รีวิวซีรีส์ 18+ Dark Desire เล่ห์กลบ่วงตัณหา อาชญากรรมอำพราง (ไม่สปอยล์)
Dark Desire
สรุป
หน้าหนังดูเหมือนขายแต่ฉาก SEX แต่ตัวเรื่องมีดีกว่าที่เห็นมาก เป็นแนวอีโรติกทริลเลอร์ที่บทมีชั้นเชิงล่อหลอกคนดูให้เขวว่า อะไรจริง? อะไรเท็จ? ได้ตลอดเรื่อง แทบไม่หยุดพักกันจนนาทีสุดท้าย ดารานักแสดงเล่นกันแบบถึงพริกถึงขิง แม้จะไม่ถึงกับเห็นหมด และตัวเรื่องก็ใส่ฉากพวกนี้รองรับไปกับบทได้อย่างมีเหตุผลสำคัญทุกครั้ง เป็นซีรีส์ที่ดีกว่าที่คาดหวังไว้จากหน้าหนังมาก แนะนำว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- ตัวเรื่องพลิกกันหลายตลบตลอดเวลาที่เดินหน้าไปทุกตอน
- มีหลายตัวละคร แต่เส้นเรื่องโฟกัสที่จุดเดียวร่วมกันชัดเจนทำให้เข้าใจง่าย และไม่มีบทออกนอกเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว
- ชีวิตครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่ซ่อนปมแตกร้าวจากตัณหาราคะ
- ดารานักแสดงหญิงชายตัวหลักที่ขายฉาก SEX รูปร่างหน้าตาดีมาก
- งานภาพสวยโปรดักชั่นอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
Cons
- ความยาว 18 ตอนจบซีซั่นแรก อาจจะทำให้คนท้อที่จะดู
- เนื้อเรื่องที่พลิกเรื่องไปมาตลอดเวลา อาจจะทำให้คนดูไม่ยอมหลงเชื่อคล้อยตามเรื่องได้ในตอนหลัง
- ดารานักแสดงชายแก่ๆ มีฉาก SEX พอสมควร อาจจะขัดใจคนดูผู้หญิงที่ต้องการดูแต่ตัวเอกหนุ่มหล่อ (แต่ว่าเป็นไปตามบทลงตัว)
- ตอนก่อนจบเรื่องเฉลยความคิดแรงจูงใจตัวร้ายแบบง่ายๆ ไปหน่อย (แต่มีเรื่องต่อจากนั้นอีก)
Dark Desire ปราถนาในเงามืด (ชื่อต้นฉบับ Oscuro deseo) ซีรีส์ Original Netflix ความยาว 18 ตอนจบซีซั่น 1 จากประเทศ Mexico แนวอีโรติกทริลเลอร์ที่เต็มไปด้วยฉาก SEX ติดเรต 18+ กับความลับซ้อน ซ่อนเงื่อนตลอดเวลา
บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญของเรื่อง
ซีรีส์จากเม็กซิโกที่หน้าปกหรือตัวอย่างเชิญชวนให้คิดว่าเป็นแนวหนังอาร์ที่มีฉาก SEX เกือบโป๊เปลือย เหมือนเรื่อง 365dni ที่เนื้อหาไม่ได้มีอะไรมากนอกจากขายฉาก SEX พระเอกนางเอกเป็นหลัก แต่ก็ติดอันดับ 1 Netflix ทั่วโลก จนเผลอคิดเหมือนกันว่าพอเห็นเรื่องใหม่นี้แนวเดียวกัน Netflix เองอาจจะกำลังสะสมหนังพวกนี้เพื่อผันตัวมากินตลาดเดียว PornHub บ้างก็ได้
แต่ผิดจากที่คิดไปเลยเมื่อได้ดูตัวเรื่องจริงๆ ซึ่งมีความยาวมากถึง 18 ตอน ตอนละ 30 กว่านาที แถมจบซีซั่น 1 กึ่งๆ ค้างไว้แบบน่าจะมีต่อแน่นอนด้วยถ้ากระแสดี สำหรับคนที่คิดจะมาดูฉากอย่างว่าก็อาจจะมีคำถามขึ้นมาก่อนดูเลยว่า ทำไมหนังที่เน้นขายฉากโป๊เรื่องนี้มันถึงยาวกว่าซีรีส์ปกติทั่วไปซะอีก ก็ต้องตอบแบบตรงๆ เลยว่า ตัวเรื่องมีดีกว่าแค่เรื่องอย่างว่ามาก และก็มากแบบเต็มไปด้วยคุณภาพทั้งบท นักแสดง มุมกล้อง โปรดักชั่นส์ การตัดต่อ หรือแม้แต่ฉาก SEX 18+ เองก็ทำได้ถึงในแนวทางของมันไม่ใช่น้อย แม้ว่าจริงๆ แล้วจะเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบของเรื่องก็ตาม
ตัวเรื่องจริงที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้คือแนวทริลเลอร์ สืบสวนหาสาเหตุของคดีหญิงสาวฆ่าตัวตายปริศนา “เบรนด้า” ที่เป็นเพื่อนรักของนางเอกในเรื่องที่ชื่อ “อัลม่า” โดยเธอเป็นศาสตราจารย์ด้านอาชญากรรมเกี่ยวกับสตรีโดยเฉพาะ และมีสามีเป็นผู้พิพากษาชื่อดัง มีลูกสาว 1 คนที่กำลังสนใจด้านนิติเวช ที่สนิทกับอาของเธอที่เป็นอดีตตำรวจสืบสวนเกษียณตัวเองก่อนวัยเพราะขาพิการ ชีวิตของนางเอกกำลังอยู่ในช่วงลุ่มๆ ดอนๆ หลังเธอสงสัยว่าสามีกำลังนอกใจมีอะไรกับเลขาคนสวย เธอจึงออกเที่ยวกับเพื่อนสนิทและก็ได้พบกับ “ดาริโอ้” หนุ่มวัย 25 ที่พุ่งความสนใจมาที่เธอโดยตรงจนเผลอใจไปมีอะไรกัน และก็กลายเป็นว่า SEX แค่คืนเดียวแบบที่เธอหวังไว้กลับกลายเป็นสลัดเขาไม่หลุด และก็กลายมาเป็นปัญหาพัวพันไปถึงความตายของเบรนด้าในเวลาต่อมา
ซีรีส์ช่วง 3 ตอนแรกเดินเรื่องแบบเน้นฉาก SEX โชว์เนื้อหนังมังสากันเต็มที่ นมเป็นนม ตูดเป็นตูด แล้วก็ดูเป็นแนวอีโรติกแบบผู้หญิงสูงวัยได้กินเด็ก ตัวเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมากนอกจากจะวนเวียนอยู่กับเรื่องตัณหาราคะของนางเอกที่ติดใจกับเด็กหล่อกล้ามเป็นมัดๆ เอาเก่ง ขี้เงี่ยนแบบเจอหน้านางเอกมีลวนลามพยายามบิ้วอารมณ์จะเอากันให้ได้ทุกที ซึ่งตัวนางเอกก็พยายามฝืนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตลอด แต่ก็หลุดตามสูตรทั้งของจริงหรือแม้แต่ในจินตนาการ ซึ่งเรื่องนี้งัดฉากแบบนี้มาใช้บ่อยมาก แต่ถือเป็นข้อดีเพราะว่าจะได้ไม่ต้องผลักบทให้ไปมีอะไรกันจริงๆ ถี่เกินจนทำลายเนื้อเรื่องแนวทริลเลอร์จริงๆ ที่จะเริ่มต่อไปจากนี้
หลังจาก 3 ตอนแรกจบไปผู้ชมจะได้รู้แล้วว่าจริงๆ เรื่องไม่ได้เป็นไปแบบที่เห็น ตัวเรื่องหลังจากนี้เต็มไปด้วยความลับซับซ้อน ปั่นหัวนางเอกในเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คนดูเองก็ต้องตกอยู่ในอาการเดียวกันคือ ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ เพราะเรื่องพลิกกันหลายสิบตลบ แถมในแต่ละตอนยังพลิกไปมาในตัวเองโดยไม่ต้องรอตัดจบตอน ยิ่งช่วงท้ายๆ พลิกกันในตอนเดียว 2-3 ตลบเลย ซึ่งคนดูที่ชอบแนวทางอะไรแบบนี้น่าจะถูกใจแน่นอน อารมณ์คล้ายๆ หนังเก่าชื่อดังในอดีตแนวเดียวกัน Wild Things เกมซ่อนกล (ดูได้ผ่าน Netflix คลิกที่นี่) ที่เล่นกับตัวละคร 4 คน แต่เรื่องมีความลับซับซ้อนหลอกล่อคนดูให้เขวตลอดเวลา ซึ่ง Dark Desire ก็ทำได้ถึงเหมือนกัน แถมยังเป็นซีรีส์ขนาดยาวมากที่หลอกล่อคนดูตั้งแต่แรกไปจนจบนาทีสุดท้ายเรื่องได้อย่างน่าทึ่ง ต้องยอมรับฝีมือการเขียนบทของซีรีส์จากเม็กซิโกเรื่องนี้มากว่าทำได้ถึง และถ้าไม่ผิดพลาดอะไรเรื่องนี้ก็น่าจะขึ้นแท่นยอดนิยมของ Netflix แถมยังมีคุณภาพมากกว่าหน้าหนังติดเรตที่เป็นจุดขายมากด้วย
ดารานักแสดงในเรื่องถือว่าดีงามตามบททั้งหมดจริงๆ ดาราหญิงนี่สวยหน้าคม หุ่นเซ็กซี่สะบึมกันทุกคน ตั้งแต่นางเอก เพื่อนนางเอก ลูกสาวนางเอก จะมีก็แต่บทหนุ่มหล่อกล้ามมัดๆ คงเหลือแค่ตัว “ดาริโอ้” ที่เป็นหนุ่มช่างยนต์เท่านั้น คนอื่นอาจจะแก่ๆ แต่ก็เป็นไปตามบทที่ต้องการความสมจริง แล้วเรื่องจริงๆ ก็ไม่ได้โฟกัสให้วันๆ มีแต่ฉาก SEX สำหรับคนดูผู้หญิงก็เลยไม่ได้เป็นอะไรที่กวนใจว่าต้องมาเห็นชายแก่เอาสาวๆ อะไรมากมาย แต่เรื่องก็ตอบสนองคนดูอะไรแบบนี้ได้กำลังดีเพราะมีแทรกมาเรื่อยๆ แทบทุกตอน และก็ไม่ออกแนวโลวดูต่ำอะไร แต่เป็นไปตามบทตอนนั้นๆ หลายฉากดูสวยงาม แถมมีความระทึกซ่อนอยู่ในเซ็กส์ซีนหลายครั้งด้วย
และไม่ใช่แค่ดีแต่ฉากอย่างว่า นักแสดงทุกคนก็ได้รับบทบาทปกติที่มีลับลมคมในกันแทบทุกตัวละคร เป็นเหมือนเกมชิงไหวพริบซ้อนกันหลายชั้น ซึ่งตัวดาริโอ้เองแรกๆ อาจจะดูไม่ค่อยมีมิติ แค่หนุ่มหื่นหนักทั่วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปบทของเขายิ่งลึกลับซับซ้อนมากจนเดาไม่ถูกแน่นอนว่าหมอนี่ดีหรือร้าย และยังแอบทำให้คนดูเห็นใจเขาเหมือนที่นางเอกในเรื่องก็พะว้าพะวงในตัวเขาเช่นกัน ซึ่งเธอเป็นตัวละครที่ปูมาว่าฉลาดจบด็อกเตอร์ แต่กลับสับสนกับความรู้สึกที่ดาริโอ้มีให้จนแยกไม่ออกว่าอะไรจริงอะไรเท็จ จนแทบใกล้คิดว่าตัวเองบ้า และตัวเรื่องยังทำให้เราเชื่อกลับไปกลับมาเหมือนที่นางเอกรู้สึกได้จริงๆ อีกด้วย
ข้อเสียของเรื่องจริงๆ ไม่ได้มีให้เห็นชัด อาจจะเรียกว่าเป็นข้อด้อยมากกว่าจากความยาวของจำนวนตอนที่เยอะมาก จนคนที่ต้องการดูอะไรไวๆ จบเร็วๆ อาจจะท้อ แต่เรื่องก็ไม่ได้ยืดหรืออืดเพื่อให้ตอนเยอะแบบไร้สาระเลย ทุกตอนมีปมใหม่ผลักดันเรื่องไปข้างหน้าตลอดเวลา มีฉากแฟลชแบ็คย้อนกลับไปยังคดีในอดีตที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องอยู่เป็นระยะในตอนต้นของหลายๆ ตอน ซึ่งส่วนนี้เองที่มาช่วยเพิ่มปริศนาในปัจจุบันให้คนดูต่อจิ๊กซอว์กันไม่ถูกยากเข้าไปอีก
อีกจุดที่อาจจะมองว่าเป็นข้อด้อยก็ได้ คือการที่ตัวเรื่องพลิกกันหลายตลบมากจนเกินไป เรียกว่ามากสุดในตัวเรื่องแนวนี้เลยก็ว่าได้ การที่คนเขียนบทตั้งใจพลิกกันขนาดนี้ก็อาจจะทำให้ผู้ชมที่ว้าวในตอนแรกๆ หรือครึ่งแรกของเรื่องที่บิ้วมาซะจนเหมือนจะจบได้กลางเรื่อง ก่อนจะล้างไพ่แจกปมใหม่มาให้ขบคิดกันต่อ รู้สึกเหมือนกับกำลังเจออารมณ์ “เด็กเลี้ยงแกะ” ที่คนดูคงเลือกไม่เชื่อสิ่งที่เห็นสักเท่าไหร่แล้ว แม้จะคล้อยตามอยู่บ้าง แต่ก็ต้องชั่งใจไว้กอ่นว่าไม่น่าจะจริง แล้วตัวซีรีส์ชอบหลอกล่อด้วยภาพในจินตนาการ จำลองเหตุการณ์เสมือนจริงให้ผู้ชมได้เห็นด้วย ยิ่งทำให้คนดูที่รู้สึกแบบนี้ยิ่งไม่คล้อยตาม เพราะรู้ว่าเป็นฉากที่ใส่มาสับขาหลอกแน่ๆ มากเข้าไปอีก แต่ถ้าใครเพลินกับตัวเรื่องแบบสับขาหลอกตลอดเวลาแบบนี้ก็คงรู้สึกสนุกแบบไม่คิดมากแน่นอนครับ
ตัวเรื่อง 18 ตอนจัดว่ายาวมาก แต่ก็ยาวแบบมีเนื้อเรื่องเคลียร์ปมไปเรื่อยๆ ได้ดีจนหมด แม้ตอนท้ายอาจจะดูแปลกๆ ไปนิดที่คนร้ายเฉลยตัวเองออกมาง่ายไปหน่อย แต่เรื่องก็มีขยักปิดท้ายให้ว้าวเล็กๆ เพื่อไปต่อในซีซั่น 2 ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ถึงกับค้าง แต่ก็ชวนติดตามเชียร์ให้ทำต่อ อยากรู้ว่าผู้สร้างยังจะงัดอะไรออกมาลับลวงคนดูได้อีก หลังจากเล่นหลอกล่อมาได้ตลอดทางยาวขนาดนี้ครับ
Dark Desire SS2 กำหนดมาเมื่อไหร่?
เน็ตฟลิกซ์ไฟเขียวให้สร้างต่อหลังยอดผู้ชมสูงมากถึง 35 ล้านใน 28 วัน กำหนดฉาย SS2 วางไว้ 2 กุมภาพันธ์ 2022 และเป็นซีซั่นจบของเรื่องราวนี้