playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Clickbait คลิกล่อตาย อาชญากรรมออนไลน์สะเทือนสังคมที่ลึกลับซับซ้อนเกินคาดเดา (ไม่มีสปอยล์)

Clickbait

สรุป

ลิมิเต็ดซีรีส์ 8 ตอนจบที่เล่นเรื่องราวการสืบสวนผ่านเทคโนโลยีต่างๆ ในโลกออนไลน์ได้ดีเลย บทมีความลึกซับซ้อนสูง คาดเดาตัวคนร้ายได้ยากมาก แต่ถ้าใครหวังแนวสืบสวนไล่ล่าลุ้นระทึกคงไม่ใช่ เพราะตัวเรื่องโฟกัสไปที่ดราม่าผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้นแบบเรียลๆ เป็นไปได้จริง สะท้อนปัญหาสังคมยุคใหม่ที่ชีวิตผู้คนเสพติดโลกออนไลน์ จนทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายๆ ตามมา

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ผ่านทั้งตัวคนร้ายและฝ่ายตัวเอก
  • บทวางไว้ซับซ้อนคาดเดาคนร้ายได้ยากมาก
  • เดินเรื่องแบบเรียลๆ เน้นผลกระทบของคดีที่เกิดขึ้น
  • สะท้อนปัญหาสังคมยุคใหม่ที่เสพติดโลกออนไลน์ได้ดี
  • ตีแผ่ด้านลบวงการสื่อได้ดีมาก
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • เรื่องราวความสนุกแกว่งขึ้นลงในแต่ละตอนไม่ไต่ความพีคไปตามลำดับเรื่อง (แต่ไม่มีตอนแย่ แค่กลางๆ กับดี)
  • คนร้ายตัวจริงค่อนข้างเว่อร์เกินไปนิดๆ ผิดกับที่เรื่องพยายามปูให้สมจริง
  • ปมเสริมตัวละครหลักใส่มาแบบผ่านๆ (ตำรวจอิสลาม เรื่องรัก)
  • การกระทำของตัวละครเด็กในตอนสุดท้ายของเรื่องขาดเหตุผลมากไป

 

ADBRO

Clickbait คลิกล่อตาย ลิมิเต็ดซีรีส์ 8 ตอนจบ จาก Netflix ออสเตรเลีย (ร่วมกับอเมริกา) เรื่องราวอาชญากรรมผ่านโลกออนไลน์ที่กลายมาเป็นคดีสะเทือนสังคมสุดลึกลับซับซ้อนเกินคาดเดา

 Clickbait (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Clickbait คลิกล่อตาย

ซีรีส์เรื่องนี้หยิบจับเรื่องราวอาชญากรรมผ่านโลกออนไลน์มาเป็นจุดขายด้วยพล็อตเรื่องแนวคนร้ายจับคนไปถ่ายวิดีโอเรียกยอดวิวถ้าถึงเป้าก็ตาย ซึ่งอาจจะไม่ใหม่นักเพราะพวกแนวการ์ตูนญี่ปุ่นก็มีอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ต้องบอกว่าสำหรับเรื่องนี้แตกต่างออกไปมาก แม้พล็อตเรื่องอาจจะดูเหมือนแนวอาชญากรไซเบอร์ร้ายๆ เน้นไวรัลหวือหวา แต่เนื้อหาจริงๆ ของเรื่องกลับลงลึกและเน้นสะท้อนปัญหาสังคมมากกว่าจะไปมุ่งเน้นที่ความหวือหวาตามพล็อตเรื่องที่วางไว้

เนื้อเรื่องเริ่มจากนิคพ่อบ้านลูกสองที่แต่งงานกับสาวผิวดำใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่ๆ เขาก็ไปปรากฎตัวบนในวิดีโอบนโซเชียลพร้อมกับถือป้ายว่าเขาเป็นฆาตกรฆ่าผู้หญิง และถ้าคนดูคลิปนี้ครบ  5 ล้านเขาจะตาย ซึ่งครอบครัวของนิคก็ต้องค้นหาคำตอบว่านิคอยู่ที่ไหน และเรื่องที่ปรากฎในวิดีโอเป็นความจริงหรือไม่

เนื้อเรื่องกับชื่อเรื่องอาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินไปแบบเน้นนับถอยหลังยอดวิวแตะ 5 ล้าน แต่ผิดคาดที่ซีรีส์เรื่องจบเรื่องราวตามพล็อตเพียงแค่ตอนแรกทันที ซึ่งในตอนแรกนี่เนื้อเรื่องไวแบบติดจรวดเพราะแค่เปิดมาไม่ถึง 5 นาทีแรกก็เข้าเรื่องราวที่นิคโดนจับไปพร้อมเกิดไวรัลลามไปทั่วประเทศแล้ว ซึ่งหลังจากจบตอนแรกนี่แหละคือผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องราวจริงๆ ของเรื่องนี้ที่ผู้สร้างต้องการขายผลกระทบของคดีดังในยุคนี้ที่มักเกิดจากกระแสในโลกออนไลน์ปั่นกันจนทำให้เรื่องราวบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเรื่องแบ่งแต่ละตอนเป็นเรื่องราวของตัวละครในเรื่องแต่ละคน ตั้งแต่คนในครอบครัวนิค น้องสาว ภรรยา ลูก ตำรวจ นักข่าว ซึ่งทุกตัวละครจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปมปริศนาในเรื่องนี้แทบทั้งหมด โดยมีแฟลชแบ็คกับการเล่าแบ็คกราวด์ตัวละครบ้าง แต่ก็ยังเล่าเรื่องราวการสืบสวนคดีของนิคต่อไปเรื่อยๆ ด้วย โดยตัวหลักของการสืบสวนจะเป็น “เพีย” น้องสาวของนิค (รับบทโดย Zoe Kazan) กับ “โรชาน” ตำรวจมุสลิมที่อยู่แผนกคดีคนหาย และกำลังใช้คดีนี้ไต่เต้าไปยังแผนกฆาตกรรมที่สูงกว่า แต่กลับโดนคนในสถานีกีดกัน มีปมแทรกการเมืองในวงการตำรวจไว้เล็กๆ ซึ่งเพียกับโรชานคือตัวละครหลักที่ผลัดกันสืบสวนคดีนี้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเรื่อง โดยเพียมีผู้ช่วยเป็นแฮ็กเกอร์เด็กที่มีกลุ่มไขคดีนี้ช่วยอีกแรง โดยช่วยเจาะข้อมูลบางอย่างมาให้ตามที่เพียต้องการ ซึ่งโรชานก็รับไม้ต่อไปสืบสวนลงลึกต่อไป โดยทั้งคู่ก็มีซัมติงกันเล็กๆ หยอดไว้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เน้นเรื่องรักมากแบบพระเอกนาง แค่เป็นตัวเอกหลักที่ทำหน้าที่เดินหน้าสืบสวนร่วมกันเท่านั้น

คดีในเรื่องนี้เริ่มมาจากวิดีโอออนไลน์ แต่ตัวเรื่องก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น และยังใช้เรื่องราวในโลกออนไลน์กับเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่างมาร่วมในเรื่อง อย่างการค้นหานิคผ่านแอปที่ระดมคนมาช่วยตรวจสอบพื้นที่ในเมือง (คล้ายๆ โปเกมอนโก) การแฮ็กเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวในโซเชียล การสวมรอยตัวตน ตัดต่อภาพวิดีโอ เลียนเสียง ความสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ ซึ่งตัวเรื่องแทรกเรื่องเทคโนโลยีไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้ดูเป็นซีรีส์สืบสวนที่ทันสมัยเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้ในยุคนี้ และยังนำเสนอผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไปในทางที่ผิด จนส่งผลร้ายจากจุดเล็กไปสู่เรื่องใหญ่เกินคาด โดยเป็นเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วย แม้จะมีความเว่อร์อยู่นิดๆ

นอกจากแนวสืบสวนกับการใช้เทคโนโลยีในเรื่องแล้ว ตัวเรื่องก็เดินหน้าด้วยดราม่าครอบครัวแบบเรียลๆ เมื่อเรื่องค่อยๆ เฉลยความจริงเบื้องหลังของนิคขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้ภาพลักษณ์พ่อที่แสนดีค่อยๆ พังทะลายลง แม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาผิดตามในคลิปที่ออกมาจริงหรือไม่ก็ตาม ตัวนิคจึงเป็นทั้งตัวร้ายกับเหยื่อให้คนดูชั่งใจตัดสินเขาไปเรื่อยๆ จากข้อมูลในเรื่องที่ค่อยๆ เฉลยออกมา ซึ่งตัวเรื่องก็นำเสนอผลกระทบของเหตุการณ์ลงลึกในหลายด้าน โดยเฉพาะจากสื่อกับสังคมโซเชียล ในเคสนี้คดีใหญ่เป็นที่สนใจทั่วประเทศ ทำให้ครอบครัวนี้ถูกตามติดจากสื่อจนถึงขั้นละเมิดสิทธิส่วนตัว ซึ่งเรื่องก็มีแบ่งให้นักข่าวเป็นตัวเอกหนึ่งตอนแทบจะเต็มๆ เพื่อนำเสนอการทำงานของสื่อในยุคนี้ที่กระหายข่าวจนทำยังไงก็ได้ให้ได้มาซึ่งสกู๊ปเด็ด แม้จะต้องละเมิดสิทธิคนอื่นก็ตาม รวมถึงการแก่งแย่งชิงดีกันในสื่อเองด้วย ซึ่งตัวเรื่องในตอนนี้ทำออกมาดีมาก แทบจะเป็นตอนที่ทั้งขุดคุ้ยกับตอกหน้าการทำงานของสื่อแย่ๆ ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี แต่ก็น่าเสียดายที่บทของนักข่าวในตอนนี้จบลงแบบห้วนๆ ทั้งๆ ที่พยายามปูกระทั่งความสัมพันธ์แบบชายรักชายของตัวเอกในตอนนี้ไว้เยอะ

ซึ่งการที่เรื่องแยกตอนเล่าเรื่องของแต่ละตัวละครก็ทำให้เรื่องราวไม่ได้เป็นไปแบบไต่ระดับความพีคตามเส้นเรื่อง แต่ออกแนวขึ้นๆ ลงๆ ทำให้เรื่องไม่ได้ดูสนุกไปทั้งหมด อย่างตอนแรกพีคมาก พอตอนสองก็แผ่วลงหน่อย แล้วก็กลางๆ เรื่อยๆ  ไปพีคตอนนักข่าวในตอน 5 จากนั้นก็กลางๆ อีก แต่โดยรวมเมื่อเฉลยเรื่องราวทั้งหมดออกมาถือว่าทำได้ดีมาก เพราะความลึกลับซับซ้อนของเรื่องสูง เรียกว่าเดาคนร้ายแทบไม่ได้เลย หรือเดาได้ก็แค่ตัวละคร แต่ไม่สามารถเดาแรงจูงใจได้แน่นอน ซึ่งคนดูที่หวังกับการคาดเดาไม่ได้น่าจะชอบแน่ๆ เพราะมีบทหักมุมหลายครั้ง โดยที่การหักแต่ละครั้งก็ทำได้สมเหตุผล ยกเว้นตอนสุดท้ายที่อาจจะเกินจริงไปบ้างกับสถานะคนร้ายตัวจริง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถูกผูกโยงใยกันผ่านโลกออนไลน์ทั้งหมดได้อย่างลงตัว ต้องชมคนเขียนบทที่หยิบจับเอารูปแบบคดีในโลกออนไลน์หลายอย่างมาผูกกันจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้

 

นี่เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่อาจจะไม่ดุเดือดในการดำเนินเรื่องแนวสืบสวน แต่ในแง่ของการนำเสนอผลกระทบจากเทคโนโลยีของคดีดังในโลกออนไลน์ถือว่าทำได้ดีมาก ซึ่งถ้าคนดูชอบแนวดราม่าน่าจะถูกใจกว่า แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นซีรีส์ที่มีดีคุ้มค่ากับการรับชมครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!