รีวิว Damsel ดรุณีผู้พิชิต (Netflix) บทสู้ชนะมังกรเดาเรื่องได้ง่าย แต่สนุกช่วงการเอาชีวิตรอด!
Damsel ดรุณีผู้พิชิต
Summary
หนังแอ็กชั่นแฟนตาซีเอาชีวิตรอดจากมังกรด้วยตัวคนเดียวที่ทำได้สนุกดี โดยมี Millie Bobby Brown แบกเรื่องไว้ให้น่าติดตาม แม้จะมีช่องโหว่ของเรื่องให้เห็นหลายครั้งก็พอมองข้ามได้จากความเป็นแฟนตาซีที่นำใช้ งาน CG มังกรออกมาดีมาก แต่มังกรดันพูดได้ก็เลยอาจจะแปลกๆ และบทเขียนให้มังกรดูไม่ฉลาด ซึ่งหนังก็พยายามอย่างมากที่จะหาทางออกให้จบเรื่องได้ดี แต่ก็ไม่เซอร์ไพรส์อย่างที่คาดหวังไว้ครับ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- เล่าเรื่องตรงข้ามกับตำนานเจ้าหญิงเจ้าชายปกติ
- แนวชีวิตรอดแบบแฟนตาซี
- นักแสดง Millie Bobby Brown
- งาน CG ดีมาก
- มีพากย์ไทย
Cons
- เรื่องค่อนข้างคาดเดาได้ง่าย
- ฉากการเอาชนะมังกรไม่ได้เซอร์ไพรซ์
- บทมีช่องโหว่หลายครั้ง
Damsel ดรุณีผู้พิชิต ภาพยนตร์ Original Netflix แนวแอ็กชั่นแฟนตาซี มีพากย์ไทย หญิงสาวลูกเจ้าเมืองแร้นแค้นตกลงแต่งงานกับเจ้าชายจากอาณาจักรใหญ่ โดยไม่รู้ว่าได้ตกเป็นเครื่องสังเวยมังกรไฟโบราณ เธอจึงต้องพึ่งไหวพริบและอุปกรณ์ติดตัวมาทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้
รีวิว Damsel ดรุณีผู้พิชิต (ไม่สปอยล์)
นี่เป็นหนังแอ็กชั่นแฟนตาซีที่สร้างจากนิยายในชื่อเดียวกันของนักเขียนนามปากกา Elana K. Arnold ซึ่งเธอก็คิดพล็อตได้แปลกกลับด้านกับเรื่องราวในเทพนิยายเรื่องอื่นอย่างสุดขั้ว และนอกจากจะต้องเอาชีวิตรอด ยังต้องต่อสู้กับมังกรไฟที่ร้ายกาจขนาดที่เมืองนี้ยังต้องยอมแพ้มันและทำสัญญาบูชายัญไว้ให้อีก ซึ่งความแปลกพิสดารของเรื่องนี้ก็เลยต้องปูพื้นเรื่องให้ทุกอย่างขึ้นมาให้สมเหตุผลมากที่สุด ซึ่งนางเอกต้องแกร่งตั้งแต่ภาพลักษณ์ติดตัว ทำนักแสดงอย่าง Millie Bobby Brown เหมาะเจาะกับบทนี้มากจริงๆ และก็เป็นคนช่วยแบกหนังเรื่องนี้ไว้มากกว่าบทที่พยายามอย่างมากด้วยซ้ำ
หนังเขียนให้นางเอกอยู่เมืองเล็กๆ ที่แร้นแค้น ต้องผ่าฟืนหาอาหารเลี้ยงช่วยชาวเมืองเหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ก่อนที่ครอบครัวของเธอจะได้รับคำขอแต่งงานจากอาณาจักรใหญ่ ซึ่งเรื่องก็พยายามใส่รายละเอียดลงไปให้เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงแกร่งไม่ได้สนใจแต่งงานแบบนี้ แต่ทำไปเพื่อช่วยชาวเมือง และก็ยังตามมาด้วยบทสนทนากับขี่ม้าไปกับเจ้าชาย โดยไม่ใช่เพื่อหลอกผู้ชม แต่เป็นการสร้างซีนพูดคุยให้เห็นว่านางเอกมีความห้าวแกร่งมากกว่าผู้หญิงธรรมดา มีความสนใจในเขาวงกตตั้งแต่เด็ก มีการปูเรื่องของตำนานมังกรและความเอะใจของแม่เลี้ยงนางเอกว่าการแต่งงานนี้น่าจะผิดปกติ ซึ่งการปูเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างสตอรี่ให้ตัวละครเหล่านี้ได้มีบทบาทภายหลัง ก่อนที่นางเอกจะโดนหลอกให้เป็นเครื่องบูชายัญในครึ่งชั่วโมงแรก
หนังดำเนินไปแบบแนวเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวในถ้ำมังกร ซึ่งเรื่องก็พยายามใช้ประโยชน์ทุกอย่างที่นางเอกมีติดตัวกับสิ่งแวดล้อมในถ้ำเพื่อเอาตัวรอดจากมังกรร้ายนี้ให้ได้ และก็ทำได้สนุกเป็นเหตุเป็นผลในแต่ละอย่างที่นางเอกคิดและทำมันออกมา อย่างการหาแสงในถ้ำที่มืดมิด การเอาอุปกรณ์เสื้อผ้าเจ้าหญิงที่มีชิ้นส่วนรุงรังมาใช้ประโยชน์ โดยอาศัยความแฟนตาซีของเรื่องมาช่วยอุดช่องโหว่เว่อร์ๆ ที่เรื่องสร้างไว้ให้หายไป ซึ่งเรื่องก็พยายามเค้นการเอาชีวิตรอดส่วนนี้ออกมาให้ดูเป็นไปได้ที่สุด พร้อมกับเล่าเรื่องเหยื่อเจ้าหญิงคนก่อนๆ ที่ตกลงมาพร้อมกันไปด้วย ซึ่งแม้มันจะมีจุดแปลกๆ ที่ชวนให้เอ๊ะอยู่บ้าง แต่หนังก็เดินเรื่องเร็วรีบๆ ข้ามส่วนนี้ ไป โดยช่วงที่ติดอยู่ในถ้ำจริงๆ คือชั่วโมงแรกเท่านั้น เป็นการหนีมังกรล้วนๆ ก่อนที่เวลาที่เหลือคือการกลับไปต่อสู้กับมังกร ซึ่งนี่คือไฮไลท์สำคัญว่าเธอจะชนะเจ้ามังกรร้ายนี้ได้ยังไง ซึ่งบทหนังก็พยายามหาวิธีที่เป็นไปได้ให้ผู้ชมเชื่อมากที่สุด โดยโยงเรื่องเข้ากับตำนานมังกรที่เธอมาค้นพบความจริงภายในถ้ำแห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์เพราะเรื่องชี้ให้เห็นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เพียงแต่บทดันเขียนให้นางเอกอาภัมบทยืดเยื้อเสียนานกว่าจะนำมันมาใช้ ซึ่งดูแล้วค่อนข้างขัดใจและก็ไม่ได้ทำให้ช่วงชนะมังกรดูน่าตื่นตาตื่นใจมากเท่ากับการถูกมังกรไล่ล่าที่ดูกดดันกว่า แต่หนังก็ยังมีตอนจบท้ายสุดช่วงเวลาแห่งการแก้แค้นที่สาแก่ใจพอชดเชยได้อยู่ เพียงแต่มันมีน้อยไปหน่อยเท่านั้นครับ
หนังมีงาน CG มังกรกับฉากต่างๆ ที่สวยมาก โดยภาพลักษณ์มังกรในเรื่องก็ออกมาดุร้ายน่ากลัวดี แต่ที่แย่คือดันให้มังกรพูดได้และก็พูดออกมาเยอะเหมือนการ์ตูนแอนิเมชั่น ซึ่งก็พอเข้าใจว่าไม่งั้นคนเขียนบทคงหาทางเล่าเรื่องปูมหลังมังกรลำบาก เลยให้มันพูดได้ซะเลยจะได้จบๆ แล้วมังกรในตำนานทั่วไปก็มักพูดได้อยู่แล้ว แต่พอเรื่องนี้มันทำตรงข้ามแล้วพูดได้ขยันสื่อสารกับนางเอก เลยกลายเป็นให้ผลตรงกันข้ามคือมันลดความดุร้ายน่ากลัวลงไปเลย แถมบทพูดยังทำให้มังกรดูไม่ฉลาด และมันยังทำให้เดาเรื่องได้เลยว่าหนังจะจบอย่างไรครับ
สรุปเป็นหนังแอ็กชั่นแฟนตาซีเอาชีวิตรอดจากมังกรด้วยตัวคนเดียวที่ทำได้สนุกดี โดยมี Millie Bobby Brown แบกเรื่องไว้ให้น่าติดตาม แม้จะมีช่องโหว่ของเรื่องให้เห็นหลายครั้งก็พอมองข้ามได้จากความเป็นแฟนตาซีที่นำใช้ งาน CG มังกรออกมาดีมาก แต่มังกรดันพูดได้ก็เลยอาจจะแปลกๆ และบทเขียนให้มังกรดูไม่ฉลาด ซึ่งหนังก็พยายามอย่างมากที่จะหาทางออกให้จบเรื่องได้ดี แต่ก็ไม่เซอร์ไพรส์อย่างที่คาดหวังไว้ครับ