รีวิว Cyber Hell สารคดีอาชญากรรมทางเพศผ่านโลกไซเบอร์ดังของเกาหลีใต้
Cyber Hell
Summary
หนังสารคดีอาชญากรรมทางเพศผ่านโลกไซเบอร์ที่ทรมานข่มขู่เหยื่อให้ถ่ายคลิปลับผ่านแชทเทเลแกรม ในรูปแบบค่อนข้างใหม่+ความวิปริตของคนร้ายที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจ สารคดีลำดับรายละเอียดความเป็นมาตั้งแต่ต้นจนจบได้ดี แต่ยังขาดบริบทรอบด้านที่เกี่ยวข้องอยู่พอสมควร แล้วก็เน้นเร้าอารมณ์ด้วยภาพแอนิเมชั่นกับดนตรี เนื้อหารุนแรงก็จริง แต่ไม่มีภาพหรืออะไรที่ทำให้รู้สึกติดเรต ถือเป็นสารคดีตีแผ่อาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่มีรายละเอียดน่าสนใจ แล้วรูปแบบคดีแบบนี้ก็ยังมีต่อเนื่องมาตลอดทั่วโลก เหมาะกับการเปิดดูเพื่อทำความเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีโอกาสตกเป็นเหยื่อกันได้ง่ายๆ ด้วย
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ลำดับคดีดัง Nth Room ตั้งแต่ต้นจนจบ
- ความโหดและท้าทายของตัวคนร้าย
- ใช้แอนิเมชั่นแทรกการเล่าเรื่องตลอด
- โทนภาพแบบละครเกาหลี
- ใช้นักแสดงแทนเหยื่อ
- มีเสียงพากย์ไทย
Cons
- ขาดรายละเอียดการกดดันทางสังคมของเกาหลีใต้ในตอนนั้น
- รายละเอียดการพิจารณาคดีกับข้อมูลของคนร้ายหลังถูกจับไม่มีเชิงลึกเลย
- บิ้วด้วยแอนิเมชั่นกับดนตรีเยอะไปนิด
Cyber Hell เปิดโปงนรกไซเบอร์ หนังสารคดี Netflix เกาหลีใต้จากคดีห้องแชท Nth Room ใน Telegram เมื่อปี 2019 ที่ช็อกหัวใจคนทั้งประเทศเกาหลีใต้ ปฏิบัติการไล่ล่าผู้อยู่เบื้องหลังห้องแชทออนไลน์นิรนามที่หาประโยชน์จากเหยื่ออาชญากรรมทางเพศ ต้องอาศัยความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวเพื่อทลายขบวนการอำมหิต
ตัวอย่าง Cyber Hell
หนังสารคดีจากเกาหลีใต้โดยผู้กำกับมือใหม่ Jin-seong Choi เล่าเรื่องราวลำดับความเป็นมาของคดีอาชญากรรมไซเบอร์ร้ายแรง ห้องแชท Nth Room ที่ใช้ข้อมูลส่วนตัวบังคับหญิงสาวถ่ายคลิปโป๊เปลือยและเต็มไปด้วยความรุนแรงมากมาย โดยความรุนแรงนั้นมีตั้งแต่การใช้มีดกรีดบนผิวเป็นคำว่า SLAVE (ผู้หญิงในนี้จะถูกเรียกว่า ‘ทาส’), ตัดหัวนมผู้หญิง, ยัดกรรไกรหรือของมีคมเข้าทางอวัยวะเพศ, บังคับให้ผู้หญิงกินของเสียในห้องน้ำ, ปล่อยหนอนเข้าไปในช่องคลอด เป็นต้น ซึ่งเหยื่ออายุน้อยสุดของห้องแชทนี้คือ 11 ปี โดยมีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อตามข่มขู่เหยื่อโดยเฉพาะ ซึ่งนี่เป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปี 2018-2019 เพียงปีกว่าแต่มีผู้เสียหายเกือบร้อยคน มีผู้คนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมนี้โดยตรงหลายร้อยคน รวมถึงผู้ชมนับแสนที่จ่ายเงินแลกกับการได้ดูคลิปทรมานเหยื่อแบบนี้
ตัวสารคดีเรื่องนี้ใช้ตัวแสดงถ่ายทำจำลองแทนเหยื่อเพื่อไม่ให้เกิดบาดแผลทางจิตใจมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเราจะไม่ได้เห็นหรือได้ยินเสียงจากเหยื่อโดยตรง มีเพียงคำบอกเล่าจากพยานที่เกี่ยวข้องอย่างคนแจ้งเบาะมายังนักข่าวเท่านั้น แต่ตัวนักข่าว ตำรวจ พวกนี้จะเป็นคนที่เกี่ยวข้องในคดีจริงๆ มาร่วมเล่าลำดับความเป็นมาของคดีตั้งแต่จุดแรกเริ่มที่เป็นข่าวเล็กๆ จากอีเมล์ผู้แจ้งเบาะแส และตัวนักข่าวก็ยังไม่รู้ว่าคดีนี้จะใหญ่โตขนาดนี้ ซึ่งก่อนนี้ก็มีคนแจ้งตำรวจไป แต่คดีก็ไม่ได้รับความสนใจมาก แม้แต่การที่สื่อหนังสือพิมพ์ลงหน้าหนึ่งก็ยังไม่ได้รับความสนใจ เพราะเรื่องแนวปล่อยคลิปลับในยุคนี้มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมากมายในสังคมดิจิตอลอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้คดีนี้แตกต่างออกไปแล้วทำให้สังคมเริ่มมาสนใจจนเป็นข่าวดังขึ้นเรื่อยๆ ก็คือการที่ผู้ก่อตั้งห้องแชต NtH Room นี้ทรมานเหยื่อด้วยวิธีการโหดซาดิสต์หลายอย่าง โดยใช้แอปเทเลแกรมของรัสเซียที่สามารถลบข้อมูลทั้งหมดออกไปอย่างง่ายๆ ช่วยปกปิดซ่อนเร้นอาชญากรรมได้เป็นอย่างดี โดยห้องในเทเลแกรมจะมีลำดับความซาดิสต์เป็นคลาสขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้เข้าชมจะต้องจ่ายค่าสมาชิกในราคาที่สูงมากหลายหมื่นบาทผ่านเงินคริปโต และมีผู้ชมหลักแสนคนที่ดูคลิปอาชญากรรมทางเพศที่รุนแรงพวกนี้
และอีกอย่างที่ทำให้คดีนี้กระตุ้นความสนใจของผู้คนก็จากการที่ตัวคนร้ายทั้ง 2 คนที่ใช้ชื่อ พัคซากับก็อดก็อด ท้าทายกับสื่อที่ออกข่าวไปด้วยการปล่อยภาพกับคลิปเหยื่อรายใหม่ข่มขู่นักข่าว ถึงขั้นขู่ว่าจะทำให้เหยื่อฆ่าตัวตายถ้ายังนำเสนอข่าวต่อไป จนกระทั่งเรื่องมาถึงรายการทีวีชื่อดังมาร่วมเปิดเผยจนเป็นการไล่ล่าตามจับคนร้ายผ่านร่องรอยทางออนไลน์ที่สุดก็นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษจนได้
การเล่าเรื่องในสารคดีนี้ค่อนข้างจะพยายามบิ้วอารมณ์ตลอดเวลาด้วยภาพแอนิเมชั่นภาพเคลื่อนไหวหรือดนตรีประกอบตลอดเวลา ซึ่งดูแตกต่างจากสารคดีของทางฝรั่งอยู่มากพอสมควร ในแง่ดีคือทำให้มีภาพเล่าเรื่องราวแปลกแตกต่างออกไป ลดความรุนแรงของเรื่องราวช่วยโน้มน้าวอารมณ์คนดูได้ แต่อีกแง่ก็รู้สึกว่าค่อนข้างเยอะไปสักหน่อย เหมือนผู้สร้างยังเป็นมือใหม่ทางสารคดีที่พยายามเอาส่วนนี้มาใช้ดึงดูดมากกว่าข้อมูลเจาะลึก ซึ่งตัวเรื่องค่อนข้างลำดับความเป็นมาได้ละเอียด แต่หลังคนร้ายถูกจับและตัดสินเนื้อหาส่วนนี้ขาดหายไป น่าจะมีเชิงลึกติดต่อพูดคุยกับทนายหรือบรรยากาศในสังคมต่างๆ ในตอนนั้น ซึ่งถ้าตามข่าวจริงในตอนแรกตำรวจปกปิดไม่ได้เปิดเผยตัวคนร้าย ทำให้สังคมร่วมกันกดดัน โดยมีดารานักแสดงในวงการของเกาหลีช่วยอีกแรงผ่านเว็บ Change.org ซึ่งในสารคดีก็ข้ามไปไม่มีพูดถึงเลย ทำให้เป็นเหมือนสารคดีเล่าลำดับความเป็นมาของเรื่องราวในคดีนี้เท่านั้น
ถือเป็นสารคดีตีแผ่อาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่มีรายละเอียดน่าสนใจ แล้วรูปแบบคดีแบบนี้ก็ยังมีต่อเนื่องมาตลอดทั่วโลก เหมาะกับการเปิดดูเพื่อทำความเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีโอกาสตกเป็นเหยื่อกันได้ง่ายๆ ด้วย