รีวิว Black Bird ซีรีส์สืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่สมจริงลึกซึ้งถึงจิตใจฆาตกรสุดๆ
Black Bird
Summary
ซีรีส์แนวสืบสวนหาความจริงจากฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างจากเรื่องจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกรายละเอียด นักแสดงสวมบทได้ขั้นเทพไร้ที่ติ สมจริงจนน่าสะพรึงกลัวเหมือนฆาตกรต่อเนื่องของจริงที่ไม่เคยมีเรื่องไหนเข้าถึงได้ขนาดนี้ แต่ทั้งเรื่องใช้บทสนทนาเล้วนๆ ขับเคลื่อนเรื่องราวไต่ระดับจากมิตรภาพจอมปลอมไปสู่ความน่าสะพรึงกลัว ซึ่งอาจจะไม่ใช่แนวทางการเดินเรื่องแบบเร้าใจเหมือนนิยายแนวเดียวกัน แต่ถ้าคุณชอบความสมจริง เรื่องราวที่มีมิติลึกถึงจิตใจฆาตกรต่อเนื่องจริงๆ นี่คือซีรีส์ที่เรียกว่าเดอะเบสต์ขึ้นหิ้งในแนวนี้เลยแน่นอนครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- สร้างจากเรื่องจริงของคดีที่น่ากลัวที่สุดแห่งยุคและยังปิดไม่ลงจนถึงปัจจุบัน
- การแสดงที่สมจริงมีมิติลึกของตัวเอกทั้งคู่
- เรื่องราวบรรยากาศย้อนยุคไปช่วงปี คศ 2000
- บทดราม่าพ่อลูกที่สะเทือนจิตใจ
- ซีรีส์ 6 ตอนจบสั้นๆ
Cons
- ใช้บทสนทนาเดินเรื่องล้วนๆ อาจจะไม่ถูกใจคนที่อยากดูแนวนิยายใส่ฉากตื่นเต้นเร้าใจ
Black Bird ซีรีส์ 6 ตอนจบ ของ apple tv+ แนวสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างโดยอิงจากเรื่องราวจริงของชายหนุ่มที่เป็นลูกตำรวจแต่กลายมาเป็นพ่อค้ายาเสพติด ถูกตำรวจจับต้องโทษ 10 ปี แต่ได้รับภารกิจแลกกับการลดโทษโดยให้สืบหาความจริงของผู้ต้องหาที่อาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องหลายสิบศพ ที่ภายนอกดูเป็นคนสติไม่เต็ม และกำลังได้รับการปล่อยตัวออกมา
รีวิว Black Bird
นี่คือซีรีส์สืบสวนชั้นเยี่ยมที่เจาะลึกเข้าไปในจิตใจฆาตกรต่อเนื่องได้สมจริงน่าสะพรึงกลัวมากระหว่างดู ด้วยความที่ตัวเรื่องสร้างมากจากเรื่องจริงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (ทำจากหนังสือชื่อ In with the Devil: a Fallen Hero, a Serial Killer, and a Dangerous Bargain for Redemption by James Keene) ความโหดวิปริตของคดีก็สูงเพราะเหยื่อที่ตายคือเด็กสาวที่หายสาบสูญไปมากมายนับไม่ถ้วน เป็นเวลานานหลายสิบปี หาศพไม่เจอแม้แต่รายเดียว เนื่องจากฆาตกรเป็นคนขุดหลุมศพทำให้มีความชำนาญในการซุกซ่อนศพและยังเป็นนักทำความสะอาดที่ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาแทบไม่เคยมีหลักฐานของเหยื่อทิ้งไว้เลยแม้แต่เส้นผมหรือรอยนิ้วมือก็ไม่มี และความยากลำบากของคดีนี้ที่สุดคือตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับเข้าคุกชั่วคราวเป็นคนลักษณะสติไม่เต็ม มีปัญหาทางกายภาพความคิด เป็นนักสารภาพความผิดอยากมีชื่อเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ทำให้เรื่องเล่าจากเขาดูเป็นเรื่องแต่งโกหกเนียนๆ หลอกปั่นหัวตำรวจไปรเื่อย ซึ่งมีคนแบบนี้จริงๆ อยู่ในอเมริกา และ FBI ก็จนปัญญาจะเอาผิดเขาได้ มีเพียงแค่บันทึกรับสารภาพครั้งแรกที่เจ้าตัวเผลอเล่าออกมาโดยอ้างว่าเป็นความฝัน แต่นั่นก็ทำให้เขาต้องเข้าไปรับโทษชั่วคราว แต่ก็จะได้รับการปล่อยตัวออกมาใน 1 เดือน ซึ่งถ้าหลุดออกมาได้ก็จะไม่สามารถเอากลับเข้าไปได้อีกแล้ว นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของภารกิจแฝงตัวเข้าไปสืบหาความจริงโดยการตีสนิทและทำให้เขาสารภาพความจริงออกมาให้ได้
จุดเด่นของเรื่องคือการแสดงที่สมจริงมากๆ ของตัวละคร แลรี่ ฮอลล์ ผู้ต้องหาในเรื่อง ที่แสดงโดย Paul Walter Hauser และถอดแบบหน้าตาตัวจริงมาทุกกระเบียดนิ้ว และเล่นได้สมบทบาทมากในระดับที่ว่าถ้าในแนวหนังฆาตกรวิปริตเราต้องนึกฮันนิบาลเล็คเตอร์ พอลที่เล่นในบทแลรี ฮอลล์ก็เทียบได้กับฮันนิบาลเลย แต่ที่เหนือกว่านี่คือเรื่องจริง ทำให้เราเห็นบุคลิก จิตใจที่วิปริตแบบดูภายนอกใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ แต่สมองกลับปั่นปวนคาดเดาอะไรไม่ได้เลยว่าเขาคิดยังไง ไม่ใช่ความรู้สึกน่ากลัวสยองจากแววตา ท่าทาง แต่ตรงกันข้ามคือเหมือนคนไม่เต็มเต็งที่ระหว่างดูก็อาจจะเผลอสงสารเชื่อว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรได้เลย แต่ในอีกเวลาหนึ่งเขาก็กลายเป็นคนซื่อๆ ที่เล่าเรื่องเลวร้ายน่ากลัวเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ ซึ่งนี่คือจุดเด่นสุดของซีรีส์เรื่องนี้ที่ทั้งบท นักแสดงถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกันเหมือนเอาตัวฆาตกรต่อนเนื่องจริงๆ มาเล่น แบบที่ไม่เคยมีเรื่องไหนสมจริงได้ขนาดนี้มาก่อนแน่นอน
นอกจากนี้การได้นักแสดงอย่าง Taron Egerton พระเอกจากหนังสายลับคิงแมนมาเล่นในบท เจม คีน ที่เป็นคนเขียนหนังสือเรื่องราวนี้เองจากประสบการณ์จริงในช่วงเวลานี้ก็มีเสน่ห์สูงมากตามบทเป๊ะๆ ซึ่งตัวจริงเขาคือลูกตำรวจรูปหล่ออนาคตไกลที่กลายมาเป็นพ่อค้ายาเสพติดเพราะปัญหาทางบ้าน ก่อนที่จะต้องมาไถ่บาปจากภารกิจในคดีนี้ที่ตอนแรกเป็นแค่การอยากหลุดโทษจำคุกไวๆ แต่กลายเป็นประสบการณ์เลวร้ายที่เขาลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต ตัว Taron เองฟิตหุ่นจนใหญ่โต+กับหน้าตาหล่อเหลา ตามบทที่ว่าเขาคือนักโทษที่มีเสน่ห์ที่สุดเข้ากับคนง่ายเฟรนด์ลี่ ทำให้ FBI เลือกเขามารับภารกิจนี้ และตัวเขาเองต้องแบกรับความกดดันทั้งจากในคุกที่รวมพวกโรคจิตที่สุดในอเมริกามาไว้ที่นี่ การเอาตัวรอดจากนักโทษด้วยกัน เจอผู้คุมเลว การที่ต้องตีสนิทกับเป้าหมายและเป็นเพื่อนที่ทำให้ไว้ใจที่สุด เป็นมิตรภาพจอมปลอมที่กัดกร่อนจิตใจเขามาก หลังต้องทนฟังเรื่องเลวร้ายจนแทบรับไม่ไหว นอกจากนี้ยังมีพ่อที่ป่วยหนักจนเส้นเลือดในสมองแตกจากที่เขาเข้าคุกมารุมเร้าอีก (บทพ่อเล่นโดย Ray Liotta เล่นดีตีบทแตกกระจุยมากเช่นกัน) ซึ่งบทดราม่าหนักๆนี้เองที่ส่งให้เรื่องราวมีนำ้หนักกดดันสะเทือนใจระหว่างที่ดูเป็นอย่างมาก
แต่ไม่ใช่มีแค่เรื่องราวในคุก ตัวเรื่องยังตัดสลับไปยังพาร์ทสืบสวนด้านนอกคุกที่มีตัวละครเป็น FBI สองคนที่ส่งเจม คีน เข้าไปตีสนิทแลรี่ ฮอล์ แต่ก็พยายาามสืบหาหลักฐานด้านนอกเพื่อมัดตัวให้ได้อีกทาง โดยมุ่งเป้าหาจุดฝังศพให้ได้ เป็นแนวการสืบสวนแบบเป็นขั้นเป็นตอนรัดกุมตามเรื่องราวจริง ซึ่งก็ดูสนุกลุ้นไปอีกแบบ โดยพาร์ทสืบสวนนี้จะช่วยต่อเติมเรื่องราวที่อยู่ในคุกในแต่ละตอนด้วย
จุดด้อยของซีรีส์เรื่องนี้ก็คงเป็นการเล่าในคุกด้วยบทสนทนาเรียบๆ แต่ค่อยๆ ไต่ระดับความน่ากลัว ซึ่งทั้งเรื่องไม่มีฉากอะไรมากกว่านี้ เพราะนี่คืองานสร้างจากเรื่องราวจริง ไมใช่นิยายสืบสวนที่ต้องมีฉากหวือหวามาเรียกเร้าความสนใจ ซึ่งการที่เรื่องมีแต่บทสนทนาก็อาจจะทำให้คนที่คาดหวังฉากเร้าใจผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าชอบความเรียลของเรื่องราวที่ทำออกมาได้สมจริงมากๆ นี่คือเดอะเบสของซีรีส์สืบสวนเลยแน่นอนครับ ถ้ามีแอปเปิลทีหรือเป็นคอแนวสืบสวนซีเรียสจริงจัง ห้ามพลาดเรื่องนี้โดยเด็ดขาดครับ
ปล.ใครที่คิดว่าทำจากเรื่องจริงที่รู้อยู่แล้ว บอกเลยในเรื่องมีดีเทลหลายอย่างที่ดูแล้วสนุกกว่าที่เข้าใจมาก อย่างชื่อเรื่องแบล็คเบิร์ด นกสีดำ คืออะไร ก็ต้องไปดูเฉลยในเรื่องกันเองนะครับ