รีวิว BlackSpace ซีรีส์อิสราเอลกับคดีกราดยิงเด็กนักเรียนที่เล่นใหญ่โตมากในตอนแรก
BlackSpace
สรุป
ซีรีส์เปิดเรื่องมาดีมาก และโครงเรื่องก็อำนวยให้เล่นใหญ่โตมากมาย แต่กลายเป็นเรื่องกลับลดตัวลงมาแคบลงๆ จนกลายเป็นไอเดียพื้นๆ ธรรมดาในตอนหลัง แม้อาจจะไม่ถึงกับแย่อะไร เพราะการเดินเรื่องก็มีความรวดเร็ว ระทึกกับการไขปมปริศนาเรื่อยๆ แต่เพราะการเล่นใหญ่ในตอนแรก ทำให้เกิดความคาดหวังว่าเรื่องจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความผิดหวังจริงๆ ซึ่งถ้าไม่คาดหวังอะไรมาก นี่ก็เป็นซีรีส์ที่ดีพอตัว และก็แตกต่างไปจากซีรีส์อเมริกันที่ดูกันบ่อยๆ เพราะนี่เป็นซีรีส์อิสราเอลแท้ๆ ที่มีฉากหลังและหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างออกไป
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- แนวสืบสวนแบบไฮเทคกับอาชญากรที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีใหม่ๆ
- ฉากเปิดเรื่องตอนแรกเล่นใหญ่มาก
- ปมของเรื่องมีอ้างอิงถึงการเมืองอิสราเอลปาเลสไตน์และฮามาส
- ตัวเอกแนวสืบสวนแบบเล่นนอกกฎกติกาตลอดเวลา
- ตัวร้ายลึกลับค่อนข้างเดายากพอสมควร
- ชาวด์ประกอบระทึกเร้าใจ
Cons
- ตัวเรื่องจากสเกลใหญ่โตข้ามชาติถูกลดระดับลงมาเป็นสเกลในโรงเรียนเล็กๆ จนแอบผิดหวัง
- จบค้างทิ้งเรื่องไว้ไม่เคลียร์หมดแบบแปลกๆ (แต่จะมองว่าจบลงที่ ss1 เลยก็ได้)
- ตัวหลอกว่าเป็นคนร้ายระหว่างทางดูออกง่ายไป เพราะแสดงพฤติกรรมแบบตั้งใจหลอกคนดูแบบจงใจชัดเจนเกิน
- ปมปัญหาส่วนตัวกับเมียพระเอกดูเป็นส่วนเกินของเรื่องหลักมากไป
BlackSpace ซีรีส์ Netflix แนวสืบสวน 8 ตอนจบจากอิสราเอล กับคดีกราดยิงเด็กนักเรียนที่เชื่อมโยงถึงสงครามการเมืองกับปาเลสไตน์
มีสปอยล์เนื้อหาบางส่วนในช่วงตอน 1-2
ซีรีส์เรื่องนี้มาในช่วงสงครามอิสราเอลปาเลสไตน์กำลังเริ่มรุนแรงพอดี ตัวเรื่องเริ่มขึ้นที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในอิสราเอล เมื่อมีคนร้ายใส่หน้ากากม้ายูนิคอร์น 4 คนไล่ยิงเด็กเรียน เจ้าหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมรุนแรงอย่าง “ดาวิดี” ผู้เป็นศิษเก่าของโรงเรียนด้วยต้องเข้ามาไขคดีปริศนา ที่ถูกจับเชื่อมโยงไปถึงปาเลสไตน์และกลุ่มฮามาส โดยมีโปรแกรมแชทใต้ดินที่ชื่อว่า Blackspace เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ลบข้อความเองอัตโนมัติในเวลาไม่กี่นาที พร้อมทั้งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นเข้ามาใช้งานในระบบ ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารของคนร้ายที่ใช้ติดต่อพร้อมข่มขู่เหล่านักเรียนที่ยังรอดอยู่ด้วย
พล็อตเรื่องนี้ต้องบอกว่าดีมาก ขนาดที่ให้ 10 เต็มเลยก็ได้ เพราะเป็นคดีสืบสวนแนวใหม่ที่เริ่มจากกราดยิงเด็ก ก่อนหลบซ่อนตัวอันตรธานหายไปทันทีหลังเกิดเหตุ ไม่พบแม้แต่ปืน ซึ่งผู้ต้องสงสัยก็คือคนงานปาเลสไตน์ที่มาทำงานในโรงเรียนแห่งนี้พอดี จนกลายเป็นคดีที่ปักธงว่ามาจากการก่อการร้ายทางการเมือง ที่มีเชื้อไฟจากปัญหาดินแดนของสองเชื้อชาตินี้มานานแล้ว เมื่อเรื่องเริ่มสตาร์ทแบบนี้ แถมเดินเครื่องเร็วมาก แค่เปิดมาตอนแรกก็ระทึกรัวๆ กับคดีกราดยิงทันที พร้อมกับการตามล่าหาคนร้ายของ ดาวิดี ตำรวจศิษย์เก่าที่นี่ ที่เปิดมาก็มีปมสำคัญคือตาซ้ายของเขามีปัญหามาตั้งแต่สมัยเรียนที่นี่ และจุดนี้ก็นำมาเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างในคดีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนแรกนี่บอกเลยว่านี่เป็นซีรีส์ที่ให้คะแนนกับตอนเปิดเต็มสิบได้เลย ทั้งตื่นเต้น ระทึก ซาวด์ประกอบเร้ามาก เรื่องราวแปลกใหม่ แต่ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายที่ตอนต่อๆ ไปหลังจากนี้กลับค่อยๆ ลดดีกรีความมันส์แบบตอนแรกลงไปเรื่อยๆ อย่างน่าเสียดายมากๆ
หลังจากเปิดตอนแรกแบบโหมโรงมาดีสุดๆ ตั้งแต่ตอนสองไปเรื่องราวถูกนำเสนอในแนวสืบสวน ระหว่างทีมตำรวจใหญ่หัวหน้าของดาวิดีปักธงให้เป็นเรื่องการเมือง แต่ดาวิดีเองกลับพบปมสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าคนร้ายคือนักเรียนในนั้นเองที่ลงมือและพรางตัวรอดออกมาแบบเนียนๆ ซึ่งเรื่องก็พยายามให้สองแนวทางนี้มีการหักล้างกัน แต่ดาวิดีก็ตกเป็นรองเพราะทฤษฎีนี้ของเขาจะทำให้เรื่องราวสะเทือนขวัญบานปลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเนื้อเรื่องเปิดช่องให้เล่นในแนวทางปัญหาการเมืองควบคู่ไปกับทฤษฎีของดาวิดีดีอยู่แล้ว และก็น่าสนใจด้วยที่คนร้ายดูเหมือนวางแผนนี้ไว้แบบแยบยลให้เป็นปัญหาการเมืองไปด้วย แต่เรื่องกลับตัดฉับลงที่ตอนสองแบบทื่อๆ กลายมาเป็นแนวทางสืบสวนตามแบบทฤษฎีของดาวิดีคิดแบบง่ายเกินไป แม้จะดูว่าน่าสนใจก็ตามถ้ามาโฟกัสแค่ทางนี้ แต่นี่คือซีรีส์อิสราเอลและเล่นประเด็นก่อการร้าย ตามความคิดคนดูแบบพื้นๆ เลย มันควรจะผูกปมได้ใหญ่โตกว่านี้มาก แต่ปมเรื่องราวหลังจากนี้กลับแคบลงและกลายเป็นแนวที่เดาง่ายไปเลย เมื่อเรื่องเหลือแค่ทิศทางแรงจูงใจมาจากการบูลลี่ในโรงเรียน ซึ่งมันเป็นอะไรที่เดาง่ายมาก จนน่าเสียดายที่เริ่มต้นวางพล็อตมาใหญ่โต เรียกว่าเล่นใหญ่มาก แต่กลับลดตัวเองลงมาอย่างไวเกินเหตุ แถมตอนจบยังทิ้งเรื่องค้างไว้เพื่อไปต่อ SS2 แบบไม่ควรเลยจริงๆ ทำให้ซีรีส์ที่ถูกมองว่าเปิดตัวมาดีกลายเป็นลงท้ายแย่ลงไปในทันที
แต่ถึงแม้เรื่องราวจะดรอปลงอย่างที่บอก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความดรอปลงตัวเรื่องก็ยังคงมีความน่าติดตามอยู่ ไม่ใช่ซีรีส์ที่แย่หรือทุนต่ำเลย เพราะในเรื่องทั้งมุมกล้อง การถ่ายทำ ซาวด์ เทคโนโลยีการสืบสวนของเรื่องนี้ถือว่าใหม่เลย เพราะเรื่องผูกโยงเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างระบบแชทลบตัวเอง ที่เป็นคีย์สำคัญของชื่อเรื่อง รวมถึงไอเดียการปืนจากปริ้นเตอร์ 3D ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ หลายๆ อย่างในเรื่องนี้ถือว่านำไอเดียเทคใหม่ๆ มาผสมผสานเข้ากับการสืบสวนแนวเก่าได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวดาวิดีเองถูกวางไว้เป็นนักสืบรุ่นเก่า ไม่ได้เก่งเทค แต่ก็ไม่โลวเทค แล้วก็เป็นตำรวจนักสืบแนวชอบเล่นนอกกฎ อย่างการงัดบ้านผู้ต้องสงสัยไม่รอหมายค้น และอะไรอีกหลายอย่างซึ่งตัวเรื่องแสดงให้เห็นเลยว่าเขาเป็นตัวปัญหาของกรมตำรวจดีๆ นี่เอง แม้จะเก่งมากก็ตาม ซึ่งในตอน 3 ตัวเรื่องจะเพิ่มตัวเอกใหม่มาอีกคนเป็นผู้หญิงสายสืบอาชญากรรมเยาวชน มาเป็นคู่หูกับดาวิดี แม้บทจะวางไว้เด่น แต่น่าเสียดายที่เรื่องก็ยังโฟกัสที่ดาวิดีเป็นหลักมากกว่า โดยเฉพาะปมนัยตาที่กำลังมีปัญหาของเขา ตัวเรื่องใช้แฟลชแบ็คย้อนกลับมาทีละนิดๆ เพื่อบอกว่าตาเขาเป็นอย่างนี้ได้ไงตอนที่เรียนที่นี่ และจุดนี้ก็เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยบังเอิญในภายหลังอีกด้วย
ผู้เขียนสรุปเลยว่าเสียดายจริงๆ ที่ซีรีส์เปิดเรื่องมาดีมาก และโครงเรื่องก็อำนวยให้เล่นใหญ่โตมากมาย แต่กลายเป็นเรื่องกลับลดตัวลงมาแคบลงๆ จนกลายเป็นไอเดียพื้นๆ ธรรมดาในตอนหลัง แม้อาจจะไม่ถึงกับแย่อะไร เพราะการเดินเรื่องก็มีความรวดเร็ว ระทึกกับการไขปมปริศนาเรื่อยๆ แต่เพราะการเล่นใหญ่ในตอนแรก ทำให้เกิดความคาดหวังว่าเรื่องจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความผิดหวังจริงๆ ซึ่งถ้าไม่คาดหวังอะไรมาก นี่ก็เป็นซีรีส์ที่ดีพอตัว และก็แตกต่างไปจากซีรีส์อเมริกันที่ดูกันบ่อยๆ เพราะนี่เป็นซีรีส์อิสราเอลแท้ๆ ที่มีอะไรหลายอย่างแตกต่างออกไป