playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Bodkin (Netflix) ซีรีส์ในไอซ์แลนด์ที่เอานักข่าวกับคนทำพอดแคสต์มาเจอกัน

Bodkin

Summary

ซีรีส์สืบสวนที่มีจุดดีคือเล่าเรื่องการทำงานของนักข่าว vs คนทำพอดแคสต์ มาเจอกัน แต่เนื้อหาของคดีธรรมดาเป็นสูตรสำเร็จ ดำเนินเรื่องช้าเอื่อยมากจนไม่น่าติดตาม แล้วมุกตลกไอริชก็ค่อนข้างแป๊กทั้งเรื่องครับ

 

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การทำงานของนักข่าว vs คนทำพอดแคสต์
  • ซีรีส์อเมริกาในไอซ์แลนด์

Cons

  • เดินเรื่องช้า เนื้อหาไม่แปลกใหม่จนน่าติดตาม
  • ตัวละครนอกจากนางเอกดูจืดๆ ไม่มีเสน่ห์
  • มุกตลกแป๊กทั้งเรื่อง

ADBRO

Bodkin หายไปในบ็อดคิน ซีรีส์อเมริกา 7 ตอนจบ เล่าเรื่องของกลุ่มนักพอดแคสเตอร์รวมพลังกันออกสืบสวนการหายตัวไปอย่างน่าพิศวงของคนแปลกหน้า 3 คน ในเมืองชายฝั่งทะเลของไอร์แลนด์ที่ดูสงบสุขร่มรื่น แต่เมื่อพวกเขาเริ่มคลี่คลายปมปัญหานี้ออกมา ก็พบว่ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และแปลกประหลาดมากกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้
Bodkin (2024) on IMDb

 

รีวิว Bodkin (ไม่สปอยล์)

เรื่องนี้เป็นซีรีส์อเมริกาที่เดินเรื่องทั้งหมดในไอซ์แลนด์ ผู้กำกับเขียนบท Jez Scharf ก็เป็นมือใหม่จากหนังสั้นมาทำเรื่องนี้เรื่องแรก ซึ่งงานที่ออกมาก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรนัก เพราะมันอยู่ในกรอบสูตรสำเร็จแนวเรื่องคดีลึกลับในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งนิยมทำกันแล้วก็แทบจะเหมือนกันไปหมด แต่ยังมีจุดที่แตกต่างอยู่ เมื่อเรื่องเล่าถึงตัวละครนักข่าวกับคนทำพอดแคสต์มาเจอกัน

ซีรีส์ใช้ตัวเอก โดฟ (แสดงโดย Siobhán Cullen) นักข่าวสาวประสบการณ์โชกโชนที่หนีคดีบางอย่างมาที่ไอซ์แลนด์ ตามที่ บก. จัดทางหลบหนีไว้ให้ โดยมาช่วยงาน กิลเบิร์ต (แสดงโดย Will Forte) คนทำพอดแคสต์ที่กำลังมีชื่อเสียง และกำลังเริ่มทำงานใหม่ในการเล่าเรื่องคน 3 คนหายไปอย่างลึกลับเมื่อ 20 ปีก่อน โดยมี เอ็มมี่ (แสดงโดย Robyn Cara) ผู้ช่วยสาวที่คอยรวบรวมหลักฐานอีก 1 คน ซึ่งเธอก็เป็นแฟนผลงานของโดฟด้วย แต่ก็ต้องทำงานกับกิลเบิร์ต ซีรีส์ใช้สไตล์ของนักข่าว vs คนทำพอดแคสต์ มาปะทะกันในคดีที่เกิดขึ้น โดยทั้งคู่เลือกทำสิ่งที่แตกต่างกันคนละทางไปเลย โดยโดฟเน้นหาข่าวแบบหวือหวาเทาๆ ล้ำเส้นอยู่เสมอ ไม่ค่อยเคารพแหล่งข่าว เธอมองหาแค่วิธีการจะได้มาซึ่งความลับนั้น ในขณะที่กิลเบิร์ตละมุนละม่อมค่อยๆ พูดคุยเล่าเรื่องคดี โดยมองว่าพอดแคสต์คือการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องลงไปสืบสวนอะไรทั้งนั้น และเพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษร์ยินยอมให้ใช้เสียงในรายการ ต่างกับโดฟที่หิวกระหายสไตล์นักข่าวที่ต้องไขความจริงนี้ให้ได้ แต่เขาก็มีปัญหาส่วนตัวที่ลำบาก จนทำให้เขาเองก็ค่อยๆ ลองล้ำเส้นแบบโดฟเช่นกัน

 

เรื่องใช้เอ็มมี่เป็นตัวกลางที่คอยติดตามแล้วลองทำตามโดฟ แต่เธอกลับค่อยๆ รู้ว่าแนวทางของโดฟนั้นทำลายมิตรภาพที่มีกับทุกคนไปหมด เพราะเห็นทุกคนคือเครื่องมือเพื่อให้ได้ข้อมูลกลับมาเท่านั้น ซึ่งซีรีส์ก็ใช้แนวทางนี้เล่าเรื่องของตัวละครโดฟที่ล้ำเส้นแล้วเหมือนว่าจะได้ดี แต่ก็ทำให้เห็นว่าคดีที่เธอหนีมาก็เพราะการทำตัวแบบนี้ทำให้สุดท้ายเธอไม่เหลือใคร การเดินทางมาเมืองบอดคินในไอซ์แลนด์นี้ก็คือการไถ่บาปปมต่างๆ ทั้งในอดีตที่เธอก็เคยอยู่ที่นี่ด้วย และก็ทำให้เธอได้พบกับทีมงานใหม่ ซึ่งเรื่องก็ตั้งใจปูกลุ่มตัวละครเหล่านี้ไว้ทำต่อซีซั่น 2 อีกด้วย

ประเด็นเรื่องนักข่าว vs คนทำพอดแคสต์ เป็นส่วนที่เรื่องนี้ทำได้ดีก็จริง แต่เนื้อเรื่องมันกลับอ่อนแล้วก็เขียนมาแบบสูตรสำเร็จคดีในเมืองเล็กๆ มาก จากเรื่องที่ชาวบ้านดูไม่สนใจจะเล่า เพราะแต่ละคนก็ปกปิดความลับไว้คนละส่วน แต่พอตัวเอกไปสอบถามก็ทำให้เริ่มหลุดเริ่มเจอเรื่องขัดแย้งกัน แล้วก็ค่อยๆ เฉลยความลับแต่ละคนออกมา แล้วก็ไปจบที่งานเทศกาลใหญ่ของเมือง ซึ่งแทบทุกเรื่องของ Netflix ก็มักวางไว้ให้จบด้วยฉากแบบนี้ โดยคดีวางไว้ให้ดูซับซ้อนก็จริง แต่มันไม่น่าติดตาม ไม่น่าเอาใจช่วย ไม่รู้สึกอยากคาดเดาอะไร เพราะเรื่องเขียนไว้แบบผู้ชมก็เดาไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้สึกว่ามีหักมุมเด็ดๆ อะไร ตัวละครโดยรวมมากมายในหมู่บ้านก็ดูธรรมดาเรื่องก็เดินหน้าช้ามาก จบตอน 3 ถึงพึ่งจะเริ่มมีอะไรน่าดู แต่พอตอน 4 สิ่งที่เปิดไว้ท้ายตอน 3 ก็จบไปแบบสั้นๆ ไม่ใช่แนวสืบตามล่าคนร้าย แต่เป็นบรรยากาศสบายๆ แบบพวกตัวเอกไปเจอหลักฐาน แล้วตำรวจก็เข้ามาทำหน้าที่คดีไป ซึ่งซีรีส์ก็เล่าเรื่องแทบจะเรียบๆ ทั้งหมด โดยมีตลกดาร์คๆ แทรกมานิดๆ เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นมุกที่ต้องขำอะไรเลยครับ 

 

สรุปเป็นซีรีส์สืบสวนที่มีจุดดีคือเล่าเรื่องการทำงานของนักข่าว vs คนทำพอดแคสต์ มาเจอกัน แต่เนื้อหาของคดีธรรมดาเป็นสูตรสำเร็จ ดำเนินเรื่องช้าเอื่อยมากจนไม่น่าติดตาม แล้วมุกตลกไอริชก็ค่อนข้างแป๊กทั้งเรื่องครับ

 

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!