รีวิว Caught (Netflix) ซีรีส์ฮาร์ลาน โคเบนที่เล่าเรื่องคนหายได้แตกต่างออกไป แต่ก็ยังซับซ้อนเหมือนเดิม
Caught
Summary
สำหรับแฟนฮาร์ลาน โคเบน เรื่องนี้ก็มีการเล่าเรื่องที่แปลกแตกต่างออกไป โดยมีปมความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนากับการให้อภัยของทุกตัวละครควบคู่กัน และแบ่งเรื่องเป็นสองส่วน 3 ตอนแรกคือการตามหาเด็กสาวที่หายไปโดยมีอาชญากรออนไลน์ล่อลวงเหยื่อเป็นปมเรื่องหลักที่ต่อเนื่องไปยังการชดใช้ความผิดใน 3 ตอนหลังที่เล่าเรื่องแตกต่างกันไปเลย และก็มีคนร้ายหลายคนที่เชื่อมต่อเรื่องราวความผิดที่แตกต่างแยกกันไปได้อย่างซับซ้อนมาก (ตามสูตรฮาร์ลาน โคเบนเลย) แต่พฤติกรรมของตัวเอกในช่วงหลังดูไม่สมเหตุผล และดูขาดความน่าเชื่อถือของนักข่าวสอบสวน รวมถึงตอนจบที่คนร้ายเฉลยตัวเองอย่างง่ายๆ จนไม่ค่อยสมเหตุผลนัก แต่ซีรีส์ก็ยังคงความน่าสนใจด้วยโครงเรื่องที่ซับซ้อนและน่าติดตามอยู่เหมือนเดิมครับ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- โครงเรื่องซับซ้อนและน่าติดตามแตกต่างจากฮาร์ลาน โคเบนเรื่องอื่นๆ
- สำรวจประเด็นลึกทางอารมณ์ เช่น การให้อภัย ความยุติธรรม
- นำเสนอปมชีวิตของตัวละครหลายมิติ
- เรื่องราวเกี่ยวกับภัยออนไลน์และการล่อลวงเด็ก
- มีพากย์ไทย
Cons
- การกระทำของตัวเอกขาดความสมเหตุผลบางช่วง
- การแก้ปมเรื่องดูรวบรัดเกินไป
ADBRO
Caught จับให้อยู่หมัด ซีรีส์ Original Netflix แนวสืบสวน 6 ตอนจบ มีพากย์ไทย เรื่องราวของผู้สื่อข่าวเอมา กาเรย์ ที่ชีวิตของเธอพลิกผันอย่างคาดไม่ถึงเมื่อเธอพบกับลีโอ เมอร์เซอร์ นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งกลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในการสอบสวนการหายตัวไปของเด็กหญิงวัย 16 ปี
รีวิว Caught จับให้อยู่หมัด (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
ซีรีส์จากนวนิยายของฮาร์แลน โคเบน อีกเรื่องที่เน็ตฟลิกซ์ซื้อลิขสิทธิ์และกระจายให้ทีมงานในหลายประเทศสร้าง โดยครั้งนี้เป็นผลงานจากประเทศอาร์เจนตินา
เรื่องราวดำเนินตามสูตรสำเร็จของนักสืบคดีคนหาย แต่มีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและแตกต่างอย่างโดดเด่น ตัวเอกเอมา กาเรย์ เป็นนักข่าวหญิงที่มีแรงขับจากความเศร้าหลังสูญเสียสามีจากอุบัติเหตุรถชนแบบหนีคดี เธอจึงทุ่มเทชีวิตติดตามอาชญากรที่มักหลุดพ้นจากความยุติธรรม จนกลายเป็นนักข่าวสอบสวนที่มีชื่อเสียง แต่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียยังคงอยู่ในใจ และความต้องการพิพากษาคนขับรถคนนั้นก็ยังไม่เคยจางหาย กระทั่งเธอต้องเผชิญกับคดีการหายตัวไปของเด็กสาว ซึ่งเธอเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย เรื่องนี้จึงไม่เพียงเป็นการสืบสวนคดีอาชญากรรม แต่ยังเป็นการสำรวจความหมายของการให้อภัย โดยถักทอเรื่องราวผ่านตัวละครหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นเอมา กาเรย์ เด็กสาวที่หายตัวไป และแม้กระทั่งอาชญากรที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ซีรีส์เรื่องนี้มีโครงสร้างการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและน่าสนใจ แบ่งออกเป็นสองช่วงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในสามตอนแรก เรื่องราวมุ่งเน้นไปที่การสืบหาเด็กสาวที่หายไป โดยเปิดเผยให้เห็นถึงอันตรายจากการล่อลวงในโลกออนไลน์ ตัวเอกเอมา กาเรย์ ค้นพบว่าอาชญากรอาจอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด การตามล่าของเธอนำไปสู่การเปิดโปงความจริงที่ไม่คาดคิด และท้ายที่สุดเธอกลับพบว่าการกระทำของตนเองกลับกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ยากจะให้อภัย
ในช่วงหลังตั้งแต่ตอนที่ 4 เป็นต้นไป เรื่องราวเปลี่ยนไปสู่การไถ่โทษและสำรวจความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซีรีส์เริ่มเปิดเผยมุมมองที่ซ่อนเร้นจากครึ่งแรกของเรื่อง โดยเป็นโลกของเด็กสาวที่ใจแตกและต้องไปพบกับอาชญากรตัวร้ายที่วางแผนเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งเรื่องถูกวางไว้ซับซ้อนมากหลายชั้น ทั้งตัวคนร้ายที่มีอดีตซับซ้อนย้อนหลังไปไกลมาก กลายเป็นปมเรื่องจากคนหายกลายมาเป็นการวางแผนฆาตกรรมอำพราง ซึ่งเรื่องก็ยังซ้อนทับในตอนท้ายให้มีคนร้ายมากกว่าที่คาดไว้ แต่ทุกคนก็จะมีปมชีวิตอีกด้านที่น่าเห็นใจไม่น้อยเหมือนกัน และก็นำมันมาเชื่อมต่อกับปมชีวิตของตัวเอกเอมา กาเรย์ด้วยเช่นกันครับ
ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงดำเนินเรื่องในสไตล์ของฮาร์แลน โคเบน แม้จะมีความแตกต่างไปบ้าง แต่ก็มีความไม่สมเหตุผลในการดำเนินเรื่องของตัวละครเอก เอมา กาเรย์ พฤติกรรมบางอย่างของเธอดูไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของนักข่าวสอบสวน อาทิ การเปิดประตูให้อาชญากรเข้ามาข่มขู่โดยไม่ระมัดระวัง หรือการพุดคุยกับฆาตกรกลางป่าเพียงสองต่อสอง เพื่อให้ได้คำสารภาพ ซึ่งเป็นการกระทำที่เสี่ยงอันตรายและขาดความสมเหตุผล หรือตอนสุดท้ายของเรื่องที่เฉลยตัวคนร้ายเพิ่มก็ดูไม่สมเหตุผลเท่าไหร่ที่คนร้ายยอมสารภาพเองง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากการบีบอัดเนื้อเรื่องให้พอดีกับความยาว 6 ตอน ทำให้บทต้องถูกตัดทอนและรวบรัดเพื่อให้เรื่องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
โดยรวม สำหรับแฟนฮาร์ลาน โคเบน เรื่องนี้ก็มีการเล่าเรื่องที่แปลกแตกต่างออกไป โดยมีปมความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนากับการให้อภัยของทุกตัวละครควบคู่กัน และแบ่งเรื่องเป็นสองส่วน 3 ตอนแรกคือการตามหาเด็กสาวที่หายไปโดยมีอาชญากรออนไลน์ล่อลวงเหยื่อเป็นปมเรื่องหลักที่ต่อเนื่องไปยังการชดใช้ความผิดใน 3 ตอนหลังที่เล่าเรื่องแตกต่างกันไปเลย และก็มีคนร้ายหลายคนที่เชื่อมต่อเรื่องราวความผิดที่แตกต่างแยกกันไปได้อย่างซับซ้อนมาก (ตามสูตรฮาร์ลาน โคเบนเลย) แต่พฤติกรรมของตัวเอกในช่วงหลังดูไม่สมเหตุผล และดูขาดความน่าเชื่อถือของนักข่าวสอบสวน รวมถึงตอนจบที่คนร้ายเฉลยตัวเองอย่างง่ายๆ จนไม่ค่อยสมเหตุผลนัก แต่ซีรีส์ก็ยังคงความน่าสนใจด้วยโครงเรื่องที่ซับซ้อนและน่าติดตามอยู่เหมือนเดิมครับ
อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่
รีวิว Just One Look อย่ามอง (Netflix) รูปแบบการเล่าเรื่องซ้ำซาก แต่ก็เป็นไปตามสไตล์ฮาร์ลาน โคเบน