รีวิว Clark (Netflix) ชีวประวัติสุดปั่นของจอมโจรที่มาของโรคจำเลยรัก
Clark
สรุป
ซีรีส์ชีวประวัติโจรชื่อดังที่กลายมาเป็นตำนานปล้นธนาคารที่มาของโรคจำเลยรัก สต็อกโฮล์ม ซินโดรม ตัวเรื่องนำเสนอเรื่องราวสุดโต่งทั้งจริงทั้งสมมุติผ่านการแสดงสุดปั่นของบิลล์ สการ์สการ์ด ที่เข้ากันมากๆ แต่ด้วยความที่เรื่องแต่งเติมนำเสนอแบบปั่นมากแทบแยกไม่ออกว่าส่วนไหนจริงส่วนไหนแต่ง ก็ทำให้เรื่องดูเรื่อยเปื่อยรายทางเยอะเกินไปหน่อยกว่าจะเข้าถึงฉากสำคัญของเรื่อง และความคัลท์ของเรื่องก็สูงมากจนผู้ชมทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึง
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- ชีวประวัติกึ่งสมมุติของโจรชื่อดัวของโลกจากสวีเดน
- ที่มาของโรคจำเลยรัก สต็อกโฮล์ม ซินโดรม
- การแสดงของบิลล์ สการ์สการ์ด ที่หลุดโลกตามบทมากๆ
- โทนภาพยุคเก่าที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา
- ฉาก SEX โป๊เปลือยเยอะมาก
- ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบ
Cons
- เรื่องแต่งเสริมเข้าไปเยอะจนดูเรื่อยเปื่อยมากไปหน่อย
- ฉาก SEX เยอะจนดูพร่ำเพรื่อมากเกินไป
Clark คลาร์ก ลืมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบจากสวีเดน เรื่องราวขีวประวัติของโจรปล้นธนาคารชื่อกระฉ่อน Clark Olofsson จากคดีดังปล้นธนาคารในกรุงสต็อกโฮล์ม ที่เป็นเหตุการณ์จับตัวประกันลากยาวหลายวัน จนกลายมาเป็นตัวประกันหลงรักกับเขาแบบจำเลยรัก ซึ่งเป็นที่มาของอาการทางจิตที่เรียกว่า สต็อกโฮล์ม ซินโดรม อย่างเป็นทางการ
ตัวอย่าง Clark คาล์ค
ซีรีส์เล่าเรื่องในแนวชีวประวัติกึ่งสมมุติ โดยบอกไว้แต่แรกแล้วว่านี่คือเรื่องจริงผสมแต่งเติม ซึ่งตัวแต่งเติมนี่คือเรื่องแนวเฮฮาจิตหลุดเพี้ยนๆ ถึงขั้นบางทีกลายเป็นฉากแอนิชั่นกาวๆ ขึ้นมาเลย ที่เรื่องนำเสนอแนวนี้ได้เพราะตัวคลาร์กเป็นพวกชอบผจญภัยสุดโต่งหลงตัวเอง เลวโดยสันดานแบบแก้ไม่ได้ แล้วก็ใช้ความเลวนี้สร้างชื่อผ่านอาชญากรรมในทุกช่วงเวลาของชีวิต แต่เป็นอาชญากรรมแบบไม่มีใครเจ็บตาย ซึ่งคลาร์กเองรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักแสดงที่เขียนบทเองเล่นเอง แบบนึกว่าโลกนี้คือฉากใหญ่ที่มีเขาเป็นตัวเอกสร้างความเบันเทิงให้แก่ผู้ชมที่ติดตามเขาผ่านข่าวดังจากสื่อต่างๆ ในสมัยนั้น ที่เรื่องเกิดในยุค 60 ลากยาวมาจนถึงยุคปัจจุบัน จนตอนนี้อายุ 75 ปี ซึ่งผู้คนก็หลงเสน่ห์คลาร์กจริงๆ จนสื่อจับติดตามเสนอข่าวหน้าหนึ่งตลอดเหมือนเซเลปคนดังแห่งยุค ตัวซีรีส์ก็เลยปั่นสร้างพล็อตเรื่องให้สนุกแบบกาวๆ ขึ้นไปอีก
แต่ในความกาวของเรื่องนั้นก็เส้นเรื่องชีวประวัติจริงของเขาแทรกอยู่เรื่อยๆ โดยผู้ชมจะรู้ได้จากบางฉากที่มีภาพขาวดำของจริงผ่านสื่อในตอนนั้นมาประกอบฉากจำลองในเรื่อง ซึ่งตรงนี้อาจจะแยกยากอยุ่บ้างเพราะเรื่องใส่ความกาวเพี้ยนๆ ของคลาร์คมาจนแทบกลบประวัติจริงของเรื่องจนหมด และด้วยความที่ความที่ตัวเรื่องเล่นเรื่อยเปื่อยเฮฮามากขนาดนี้ ทำให้ไฮไลท์ของเรื่องปล้นธนาคารในกรุงสต็อกโฮล์มกว่าจะมาก็ปาไปตอน 3 ไปจบที่ตอน 4 ซึ่งนี่คือช่วงที่สนุกสุดของเรื่องแล้วจริงๆ หลังจากนั้นไปเรื่องก็ลากยาวกาวไปเรื่องอื่นต่อถึงการพยายามทำหนังสือชีวประวัติของเขาให้เป็นตำนานอย่างที่วางแผนชีวิตไว้ตั้งแต่แรกๆ
สิ่งที่เรื่องเน้นหนักมากๆ อีกอย่างคือพวกฉาก SEX แบบจัดเต็มจริงๆ เปลือยเกือบหมด แทบจะเป็นหนังโป๊เลยก็ว่าได้ ซึ่ชีวิตคลาร์คเองก็หมกหมุ่นกับผู้หญิงมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ เริ่มจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่นจากผู้เป็นพ่อ ทำให่แม่ต้องคอยมาช่วยดูแลเขา จนเกิดเป็นปมค่อยๆ ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดผู้หญิงไม่ได้ จนกลายมาเป็นการหลงรักคบกับสาวๆ หลายคนในชีวิต พร้อมทั้ง SEX มั่วซั่วตามทางอีกนับไม่ถ้วน ที่เรื่องก็ขยันใส่ฉากพวกนี้เขามาแบบถี่ยิบจริงๆ
นอกจากเรื่องแนวบันเทิงที่ซีรีส์พยายามขายแบบจัดเต็มแล้ว ตัวเรื่องก็มีมุมดราม่าเศร้าๆ แทรกอยู่ด้วยเช่นกัน โดยตัวเรื่องค่อยๆ แทรกแฟลชแบ็คย้อนอดีตปมถูกพ่อทำร้ายทั้งร่างกายจิตใจอย่างหนัก เป็นพ่อที่เลวได้โล่ห์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คลาร์คกลายมาเป็นคนแบบนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็มีพยายามไม่ให้ครอบครัวปัจจุบันกลายเป็นแบบนั้น
จุดขายของเรื่องอีกอย่างคือตัวนักแสดงนำ Bill Skarsgård ซึ่งคนอาจจะรู้จักเขาจากบทตัวตลกใน IT หนังสยองขวัญสตีเฟนคิง ด้วยหน้าตาที่หล่อแบบจิตๆ ทำให้เหมาะเจาะกับบทนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งบิลเองก็จัดเต็มกับบทนี้มากเล่นเองตั้งแต่หนุ่มจนแก่
ซีรีส์จบเรื่องราวแบบไม่จำเป็นต้องเคลียร์ปมอะไร ไม่มีจุดพีค เป็นเรื่องราวแบบกึ่งๆ ปลายเปิด ซึ่งจบแล้วก็จบ เป็นซีรีส์ที่มีความคัลท์เฉพาะตัวสูง อาจจะถูกใจสายกาว แต่ผู้ชมทั่วไปน่าจะปวดหัวกับการนำเสนอสุดโต่งแบบนี้พอดูเลยทีเดียว