รีวิว BLOCKBUSTER Netflix ไอเดียตั้งต้นดี แต่ละเลงเรื่องมั่วซั่วจนเละ!
BLOCKBUSTER
Summary
ซีรีส์แนวซิตคอมที่หยิบเอาเรื่องจริงของบล็อกบัสเตอร์ร้านสุดท้ายมาตั้งต้น แล้วก็ละเลงเรื่องอื่นมั่วลงไปจนเละตุ้มเป๊ะหมดสนุกกันไปเลย ตัวเรื่องเน้นดราม่าพระเอกนางเอกจะรักกันรู้ใจกันตอนไหน ไม่ใช่เรื่องความอยู่รอดของร้านตามที่ควรจะเป็นจริงๆ ถ้าใครอยากดูเพราะโหยหาอดีตก็แนะนำว่าผ่านเลยดีกว่า เพราะตัวเรื่องไม่ได้ตอบโจทย์อะไรตรงนี้เลย แต่ถ้าจะดูแค่ไอเดียซิตคอมขำๆ ก็คงพอได้ แต่อย่าคิดว่าจะได้เสียงหัวเราะอะไรกลับมามากมายหรอกนะครับ (เพราะตลกฝืดทั้งเรื่อง)
Overall
4.5/10User Review
( vote)Pros
- ไอเดียบล็อกบัสเตอร์ร้านสุดท้ายที่มีอยู่จริง
- มีพากย์ไทย
- ตอนละ 20 กว่านาที
Cons
- บทเขียนมาแบบไม่ทำการบ้านในเรื่องจริงมาใช้เลย
- ตลกฝืดทั้งเรื่อง
- นักแสดงไม่ได้มีเสน่ห์อะไรมาก
BLOCKBUSTER Netflix ซีรีส์ซิตคอม 10 ตอนจบซีซั่น 1 มีพากย์ไทย ที่จับเอาเรื่องราวของร้านเช่าวิดีโอดังในอดีตยุค 90 ที่ล้มละลายจนตอนนี้เหลือเพียงแค่สาขาเดียวในโลก โดยเอามาทำเป็นเรื่องราวช่วงสุดท้ายของบริษัทที่อนุญาตให้ ทิมมี่ เจ้าของร้านชาวจีนอเมริกันได้บริการกิจการนี้ต่อ ซึ่งเขาต้องพบกับอุปสรรคมากมายในการบริหารร้านนี้ให้อยู่รอดได้เป็นที่สุดท้ายของโลก
รีวิว BLOCKBUSTER Netflix
ซีรีส์ที่ไอเดียตั้งต้นมาจากเรื่องจริงที่ดีมาก เชื่อว่าคนจำนวนมากที่ดูเน็ตฟลิกซ์ต่างเคยเช่าวิดีโอมาแล้วทั้งนั้น อาจจะไม่ใช่ไม่บล็อกบัสเตอร์ก็เป็นร้านอื่นอย่างซึทาญ่าที่เป็นของญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนก็เคยเป็นพนักงานรุ่นแรกของที่นี่เหมือนกัน แถมตัวเน็ตฟลิกซ์เองก็มีประวัติเป็นคู่แข่งกับบล็อกบัสเตอร์ในอเมริกาด้วยการเช่าแผ่นดีวีดีผ่านไปรษณีย์เช่ายืมส่งคืน จนมีส่วนแบ่งเติบโตกินตลาดการเช่าวิดีโอเดิมๆ จนกระทั่งการมาถึงของสตรีมมิ่งที่เน็ตฟลิกซ์เองก็บุกเบิกรายแรกๆ จนมาเป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดของวงการตอนนี้ และก็แน่นอนว่าเนื้อเรื่องในซีรีส์นี้ก็อ้างอิงถึงการที่สตรีมมิ่งเข้ามาทำลายรูปแบบการรับชมภาพยนตร์แบบเช่ายืมของบล็อกบัสเตอร์ไปเช่นกัน นี่จึงเหมือนงานสร้างที่ยียวนกวนตั้งแต่ไอเดียตั้งต้นและน่าจะอยู่ในมือของค่ายสตูดิโอที่ถูกต้องลงตัวด้วย แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ออกมากลับทำลายไอเดียดีๆ นั้นไปทิ้งลงขยะไปซะหมด
ปัญหาของเรื่องนี้หลักๆ คือการที่มีวัตถุดิบที่ดีอยู่แล้วในมือจากเรื่องจริงของร้านนี่ที่ยังเปิดอยู่ แล้วก็เหมือนเป็นที่รวมคนที่ยังโหยหาสิ่งเก่าๆ หรือเป็นที่พบปะเชื่อมสัมพันธ์คอมมูนิตี้คนที่รักหนังอย่างแท้จริงเข้าด้วยกัน แต่ตัวเรื่องกลับละเลยสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไปเน้นที่เรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ของตัวพระเอกนางเอก ทิมมี่เจ้าของร้านกับเอลิซ่า พนักงานสาวที่จบฮาร์วาร์ด แต่มาทำงานร้านนี้เพราะปัญหาชีวิตส่วนตัวที่หย่าร้างกับสามีไป ซึ่งบทก็เขียนให้ทิมมี่แอบรักเธอมานานกว่า 20 ปี แต่ก็ไม่เคยจะเข้าใกล้ความสัมพันธ์แบบที่ต้องการเลย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บล็อกบัสเตอร์ล้มนีแหละ ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาช่วยกันคิดแผนการกู้วิกฤติหาสมาชิกเข้าร้าน เอลิซ่าค่อยๆ เห็นความดีงามของทิมมี่แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนค่อยๆ กลายมาเป็นความรักแบบไม่รู้ตัว ในขณะที่ทิมมี่เองก็ไม่รู้สึกถึงตรงนี้และพยายามเดินหน้าหารักใหม่ โดยมีพนักงานร้านคอยช่วยเชียร์ให้หลุดพ้นจากการติดกับความรู้สึกกับเอลิซ่าอยู่ตลอด
ตัวเรื่องทั้งหมด 10 ตอนแทบไม่ได้มีเนื้อหาหลักสำคัยอะไรกับบล็อกบัสเตอร์จริงจังเลย ทุกตอนเป็นแค่อีเวนท์เหตุการ์ที่พาให้สองคนนี้มีดราม่ากันบลาๆๆๆ ไปเรื่อย โอเคมันอาจจะเพราะการวางตัวเป็นซิตคอมก็้ด้วยที่ทำให้ต้องมาเล่นเรื่องแบบนี้ แต่มันเชยไปไหมกับเนื้อหาที่ทันสมัยของจริงว่าบล็อกบัสเตอร์ร้านสุดท้ายอยู่ได้ยังไง อย่างการทำกระทั่งเปิดเป็นที่พักผ่าน Airbnb ซึ่งสิ่งที่ชมอยากดูจริงๆ คือเรื่องราวการอยู่รอดของร้านมากกว่า แม้ว่าตัวเรื่องจะพยายามมีอุปสรรคในจุดนี้ให้ทิมมี่ต้องพยายามหาทางอยู่ทุกตอน อย่างการปลดพนักงานลดต้นทุน ค่าเช่าที่ค้าง การหาสมาชิกใหม่ แต่ตัวบทกลับเขียนมาแนวขายขำให้ผ่านกันง่ายๆ เหมือนไม่ต้องมาคิดมากอะไรเพราะทุกตอนยังไงก็จะมีทางรอดแบบฟลุ๊คๆ ไม่ก็รอดแบบเฉยๆ จนเหมือนไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้จับต้องได้เหมือนของจริงที่กำลังดำเนินการอยู่ตอนนี้เลย (ความจริงเน็ตฟลิกซ์ควรทำสารคดีร้านนี้จะดีกว่า)
แถมตัวเรื่องเองยังมีมุกเล่นตลกเกี่ยวกับหนังและลูกค้าที่ไม่ค่อยเข้าท่าจนตลกฝืดทั้งเรื่อง เหมือนคนเขียนบทไม่เคยมาศึกษาทำการบ้านว่าพนักงานร้านวิดีโอต้องเจอกับอะไรจริงๆ ซึ่งมีเรื่องมากมายมาทำให้เป็นเรื่องราวได้ดีกว่านี้ อย่างลูกค้าที่ไม่คืนหนังจนกระทั่งค่าปรับเท่ากับซื้อเครื่องวิดีโอได้เลยอะไรแบบนี้จะทำยังไง ยิ่งในยุคที่ร้านวิดีโอเหลือแค่นั้นแล้วด้วยยิ่งต้องมีเรื่องน่าสนใจกับลูกค้าที่ยังมาใช้บริการมากมาย แต่ตัวเรื่องแทบไม่ได้มีตัวละครหรือบทบาทอะไรให้กับลูกค้าเลยสักนิด ทั้งเรื่องวนอยู่กับดราม่าความสัมพันธ์ตัวละครหลัก รอง แล้วก็เหมือนอดไม่ได้ที่ต้องใส่แนว LGTBQ เข้ามาอีกจนได้ แม้ผู้เขียนจะไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ แต่มองในมุมที่เรื่องมีแต่น้ำแล้วก็ยังหันมาเล่นบทเรื่องแบบนี้มันเลยยิ่งเหมือนตอกย้ำว่าคนเขียนบทเรื่องนี้แทบไม่ได้ทำการบ้านอะไรมาเลย เป็นแค่ซีรีส์ที่หยิบเอาเรื่องจริงมาตั้งต้นแล้วก็ละเลงเรื่องอื่นมั่วลงไปจนเละตุ้มเป๊ะหมดสนุกกันไปเลย
ถ้าใครอยากโหยหาอดีตก็แนะนำว่าผ่านเลยดีกว่า เพราะตัวเรื่องไม่ได้ตอบโจทย์อะไรตรงนี้เลย แต่ถ้าจะดูแค่ไอเดียซิตคอมขำๆ ก็คงพอได้ แต่อย่าคิดว่าจะได้เสียงหัวเราะอะไรกลับมามากมายหรอกนะครับ