playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Bartkowiak หนังแอ็กชั่นนักสู้ MMA ทุนต่ำของ Netflix ที่หนังจาพนมทำดีกว่าทุกเรื่อง

Bartkowiak

สรุป

หนังแอ็กชั่นแนวศิลปะการต่อสู้ทุนต่ำที่แทบไม่มีฉากแอ็กชั่นจริงจังเลยตลอดเรื่อง ไปหมกไว้ตอนใกล้จบแบบยัดๆ เข้ามา แต่ก็ไม่ได้ทำได้ดีอะไรเลย (หนังของจาพนมไทยเราดีกว่าทุกเรื่อง)

Overall
4/10
4/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • พระเอกแนวนักสู้ MMA เจอมาเฟีย
  • มีฉากสู้แบบ MMA ดิบๆ แนวลองเทค 1 ฉาก
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • ฉากแอ็กชั่นน้อยมากๆ
  • เนื้อเรื่องวนเวียนกับดราม่าที่ไม่ได้สำคัญมากกับเรื่อง
  • มาเฟียอยู่ๆ ก็ไม่ใช้ปืนมาต่อยกับพระเอก ไม่สมเหตุผลมากๆ
  • พระเอกหน้าหล่อไร้ริ้วรอยจนดูไม่เหมือนนักสู้ MMA
  • นางเอกเปิดมามีสกิลต่อสู้ แต่หลังจากนั้นกลายเป็นตัวประกอบ

ADBRO

Bartkowiak บาร์ตโคเวียก แค้นนักสู้ หนังแอ็กชั่น Netflix จากโปแลนด์ เรื่องราวของนักสู้ MMA ที่ต้องมาท้าชนกับแก๊งมาเฟียเวนคืนที่ดินที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการตายของพี่ชายของเขา

 Bartkowiak (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Bartkowiak

หนังเรื่องนี้เป็นหนังทุนสร้าง Netflix โดยตรง ซึ่งก็ต้องบอกกันไว้ก่อนเลยว่าเป็นหนังทุนต่ำแบบปกติของ Netflix นั่นแหละ ดังนั้นถ้าคาดหวังฉากแอ็กชั่นอะไรมากก็คงไม่ได้ ซึ่งผู้สร้างก็เหมือนรู้ตัวดีว่าทุนน้อย ก็เลยพยายามใช้ฉากแอ็กชั่นจากกระบวนท่าต่อสู้ MMA ของพระเอกมาเป็นจุดขายในสเกลวงเล็กมากๆ ซึ่งเล็กขนาดไหน ก็คือน้อยกว่าหนังจากพนมทุกเรื่องซะอีก

พล็อตเรื่องนี้ก็ตามไสตล์หนังแนวนี้คือง่ายๆ พระเอกชื่อ บาร์ตโคเวียก ชื่อเรื่องนี้นี่แหละ เป็นนักชก MMA ที่โดยมาเฟียโกงในนัดชิงแชมป์จนแพ้คู่ต่อสู้ไป ก็เลยผันตัวมาเป็นการ์ดในผับ แต่กลับต้องมารู้เห็นเหตุการณ์บัดซบของมาเฟียในย่านนั้นที่ไล่ที่ชาวบ้านแบบโหดๆ เพื่อสร้างโครงการใหญ่ โดยที่ลูกน้องมาเฟียก็คือคู่แข่งในชัดชิงที่พระเอกเคยเจอ แถมพี่ชายที่ประสบอุบัติเหตุตายก่อนนี้ไม่นานก็ยังมีกลิ่นทะแม่งๆ ว่าจะเกี่ยวข้องกับหมอนี่ งานนี้ก็เลยกลายเป็นการตามสืบหาความจริงเพื่อชำระแค้นของเขา

หนังพยายามสร้างสตอรี่ให้พระเอกมีความแค้นตั้งแต่เปิดเรื่องด้วยการเจอโกง ต่อมาพี่ตาย ชาวบ้านถูกไล่ที่ มาเฟียใหญ่คับเมือง ตำรวจกินสินบน ดูเหมือนจะมาแนวล้างแค้นกันเต็มที่ แต่เปล่าเลย… ตัวหนังอ้อยอิ่งมากกับการที่พระเอกพยายามสืบแล้วสืบอีกว่า พวกนี้จะทำอะไร พี่ชายเขาตายจากน้ำมือพวกนี้จริงหรือไม่ โดยในระหว่างนั้นก็บริหารผับของพี่ชายที่ตายไป ล่อตีนพวกไล่ที่ไปพลางๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีฉากแอ็กชั่นอะไรมากนัก นอกจากช่วงต้นที่แข่ง MMA แต่ก็นิดเดียวเท่านั้น

ฉากแอ็กชั่นจริงๆ ของเรื่องมาเริ่มเอาตอนชั่วโมงกว่าไปแล้ว หนังยาว 1 ชั่วโมงครึ่ง (รวมเครดิต) ซึ่งก็เป็นการต่อสู้กับตัวร้ายคู่ปรับบนสังเวียนของเขานั่นเอง ซึ่งก็ทำออกมาดี เพราะเป็นแนว MMA แบบไม่มีนวม ซัดกันในผับโล่งๆ ที่หยิบเอาอะไรมาเป็นอาวุธได้หมด แต่หลักๆ ก็คือยังเป็นฉากต่อสู้แบบใช้ MMA จับล็อคเป็นหลัก แล้วก็ถ่ายทำแบบลองเทคเกือบสองนาที ถือว่าดีเลยกับฉากนี้ ก่อนที่ตัวเรื่องจะรีบตัดไปไฟต์ซีนสุดท้ายกับบอสมาเฟียอีกรอบ เป็นแนว MMA เจอกับพวกใช้อาวุธอย่าง ดาบ หอก ซึ่งตอนท้ายนี่สู้ฉากก่อนนี้ไม่ได้เลย เพราะพอเป็นอาวุธก็เลยเป็นการสู้ห่างๆ ไม่ใช่การกอดปล้ำล็อคกันแบบที่ MMA ใช้กัน ซึ่งจริงๆ ฉากสุดท้ายมันควรจะเป็นคู่ปรับในซีนก่อนนี้มากกว่า

ปัญหาหลักของเรื่องนี้เลยนอกจากความอ้อยอิ่งไม่มีฉากต่อสู้กันสักที ก็คือความไม่สมเหตุผลในช่วงท้ายนี่แหละ เมื่อทั้งเรื่องปูมาว่ามาเฟียพวกนี้อย่างโหด เจอใครยิงทิ้งหมด แม้แต่คู่ปรับของพระเอกที่เป็นนักมวย MMA มาก็ใช้ปืน ซึ่งก็ไม่รู้อีท่าไหนจากนักมวยแชม์กลายมาเป็นนักเลงไล่ที่ได้ มันก็ดูขัดๆ ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ถึงจะมีอิงว่าหมอนี่คือหลานของมาเฟียก็ตามเถอะ ซึ่งพอใช้ปืนกันทั้งเรื่อง แต่พอมาตอนจบดันไม่พกปืนมาทั้งๆ ที่มาฆ่าพระเอกกลับมาต่อยกันดุ้นๆ เหมือนศึกล้างบัญชีมันก็ดูงี่เง่าไปหน่อย ยิ่งตอนบุกบ้านมาเฟียตอนท้ายด้วย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ลูกน้องมาเฟียมีแค่ 2-3 คน แถมยังไม่มีใครพกปืนเลย แม้แต่ตัวบอสเองที่โหดมาตลอดฆ่าคนเป็นว่าเล่น มาตอนจบรู้ว่าพระเอกบุกบ้านกลับไปหยิบเอาหอกเอาดาบมาสู้พระเอก แถมฟันไปบ่นไปเรื่องเลือดซามูไรจนดูไม่เข้ากับเรื่องเข้าไปใหญ่ เหมือนหนังเรื่องนี้แค่หาที่ยัดแอ็กชั่นมาให้จบๆ โดยที่ไม่ได้มีคิวบู๊อะไรสวยงามอีกด้วย (ทั้งเรื่องมีซีนเจอคู่ปรับนี่แหละดีฉากเดียว) แถมตัวละครสมทบคนอื่นอย่างโค้ชพระเอกกับการ์ดอีกคนก็ไม่ได้มีบทอะไรมากเลย เหมือนเป็นแค่ตัวแถมในเรื่องกับฉากแอ็กชั่นจิ๊บๆ แทบจะไม่เรียกว่าแอ็กชั่นได้เลยด้วยซ้ำ

นี่เป็นหนังแอ็กชั่นแนวศิลปะการต่อสู้ทุนต่ำที่หนังจาพนมของไทยยังสนุกและทำได้ดีกว่าทุกเรื่อง คืออย่างน้อยหนังของจาก็ยังมีความพยายามขายฉากแอ็กชั่นสวยๆ แต่เรื่องนี้คือไม่เลย แถมพล็อตเรื่องก็งั้นๆ อาจจะมีดีจุดเดียวคือพระเอกหล่อนี่แหละ แต่ก็หล่อแบบหน้าเนียนจนดูไม่เหมือนนักชก MMA ไปซะอีกแหนะ เรียกว่าผ่านได้ผ่านเลยไม่ต้องเสียเวลาดูดีกว่าครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!