีย ซาซากิ” ที่แนะนำให้เขาออกไปทำอะไรใหม่ๆ มากกว่าที่ครอบครัวแซมจะเคยคิดว่าเขาทำสิ่งเหล่านี้ได้เช่นคนปกติเหมือนกัน
ซึ่งหนึ่งในนั้นและเป็นประเด็นหลักของซีซั่นแรกคือ การที่แซมเริ่มสนใจเพศตรงข้าม อยากมีแฟน อยากมีความรัก ไปจนถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นอะไรที่จู่โจมเข้ามาในชีวิตของครอบครัวการ์ดเนอร์ พ่อคิดว่าให้ลูกเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่แม่กลับคิดว่าเป็นการเพิ่มภาระให้เธอ และนั่นจะทำให้แซมมีบาดแผลทางจิตใจในชีวิต เพราะเด็กออทิสติกไม่สามารถเข้าใจอารมณ์จากสีหน้าท่าทางได้เหมือนคนปกติ ต้องอาศัยการพูดบอกอธิบายออกมา แต่ความรักเป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่าคำพูด ทำให้เอลซ่าไม่เห็นกับการที่จะให้ลูกชายของเธอทำตามคำแนะนำเปิดกว้างของจูเลีย แต่นั่นก็ไม่อาจจะขัดขวางแซมได้ เพราะเมื่อเด็กออทิสติกสนใจอะไรก็จะหมกมุ่นกับการคิดถึงสิ่งนั้นอย่างจริงจัง นี่คือเรื่องราวในซีซั่นแรกที่จะพาผู้ชมให้ไปพบกับประสบการณ์ความรักที่ล้ำค่าของแซม และไม่ใช่แค่แซมเท่านั้นที่มีบทเด่น แต่ทุกคนในครอบครัวการ์ดเนอร์ก็มีเรื่องราวเกี่ยวพันกับความรักไปพร้อมๆ กัน
เคซี่น้องสาวของแซมที่ถูกสอนมาว่าต้องช่วยพี่ชายเสมอ กลายเป็นเธอรับบทน้องสาวที่ต้องโตมากับภาระช่วยเหลือแซมตลอดเวลา แต่เธอก็ยินดีกับการปกป้องช่วยเหลือแซมด้วยความเต็มใจ กลายเป็นเรื่องราวความรัก ที่น่ารักแบบสุดๆ ซึ่งการแสดงของทั้งแซมและเคซี่เป็นยิ่งกว่าการแสดง ทั้งคู่เคมีเข้าขากันมีเสน่ห์ในแบบธรรมชาติ เหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ จนแทบจะไม่ต้องพึ่งบทพูดอะไรเลย การแสดงหยอกเล่นกันของทั้งคู่ก็น่ารักดีต่อใจคนดูมาก ทำให้อมยิ้มทุกครั้งที่เห็นพี่น้องคู่นี้เหมือนโกรธกัน แต่ที่จริงกำลังให้ความสนใจกันและกันต่างหาก นอกจากนี้เคซี่เองก็ต้องผ่านเรื่องราวความรักในวัยรุ่นเช่นกัน โดยเธอต้องเลือกความรักกับความฝันของตัวเอง ที่อาจจะไปกันไม่ได้กับการอยู่ช่วยเหลือดูแลแซมอย่างที่ผ่านมา
ในมุมของพ่อแม่ ดั๊กกับเอลซ่าก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน หนังเล่าลงลึกถึงชีวิตคู่ที่ต้องมีภาระเลี้ยงดูลูกออทิสติก ซึ่งต้องใช้เวลากับความใส่ใจมากกว่าเด็กปกติหลายเท่า ซึ่งดั๊กเองก็มีอดีตกับการไม่ยอมรับว่าลูกเป็นออทิสติก กับคำถามว่าทำไม อะไรที่ผิดเขา หรือหมอที่วินิจฉัยผิด และทำให้ปมนี้ติดตัวมาตลอด จนทำให้เขาไม่สนิทกับแซม แล้วการไถ่ถอนความรู้สึกผิดในอดีตจะทำได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ดั๊กต้องค้นหาเพื่อแก้ปมนี้ให้ได้ และไม่ใช่แค่กับแซม แต่เขาเลือกโยนภาระการดูแลลูกให้เอลซ่า แม่ที่รักดูแลแซมแทบทุกนาที ชีวิตมีแต่ลูกคนนี้ ทำให้เธอสูญเสียเวลาของตัวเธอเองไปจนหมดสิ้นตลอด 17 ปี และเมื่อมองไปข้างหน้าก็อาจจะตลอดชีวิตด้วย ถ้าสักวันหนึ่งเธอไม่ต้องรับภาระนี้ และได้กลับมาอิสระในชีวิตในแบบที่เลือกเองได้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่หนังพาคนดูไปไกลกว่าที่คิดมาก…
เอลซ่านอกใจดั๊กไปมีสัมพันธ์กับบาเทนเดอร์หนุ่มชีวิตอิสระ ซึ่งเขาพาเธอหลุดออกมาจากการเป็นแม่คนที่แสนลำบาก กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง แม้เธอจะไม่ลืมหรือทิ้งแซม แต่ก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเธอสูญเสียชีวิตส่วนตัวไป เธอมีหลายอย่างที่อยากทำอยากเป็น ถ้าไม่ได้เลือกมาทางนี้กับดั๊ก หนังแม้จะเล่นประเด็นชู้สาวหนักหน่วง แต่ก็ไม่ได้มีฉากโป๊เปลือยอะไร แถมยังมีมุกตลกเสียดสีดราม่าส่วนนี้ไปในตัวด้วย
ซีรีส์เรื่องนี้มีเรื่องราวที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นหาได้ยาก ได้นักแสดงที่เล่นเป็น แซม (เคียร์ กิลคริสต์) แม้ไม่ได้เป็นออทิสติกจริงๆ แต่ก็ถ่ายทอดออกมาได้เหมือนจริงมาก (แม้อาจจะมีเล่นเกินเบอร์ไปบ้างเพราะนี่เป็นหนังตลก) นอกจากนี้หนังยังมีจุดเด่นที่พาให้เรื่องราวสนุกสนานผ่อนคลาย ด้วยการสอดแทรกเรื่องราวชีววิทยาจากมุมมองของแซม ที่ตัวเขาชอบเพนกวินจักรพรรดิ (Emperor Penguin) เอามากๆ และเอาวงจรชีวิตเพนกวินมาเล่าเรื่องราวเปรียบเทียบสะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องตลอดทุกตอน และไม่ใช่แค่เพนกวินเท่านั้นยังรวมถึงสัตว์โลกประเภทอื่นๆ ด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ได้ความรู้สารคดีสัตว์โลกไปในตัว แบบที่ว่าดูจบรู้เรื่องสัตว์แปลกๆ ขึ้นเยอะเลยละกัน:)
อีกสิ่งที่มาประกอบเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว คือดนตรีประกอบที่นุ่มหูจังหวะสบายๆ ในจังหวะที่แซมเล่าเรื่องชีวิตช่วงนั้นเปรียบเทียบกับสัตว์โลกที่ช่วยบิ้วอารมณ์ของเรื่องให้ออกมาเบาลง แม้เรื่องในช่วงนั้นอาจจะมีดราม่าหนักหนาก็ตามที
Atypical อาจจะไม่ใช่ซีรีส์ที่เปอร์เฟ็กต์เต็ม 10 เต็ม 100 ในซีซั่นแรกมีช่วงปูเรื่องอืดอยู่บ้างก่อนจะบิ้วเข้าส่วนดราม่าประเด็นต่างๆ ในตอนท้ายหนังทำให้เห็นชัดว่ากล้าเล่นสะท้อนความจริงที่หนักหน่วงกว่าหน้าหนังที่เห็นมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่คนชอบหนังดราม่าชีวิตครอบครัวจริงจังก็อาจจะไม่สนุกไปกับเรื่องราวแบบนี้นัก แต่สำหรับคนที่หาหนังดราม่าคอมเมดี้เกี่ยวกับครอบครัวดีๆ ดู เรื่องนี้เรียกว่าไต่ขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ในใจของคนดูได้แน่นอน หนังได้คะแนนดีในทุกช่วงอายุของผู้ชม แบบที่ไม่ว่าใครดูก็หลงรักเรื่องนี้ได้ง่าย (ดูคะแนนโหวตจากผู้ชม 4 หมื่นกว่าคนของเว็บ IMDB อ่านรีวิวประกอบคลิกที่นี่)
รีวิวสรุป Season 2
เรื่องราวในซีซั่น 2 พาชีวิตครอบครัวการ์ดเนอร์ไปสู่จุดที่ไกลกว่าตอนแรก เรื่องราวประเด็นหลักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แตกร้าวของแต่ละคน และกลายเป็นหลุมใหญ่ในชีวิตที่ต้องหาทางแก้ไขหรือไม่ก็ก้าวข้ามไปให้ได้ พร้อมทั้งช่วงเวลาการเติบโตของแซมที่กำลังจบมัธยมแล้วก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัย ซึ่งเขาต้องทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมดเป็นครั้งแรก หนังพาเราไปพบกับเรื่องราวที่ดราม่าหนักมากขึ้น แต่ก็ยังมีมุมน่ารักแบบเดิมไม่เปลี่ยน แถมทำได้ดีกว่าในซีซั่นแรกมากด้วย
นอกจากนี้หนังยังทิ้งปมเล่นประเด็นใหม่นอกจากเด็กออทิสติก แต่ยังตรงกับคอนเซ็ปต์ชื่อเรื่อง Atypical ที่แปลว่า ผิดแปลก ผิดปกติ เพิ่มเข้ามาอีกด้วย ซึ่งก็จะกลายเป็นซีรีส์ที่หยิบจับเรื่องราวปัญหาที่หลายๆ ครอบครัวน่าจะประสบกันอยู่ มาตีแผ่ให้พ่อแม่หรือแม้แต่ตัววัยรุ่นเองได้มีโอกาสดูแล้วคิดสำรวจตัวตนในด้านนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นมากับใครก็ได้เช่นกัน
เรื่องราวช่วงท้ายซีซั่น 2 จะเป็นเรื่องราวการเปลี่ยนไปเป็น LGTB ของเคซี่ ซึ่งแม้แต่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าหรือยอมรับว่าตัวเองเริ่มชอบผู้หญิงด้วยกันมากกว่าผู้ชาย ซึ่งหนังไม่ได้ทำออกมาแบบหักมุม แต่เดินเรื่องให้เห็นความสัมพันธ์จากเพศเดียวกันที่ก่อให้เกิดแนวโน้มที่ทำให้เป็น LGTB ได้ในที่สุด