playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Boxer (Netflix) หนังนักมวยที่เน้นชีวิตผู้อพยพมากกว่าฉากสู้บนสังเวียน

Boxer

Summary

หนังนักมวยโปแลนด์ที่ใช้ประวัติศาสตร์ช่วงคอมมิวนิสต์ปกครองมาเล่นเป็นแบ็คกราวด์หลวมๆ แค่นั้น แต่เน้นไปที่เรื่องราวชีวิตนักมวยผู้อพยพในลอนดอนที่ลำบากยากแค้นไม่เป็นไปตามฝัน จนกระทั่งยอมทำผิดกับอาชีพและติดกับเข้าไปในบ่วงนรกของคนชาติเดียวกัน ซึ่งหนังเล่าชีวิตนักมวยช่วงนี้ได้สนุกอยู่ แต่เสียตรงที่ว่านี่เป็นหนังนักมวยที่ฉากต่อสู้บนสังเวียนแทบไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ฉากไคลแม็กซ์จะเป็นการชิงแชมป์โลกก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย ตัวเอกของเรื่องร่างกายก็ไม่เหมือนนักมวยจริง ซึ่งหนังละเลยส่วนนี้จนพลาดไปมาก ใครที่หวังหนังนักมวยดราม่ากับฉากสู้ดีๆ แบบร็อกกี้ก็คงผิดหวังครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • หนังนักมวยในประเทศคอมมิวนิสต์
  • การดิ้นรนสู่ฝันของผู้อพยพ
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ตัวเอกดูไม่สมกับเป็นนักมวยจริง
  • ฉากต่อสู้บนสังเวียนแทบไม่มี
  • เล่าเรื่องคอมมิวนิสต์น้อยมาก

 

ADBRO

Boxer หนังกีฬา Original Netflix จากโปแลนด์ เรื่องของครอบครัวนักมวยในประเทศโปแลนด์ช่วงที่ถูกปกครองโดยคอมมิวนิสต์ พวกเขาหนีมาอังกฤษเพื่อแสวงหาชีวิตใหม่ในเส้นทางการต่อสู้บนสังเวียนสู่แชมป์โลก

 

รีวิว Boxer

หนังหมัดมวยที่ถูกบอกเล่าผ่านประวัติศาสตร์โปแลนด์ช่วงที่ถูกปกครองแบบเข้มงวดด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ซึ่งในหนังอ้างอิงว่าในช่วงนั้นมีคนหนีออกนอกประเทศมากที่สุดในโลกแล้ว ซึ่งผู้ชมชาวไทยเองก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับประวัติศาสตร์นี้เพราะเราไม่ได้มีส่วนร่วมกับประเทศเขาเลยหรือระบอบคอมมิวนิสต์ และในหนังเองก็ใส่เรื่องราวส่วนนี้มาแค่ช่วง 20 นาทีแรกของเรื่องเท่านั้น โดยไม่ได้ฉายภาพอะไรไปมากกว่าแค่การที่ครอบครัวนี้ตัวเอกมีพ่อเป็นนักกีฬาที่ถูกส่งไปแข่งโอลิมปิกกับโซเวียต แต่ถูกบังคับด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาต้องแพ้ และก็กลายมาเป็นครอบครัวมีปัญหาที่พ่อมาลงกับลูก ซึ่งทำให้ตัวเอกมีความหลังฝังใจตั้งแต่เด็กว่าอยากหนีไปให้พ้นประเทศนี้ในที่สุด แล้วก็ทำสำเร็จในตอนโตหลังแต่งงานไม่นาน โดยพาภรรยาหนีมาด้วยกัน

หนังมาเล่าเรื่องจริงๆ คือช่วงที่อยู่ในลอนดอน แต่เรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่วาดฝันไว้เลยสักนิด ซึ่งนี่คือช่วงที่หนังเล่าเรื่องเหมือนผู้อพยพที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดด้วยสภาพที่ทำยังไงก็ยากที่จะมีอนาคตที่ดีได้ แม้แต่การซ้อมมวยก็ยังยากลำบาก ซึ่งหนังใช้เวลาเล่าปัญหาตรงนี้ได้ดี ทำให้เห็นว่าแม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วก็ไม่ใช่จะดีกว่าที่เคยอยู่ แม้แต่คนที่อยู่โปแลนด์เหมือนกันในที่นี่ก็ไม่ใช่คนดีช่วยพวกเดียวกันอย่างที่คิด (แถมเลวยิ่งกว่าที่เคยเจออีก) หนังใช้แนวทางนักมวยตกต่ำที่ไม่มีแม้แต่ไฟต์ให้ขึ้นสู้ ถึงแม้ตัวเองจะเป็นแชมป์ที่โปแลนด์ แต่อยู่ที่นี่ไม่มีเส้นสายค่ายมวยก็ไปไม่รอด หนังพาให้ตัวเอกเริ่มหันไปในทางที่ผิดเพื่อต้องการรักษาสัญญากับครอบครัวไว้ว่ามาที่นี่ชีวิตต้องดีขึ้น ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันอีกครั้ง

 

หนังมีฉากชกมวยจริงจังน้อยมาก ก็คือช่วงหลังของเรื่องไปแล้ว โดยฉากชกก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรมากกับเรื่องเพราะเป็นการจัดฉากชกแบบง่ายๆ ให้เห็นว่าตัวเอกชนะเท่านั้น อย่างขึ้นไปต่อยสองสามหมัดน็อกได้แล้ว แต่หนังก็เอาจุดนี้มาเล่นว่าเพราะโปรโมเตอร์ที่ปั้นเขาต้องการมวยปั้นให้ชนะหากินกับการพนันมากกว่าการต่อสู้ที่แท้จริง ซึ่งก็พาให้ตัวเอกเก็บกดที่รู้สึกว่าตัวเองมีฝีมือแต่ถูกทุกคนดูถูก จนทำให้เขาระเบิดอารมณ์โกรธจนมีโอกาสได้เจอแชมป์ที่บาดหมางกันมานานแบบง่ายๆ แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้ไฟต์การต่อสู้นี้ดูเป็นหนังนักมวยจริงจังขึ้นเลย แต่เรื่องกลับเล่าถึงช่วงตกต่ำที่สุดในชีวิตเขาแทน ด้วยชีวิตนักกีฬาที่ออกนอกลู่ทางจนตัวเองเสียไปหมด ซึ่งสุดท้ายฉากต่อสู้บันสังเวียนดีๆ ก็ไม่มีให้เห็นแต่อย่างใด 

สื่งที่หนังโฟกัสมากกว่าคือชีวิตครอบครัวนักมวยผู้อพยพที่พยายามหนีจากความอยุติธรรมของผู้ปกครองคอมมิวนิสต์ไปตามฝันในประเทศประชาธิปไตยที่ดูดีกว่า แต่แล้วกลับพบว่าฝันนั้นก็ยังเป็นแค่ฝัน ด้วยสังคมอยุติธรรมที่ไหนๆ ก็มี เพราะมันเกิดจากคนมากกว่าระบบ แน่นอนว่าระบบมีส่วนช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าคนไม่ดีเข้าไปยึดครองระบบนั้นได้สุดท้ายมันก็กลายเป็นการครอบครองทางกฏหมายที่ต่อต้านไม่ได้ อย่างการที่ตัวเอกต้องโดนสัญญาที่เซ็นไว้เองแต่ไม่เป็นธรรมเล่นงาน โดยโปรโมเตอร์คนโปแลนด์ด้วยกัน ซึ่งจริงๆ เขาก็ไม่ได้ผิดเพราะธุรกิจมันก็แบบนี้ ซึ่งหนังก็ชี้ให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วตัวเอกก็ยังหวนกลับมาประเทศบ้านเกิดอยู่ดี แม้จะได้สัญชาติอังกฤษแล้วก็ตามครับ

ตัวนักแสดงเองก็มีปัญหาที่ตัวเอกดูไม่เหมือนนักมวยจริงๆ เลย เหมือนดาราที่มารับบทนี้โดยไม่ได้ฟิตร่างกายไว้ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ดูรู้สึกไม่เชื่อถือตลอดว่านี่เป็นนักมวยพรสวรรค์สุดเก่งที่ชนะใครได้ง่ายๆ ตลอด หรือแม้แต่ฉากที่ตัวเอกต้องบ้าเลือดจากการโดนต่อยก่อนก็ทำออกมาให้ดูตลกมากกว่าจะเป็นจริงได้ แล้วตอนเป็นเด็กกับตอนโตก็มีการเปลี่ยนผ่านนักแสดงที่ไม่น่าเชื่อถือเลยเป็นคนละคนกันจนเกินไป เหมือนผู้กำกับไม่สนใจจะแคสนักแสดงให้คล้ายกันเลยสักนิดครับ

 

สรุป หนังนักมวยโปแลนด์ที่ใช้ประวัติศาสตร์ช่วงคอมมิวนิสต์ปกครองมาเล่นเป็นแบ็คกราวด์หลวมๆ แค่นั้น แต่เน้นไปที่เรื่องราวชีวิตนักมวยผู้อพยพในลอนดอนที่ลำบากยากแค้นไม่เป็นไปตามฝัน จนกระทั่งยอมทำผิดกับอาชีพและติดกับเข้าไปในบ่วงนรกของคนชาติเดียวกัน ซึ่งหนังเล่าชีวิตนักมวยช่วงนี้ได้สนุกอยู่ แต่เสียตรงที่ว่านี่เป็นหนังนักมวยที่ฉากต่อสู้บนสังเวียนแทบไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ฉากไคลแม็กซ์จะเป็นการชิงแชมป์โลกก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย ตัวเอกของเรื่องร่างกายก็ไม่เหมือนนักมวยจริง ซึ่งหนังละเลยส่วนนี้จนพลาดไปมาก ใครที่หวังหนังนักมวยดราม่ากับฉากสู้ดีๆ แบบร็อกกี้ก็คงผิดหวังครับ

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!