รีวิว Badland Hunters ภาคต่อ Concrete Utopia ที่เน้นแอ็กชั่นจนเนื้อเรื่องโหลสุดๆ
Badland Hunters
Summary
สรุปเป็นหนังแอ็กชั่นโลกหายนะผสมซอมบี้เกาหลีอัพเกรดตัวเองขึ้นมานิดนึง มีดีที่ฉากแอ็กชั่นเน้นฆ่าโหดๆ กับเสียงพากย์ตลกนอกบท ที่พอดูเพลินๆ ได้ แต่เนื้อเรื่องที่เหลือคือธรรมดาจนดูโหลมากในโลกดิสโทเปียแห่งนี้ ซึ่งผิดกับภาคแรก Concrete Utopia ที่ทำเนื้อเรื่องการแบ่งชนชั้นได้ดีจนเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์ ส่วนเรื่องนี้เหมาะกับการเข้าชิงรางวัลราซเบอร์รี่ยอดแย่มากกว่าครับ
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- หนังซอมบี้เกาหลีอัพเกรดในโลกดิสโทเปีย
- ภาคต่อของ Concrete Utopia
- ฉากแอ็กชั่นฆ่าโหดๆ
- งาน CG ได้มาตรฐาน
- มีพากย์ไทย
Cons
- เนื้อเรื่องธรรมดาจนโหลมากๆ
- หลายตัวละครเล่นโอเวอร์แอ็กติ้งจนดูเบียวมาก
- พากย์ตลกนอกบทเยอะไป
Badland Hunters นักล่ากลางนรก หนังแอ็กชั่นเกาหลี Original Netflix เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ทำให้เกาหลีกลายเป็นดินแดนรกร้างในโลกที่ล่มสลาย นัมซาน นักล่าขาลุยในดินแดนอันรกร้างแห่งนี้พยายามช่วยทุกคนในชุมชนให้อยู่รอดได้แม้ความหวังจะไม่มีเหลือแล้วก็ตาม
รีวิว Badland Hunters
หนังที่ไม่ได้บอกตัวเองว่าเป็นภาคต่อจาก Concrete Utopia (คอนกรีต ยูโทเปีย)โดยไม่ได้ใช้นักแสดงหรือทีมงานชุดเดิม มีแค่สตูดิโอผูผลิตเดียวกัน (Climax Studio) แต่ก็คือโลกเดียวกันเพราะเป็นเหตุการณ์แผ่นดิวไหวใหญ่และมีอพาร์ทเมนท์แห่งเดียวที่เหลืออยู่ในเกาหลีจากเรื่องนั้นมาเป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่อง แต่เนื้อเรื่องเล่าเรื่องใหม่ไปเลยจึงไม่เป็นปัญหากับผู้ชมแต่อย่างใด
หนังเล่าเรื่องของนัมซาน แสดงโดย มา ดง-ซ็อก หรือดอนลี นักแสดงเกาหลีชื่อดังจาก Train to Busan, และแสดงในหนังมาร์เวลอย่าง Eternals มาเล่นเป็นตัวเอกนายพรานล่าสัตว์ในโลกหายนะนี้ ที่มีจระเข้เดินเพ่นพ่านในเมืองให้ล่า โดยมาพร้อมคู่หูเด็กหนุ่มที่เขาไว้ใจ แต่เนื้อเรื่องการล่าสัตว์ของเขาเป็นแค่เกริ่นนำตัวละครในตอนแรกให้เห็นความเก่งของนัมซานที่สู้กับจระเข้ด้วยมีดก่อนฟันคอขาดในฉับเดียว ก่อนที่เรื่องจะย้ายมายังชุมชนเล็กๆ ที่กำลังถูกคุกคามจากคนเลวภายนอกเข้ามาจับตัวผู้คนไป โดยมีครอบครัว ซูนา (เล่นโดย Roh Jeong-eui) สาววัยรุ่นที่อยู่กับยายเพียงลำพัง เธอถูกหลอกให้ไปอพาร์ทเมนท์ที่มีน้ำสะอาดและสังคมโรงเรียนที่มีคนรุ่นเดียวกันอยู่เพื่อสร้างอนาคตของชาติขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็กลายเป็นว่าที่นี่คือห้องทดลองขนาดใหญ่ของหมอโรคจิตที่ทดลองอัพเกรดคนให้ทนต่อทุกอย่างจนเหมือนซอมบี้
เนื้อเรื่องหลักของเรื่องนี้ค่อนข้างธรรมมากทั่วไปมากจนเดาได้ตั้งแต่แรกเลย เพราะเรื่องมันซ้ำซากมากับพล็อตโลกหายนะที่มีตัวละคร ทหารบ้าคลั่ง หมอกับครูโรคจิต มารวมตัวกันแบบนี้ แล้วเรื่องก็ยังเป็นแนวตลกแทรกมาตลอด ซึ่งตัวเอกนัมซานพากย์โดย เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง ทีมงานพันธมิตรทำให้มีเสียงแทรกพูดนอกบทเพิ่มเข้ามาอีกตลอดเรื่อง แม้ตัวละครจะไม่มีบทพูด ทำให้เรื่องดูตลกขึ้นไปอีกเกินจำเป็น ส่งผลให้เรื่องราวดราม่าคนในโลกดิสโทเปียที่สิ้นหวังกับอนาคตจนต้องยอมเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นปีศาจ กลายเป็นดราม่าที่เรียบเฉยไม่ได้ส่งผลสะเทือนอารมณ์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งตอนจบที่ผลของการกระทำกลับไปยังลูกสาวของหมอโรคจิตเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงผลกรรมแบบที่เรื่องพยายามย้ำบอกไว้เลย
สิ่งที่ดีที่สุดที่เรื่องนี้ขายคือฉากแอ็กชั่นการต่อสู้ของนัมซานกับทีมในเรื่อง เมื่อเรื่องปูมาแต่แรกว่านัมซานเก่งเกินมนุษย์ขนาดฆ่าจระเข้ด้วยการฟันฉับเดียว ศัตรูจึงเป็นทหารที่มีร่างกายเหนือมนุษย์เหมือนซอมบี้ มีบาดแผลทางร่างกายเท่าไหร่ก็ไม่มีตาย ต้องเล่นงานที่หัวเพียงเท่านั้น ซึ่งนี่ก็คือการนำซอมบี้มาอัพเกรดอีกแบบนั่นแหละครับ แค่มีสติพูดคุยได้แบบมนุษย์ปกติเท่านั้น แต่ฉากแอ็กชั่นส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแนวซอมบี้เช่นเดิมอยู่ดีคือ เน้นจำนวนโผล่มาให้ตัวเอกได้โชว์ฝีมือยำอยู่ข้างเดียว ก่อนปิดจ็อบด้วยการยิงหัวกับตัดหัว จะมีอึดหน่อยก็แค่ตัวหัวหน้าของเรื่องเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นฉากที่ดีงามอะไร มีแค่ฉากโหดสะใจในการลงมือตอนจบของนัมซานเท่านั้น ซึ่งงาน CG แสดงฉากฆ่าแบบโหดๆ ทำได้ดีตามมาตรฐานเกาหลี แต่บางฉากก็ดูหลุดลอยให้เห็นเหมือนกันครับ
สรุปเป็นหนังแอ็กชั่นโลกหายนะผสมซอมบี้เกาหลีอัพเกรดตัวเองขึ้นมานิดนึง มีดีที่ฉากแอ็กชั่นเน้นฆ่าโหดๆ กับเสียงพากย์ตลกนอกบท ที่พอดูเพลินๆ ได้ แต่เนื้อเรื่องที่เหลือคือธรรมดาจนดูโหลมากในโลกดิสโทเปียแห่งนี้ ซึ่งผิดกับภาคแรก Concrete Utopia ที่ทำเนื้อเรื่องการแบ่งชนชั้นได้ดีจนเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์ ส่วนเรื่องนี้เหมาะกับการเข้าชิงรางวัลราซเบอร์รี่ยอดแย่มากกว่าครับ