playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์ Bonding SS1-2 (Netflix) SEX worker สุดพิสดารผ่านโลก BDSM (ไม่มีสปอยล์)

Bonding

สรุป

ซีรีส์ที่ทำออกมาสั้นๆ ตอนละสิบกว่านาทีเท่านั้น ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยมุกตลกลามกวิตถารแรงๆ แต่สนุก ตลก ฮาจริง พร้อมเรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งคู่ที่มีอะไรมากกว่าที่คิด

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • มุกตลกที่มาจากเรี่องความลามกวิตถารทั้งเรื่อง
  • เรื่องราวชีวิตของเกย์เยอะมาก
  • ตัวเอกทั้งคู่มีเสน่ห์ เหมาะสมกับบทมาก
  • ปมดราม่าในเรื่องลึกซึ้งกว่าเรื่องตลกที่เป็นจุดขายซะอีก
  • ตอนนึงสั้นๆ แค่สิบกว่านาที

Cons

  • ถ้าใครรับมุกตลกจากเรื่องวิตถารแรงๆ ในเรื่องไม่ได้ก็คงไม่ขำและยังกระอักกระอ่วนใจที่จะดูอะไรแบบนี้
  • เนื้อหาเกี่ยวกับเกย์เยอะเกือบครึ่งเรื่อง ถ้าใครไม่ชอบเรื่องชีวิตเกย์ก็คงดูไม่ไหวเหมือนกัน

ADBRO

Bonding ซีรีส์ Netflix แนวตลกดราม่าที่เล่าเรื่องอาชีพให้บริการความสุขทางเพศแบบลับๆ พิสดาร ผ่านความสัมพันธ์ตัวละครสาวนายหญิงซาดิสม์กับหนุ่มเกย์ที่ต้องมาเป็นคู่หูทำงานลับๆ นี้หาเลี้ยงปากท้อง

ตัวอย่าง Bonding

ซีรีส์ที่หยิบเรื่องของคนทำอาชีพ Sex worker แบบหนึ่งมาตีแผ่ให้เห็นโลกอันแปลกประหลาดของทั้งคนทำอาชีพนี้และลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่ง Sex worker ในเรื่องนี้ไม่ได้หมายความเป็นงานขายตัว แต่เป็นงานบริการช่วยให้ลูกค้าสำเร็จความใคร่ความต้องการทางเพศในแบบของตัวเอง ที่มีรูปแบบเฉพาะพิสดารมากกว่าปกติของ BDSM ที่เราเคยได้ยินหรือได้เห็นกันมาในหนังเรื่อง fifty shades of grey ซะอีก

“ทิฟฟ์” นางเอกของเรื่องคือสาวสวยที่ทำงานนี้อยู่แล้ว พร้อมชื่อในวงการคือ “นายหญิงเม” เธอทำงานเพื่อหาเงินเรียนปริญญาโท และก็ได้ชักชวน “พีท” เกย์เพื่อนเก่าสมัยเรียนไฮสคูลให้มาเป็นบอดี้การ์ดหรือผู้ช่วยในงานที่ทำ ซึ่งพีทเองก็เป็นบริกรที่หาเลี้ยงชีพไปวันๆ โดยมีความฝันอยากเป็นนักเล่าเรื่องตลกเดี่ยวไมโครโฟนที่มีชื่อเสียง แต่แค่เริ่มออกไปแสดงเขายังไม่กล้าเลย ก็เลยทำให้งานนั้นเหมือนเป็นความเพ้อฝัน จนกระทั่งได้มาทำงานนี้และเขาก็นำเอาประสบการณ์และความกล้ากลับไปใช้ตามรอยฝันของตัวเอง

จุดเด่นสุดของเรื่องคือ มุกตลกจากเรื่องวิตถารในงานที่ตัวเอกของเรื่องทำ ซึ่งทิฟฟ์คือนายหญิงที่มีลูกค้าหลายคนหลงใหล จนถึงขั้นจ้างทิฟฟ์ให้มาเป็นเจ้านายจิกหัวใช้งานตัวเองอีกที โดยที่ทำงานของทิฟฟ์เองที่ถูกเรียกว่า “คุกใต้ดิน” ก็เปิดแบบถูกกฎหมาย และก็ไม่มีการค้าประเวณีใดๆ ทั้งสิ้นในเรื่องนี้ มุกตลกส่วนใหญ่จะเป็นแนวทิฟฟ์ถูกจ้างให้สวมบทนายหญิงเม ที่สวมบทเป็นสาวไฮโซนิสัยซาดิสม์ชอบทารุณบงการลูกค้าที่เป็นพวกมาโซคิสม์ชอบถูกกระทำในแบบต่างๆ จนเกินจินตนาการว่ามีอย่างนี้ด้วย? แม้ความต้องการในเรื่องจะดูล้นๆ โอเวอร์เหมือนตลก แต่เรื่องจริงก็มีคนที่ชอบถูกกระทำแบบนี้จริงๆ อย่างชอบกินฉี่ ถูกฉี่ใส่ถึงจะถึงจุดสุดยอด หรือลูกค้าที่ชอบเพนกวินแล้วพกชุดมาให้ใส่เพื่อสำเร็จความใคร่ตัวเองก็มี ซึ่งมันก็กลายเป็นมุกตลกจากมุมมองของคนปกติอย่างเราไปในตัว ซึ่งคนที่จะฮากับเรื่องนี้ได้คือต้องเปิดใจเลยว่ามาจากเรื่องลามกวิตถารล้วนๆ ถ้ารับอะไรแบบนี้ไม่ได้ก็อาจจะกลายเป็นความกระอักกระอ่วนแทนเช่นกัน และบางมุกก็เล่นแรงถึงศาสนาว่าพระเยซูว่าเป็นพวกมาโซคิสม์เลย ซึ่งผู้เขียนเองดูฟีดแบ็คจากคนรีวิวในเว็บเมืองนอกแล้ว ถ้าชอบก็ชอบมาก ไม่ชอบก็เกลียดไปเลย จากมุกตลกวิตถารที่เรื่องนี้หยิบเรื่องจริงจากด้านมืดของมนุษย์มาเล่นนี่แหละครับ

ในส่วนของพีทเองคือตัวละครเกย์ที่ก้าวเท้าเข้ามาสู่งานนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเต็มใจที่จะทำในตอนแรก ก่อนมาค้นพบว่าตัวเองก็มีความสามารถทำให้ลูกค้าติดใจกับเรื่องลามกวิตถารตามจินตนาการของลูกค้าเช่นกัน และก็กลายมาเป็น “นายท่านคาเตอร์” ฉายาในวงการตามนายหญิงเมไป แต่กลายเป็นว่าทำให้ทิฟฟ์กลับไม่พอใจที่พีทกลายมาเป็นอะไรแบบนี้ที่เธอไม่ได้ต้องการให้เพื่อนเป็นเช่นนี้เลย และก็กลายเป็นปมลึกในเรื่องที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนไปอีกครั้ง ซึ่งพีทเองก็มีเรื่องราวการพยายามทำฝันเป็นตลกเดี่ยวไมโครโฟนให้สำเร็จ โดยเอางานในโลกของทิฟฟ์มาเล่าเป็นเรื่องตลกจนกลายเป็นคาแรกเตอร์ประจำตัวไป และก็เป็นมุกตลกซ้อนในเรื่องอีกทีให้ผู้ชมได้ขำกันว่าพีทหยิบเอาอะไรมาเล่นบ้าง

ด้วยความที่เวลาในแต่ละตอนน้อยมาก แค่ 10 กว่านาทีทั้ง 2 ซีซั่น SS1 มี 7 ตอน SS2 มี 8 ตอน เรื่องจึงเปิดมาแบบตรงเข้าสู่โลกของอาชีพนี้ทันที โดยไม่มีการปูพื้นว่าสองคนนี้เป็นใครอะไรยังไงมาก่อนเลย และก็ใช้ตอนที่เหลือท้าย SS1 ย้อนไปเล่าเรื่องในอดีตสมัยที่ทั้งคู่เรียนไฮสคูลอยู่มาเป็นปมสำคัญของเรื่อง ก่อนที่จะใช้ปูมหลังนี้ไปต่อใน SS2 โดยเป็นจุดสำคัญมากของเรื่องที่ยึดโยงกับชื่อเรื่อง Bonding ที่แปลว่าความสัมพันธ์ ผูกพัน สไตล์การเล่าเรื่องนี้จึงแปลกกว่าปกติ อาจจะดูแล้วอินยากเพราะไม่มีการปูพื้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาก่อนเลย แต่ถ้าดูจนจบจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้คือ การบอกเล่าความสัมพันธ์ของคนนิสัยแปลกสองคนในสังคมปกติ ที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคนแปลกแยกออกจากสังคมไปเอง ซึ่งทำให้เรื่องมีดราม่าปมความสัมพันธ์ที่ลึกกว่าภาพที่เห็นภายนอกว่าเป็นหนังตลกกับเรื่อง SEX และก็ทำได้ดีมากด้วยกับหัวใจสำคัญของเรื่องตรงนี้ ที่มีทั้งมิตรภาพ ความรัก ความฝันของทั้งคู่ ตัวเรื่องใช้เวลาสั้นๆ ในแต่ละตอนค่อยๆ เล่าขมวดเรื่องดราม่าเหล่านี้เข้าหากันผ่านเรื่องตลกที่มีอาชีพ Sex worker บังหน้าอีกที

นอกจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้ว ตัวเรื่องก็เสริมด้วยการให้ทั้งคู่มีคนพยายามเข้าหาสานสัมพันธ์ด้วย โดยมีปมการไม่เปิดใจของทั้งคู่จากเรื่องเลวร้ายในอดีต และกับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันมาเป็นปัญหาของเรื่อง ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคนแปลกหน้าในสังคมปกติที่มองว่างานที่พวกเขาทำเป็นสิ่งที่ดูไม่ดี ไม่ใช่จะเปิดเผยออกไปแล้วจะมีคนยอมรับได้ง่ายๆ ทำให้การเปิดใจยอมรับคบเป็นแฟนกับคนปกติยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปอีก แม้พีทเองจะเป็นเกย์เปิดเผยแล้วก็ตาม แต่โลกด้านนี้ดูปิดมิดชิดกว่าโลกของเกย์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ซะอีก (ตัวเรื่องมีฉากเกี่ยวเกย์เยอะมาก)

ตัวละครทั้งพีทกับทิฟฟ์เรียกว่ามีเสน่ห์มากทั้งคู่ ทั้งรูปร่างหน้าตา การแสดงที่สมบทบาท แม้จะไม่ใช่ดาราดังทั้งคู่ ซึ่ง Brendan Scannell ที่สวมบทบาทพีทเองก็เป็นเกย์เปิดเผยจริงๆ ด้วย ส่วน Zoe Levin จากบททิฟฟ์ก็สวยมีเสน่ห์ ดูน่าเกรงขามเหมาะกับบทนายหญิงจอมซาดิสม์ โดยมีมุมนอกงานเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่ลึกๆ แล้วอ่อนไหวไม่ได้แกร่งเหมือนอย่างในงานที่สวมบทบาทไว้เลย 

ถือเป็นซีรีส์ที่ฉีกออกนอกกรอบปกติมากมาย ทั้งในตัวเนื้อหาของเรื่องเองที่แรง และรูปแบบการเล่าเรื่องโดยใช้เวลาต่อตอนสั้นมากๆ แต่รับรองว่าสนุก แอบซึ้ง สะเทือนใจ มีหลายรสในเรื่องมากกว่าหน้าตาภายนอกที่เห็นมาก ส่วนมุกตลกลามกวิตถารถ้าดูแล้วชอบก็ชอบเลย ถ้าไม่ชอบก็คงต้องบายเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ถือว่าเอาเรื่องในที่ลับมาเป็นจุดขายความฮาที่เสียดสีเรื่องจริงที่ผู้คนปกปิดไว้ครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!