รีวิว DELETE เป็นเหมือน Death Note สเกลเล็ก ที่ระทึกขวัญซับซ้อนคาดเดาไม่ได้ (ไม่สปอยล์)
DELETE
Summary
ซีรีส์ไทยแนวลึกลับที่เอามือถือลบคนได้มาเป็นไอเทมแบบ Death Note ที่สเกลเล็กกว่า แต่ก็มีความสนุกในแบบฉบับของตัวเอง ตัวเรื่องสนุกน่าติดตามด้วยการเขียนบทที่ดึงดูดให้ผู้ชมดูต่อเนื่องได้อย่างฉลาด การเล่าเรื่องผูกพันซับซ้อนกับหลายตัวละครในเหตุการณ์ร่วมอันเดียวกัน ที่ดำเนินไปแบบระทึกต่อเนื่องคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แม้จะมีจุดที่ดูแล้วจงใจให้เกิดขึ้นแบบแปลกๆ จนไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง นักแสดงก็อาจจะดูเล่นไม่เป็นธรรมชาติอยู่นิดๆ แต่โดยรวมก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรมากนัก เรียกว่านี่คือซีรีส์ไทยที่ทำลง Netflix ฉายทั่วโลกแล้วออกมาดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- เหมือน Death Note ที่สเกลเล็กกว่า
- เนื้อเรื่องระทึกต่อเนื่องไม่มีอืด
- การเล่าเรื่องสลับซับซ้อน คาดเดาไม่ได้
- จบเรื่องราวได้ลงตัวดี
- ผลงานซีรีส์ครั้งแรกของผู้กำกับ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ)
Cons
- บางฉากดูจงใจให้เกิดเรื่องขึ้นแบบไม่สมเหตุผล
- นักแสดงบางคนยังเล่นแบบเข็งๆ อยู่บ้าง
- นักแสดง ออกแบบ ชุติมามีบทน้อยมาก (วางไว้เล่นซีซั่น 2)
“DELETE” ซีรีส์ Original Netflix จากค่าย GDH ผลงานของ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยที่เป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มตัวละครที่กำลังเผชิญกับความสัมพันธ์อันซับซ้อน กระทั่งพวกเขาได้พบกับ “มือถือปริศนาที่สามารถกดถ่ายลบคนให้หายไปได้” จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่พาทุกคนมาพบกัน และเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่าง DELETE
รีวิว DELETE (ไม่มีสปอยล์)
ซีรีส์ไทยที่มีไอเดียแหวกแนวคล้ายๆ กับเรื่อง Death Note ของมังงะญี่ปุ่นที่นำมาทำเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ก่อนหน้านี้ โดยเรื่องนี้เป็นมือถือลึกลับที่มีความสามารถลบคนที่ถูกถ่ายให้หายไปจากโลกได้ ซึ่งก็ยังคล้ายกับไอเดียสมุดยมฑูตของ Death Note และมีกฎของการใช้งานที่ค่อยๆ เผยออกมาแบบเดียวกัน ทำให้ความสามารถของมือถือมีมากกว่าที่เห็นในตอนแรก เรื่องราวจึงแปลกแบบคาดเดาไม่ได้ แต่ต่างกับ Death Note ตรงที่เนื้อเรื่องเป็นสเกลของกลุ่มคนที่เล็กกว่า ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของซีซั่นแรกเพื่อที่จะขยับขยายโลกในเรื่องนี้ให้ไปสู่สเกลที่ใหญ่กว่าในภายหลัง
เนื้อเรื่องเริ่มต้นด้วยตัวเอกหลัก “ลิลลี่กับเอม” (แสดงโดย ฟ้า ษริกา กับ ณัฏฐ์ กิจจริต) ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวทั้งๆ ที่ต่างก็มีคนรักอยู่แล้ว ก่อนที่ความสัมพันธ์นี้จะถูกสงสัยโดนคนรักของเขาทั้งคู่ แต่จู่ๆ มือถือลึกลับที่ลบคนได้ก็เข้ามาอยู่ในมือของทั้งคู่ ซึ่งก็เหมือนอาวุธปืนฆ่าคนดีๆ นี่เอง แต่มันลงมือฆ่าได้ง่ายกว่า แถมยังไร้ร่องรอย ไม่มีหลักฐานศพเหลือทิ้งไว้ให้ยุ่งยากใจ นี่จึงเป็นไอเดียจุดเริ่มที่น่าสนใจมากว่าทั้งคู่จะนำมันมาใช้อย่างไร เมื่อมันช่วยแก้ปัญหาความลับชู้สาวของเขาได้ในทันที ติดแค่ต้องลงมือใช้มันเท่านั้น ซึ่งตัวเรื่องก็เล่นกับความลำบากใจในการลงมือทำของทั้งคู่ และก็ติดตามผลลัพธ์ของการกระทำที่ตามมา แม้ว่าการใช้มันเพื่อลบคนเป็นไปได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่เกิดตามมาจากนั้นกลับลบยากยิ่งกว่า หรือลบล้างไม่ได้ด้วยมือถือเครื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็กลายเป็นการก่ออาชญากรรมอื่นๆ ตามมาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
การดำเนินเรื่องยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เมื่อมีตัวละครอื่นค่อยๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับมือถือเครื่องนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งก็เกิดจากผลของการกระทำของสองคนแรก ต่อเนื่องเชื่อมโยงเปลี่ยนผ่านมาเป็นการเล่าเรื่องของตัวเอกในแต่ละตอน โดยเป็นการเล่าแบบไม่ลำดับตามเวลาจริงในเหตุการณ์ แต่เป็นการเล่าสลับไทม์ไลน์ของตัวละครไปมาอย่างฉลาด ทำให้ผู้ชมเข้าใจเบื้องลึกที่มาของตัวละครแต่ละตัวก่อนจะมาเจอกันในเหตุการณ์หลัก ซึ่งทุกตัวละครในเรื่องนี้ชัดเจนว่าไม่ใช่คนดีมีศีลธรรม ต่างคนต่างมีความเห็นแก่ตัว และมีปมด้อยในตัวเอง เมื่อมีมือถือที่ลบคนได้ มันก็ยิ่งกลายเป็นส่งเสริมให้ใช้มันเพื่อตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการฆ่าคนทางอ้อมก็ตามที ซึ่งตัวเรื่องสนุกกับการผูกปมของทุกตัวละครในเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องกันในทางใดทางหนึ่ง และส่งต่อความเลวร้ายต่อกันวนเวียนไปมาหาจุดจบไม่ได้ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้คาดเดาได้ยากมากว่าจะจบลงที่จุดไหนถึงเป็นทางออกของเรื่องได้ในท้ายที่สุด แต่ตัวเรื่องก็หาทางจบลงได้ดีในซีซั่นแรก มีบทสรุปของทุกตัวละครไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นไม่ขัดกับความรู้สึกของผู้ชม ตัวละครทุกตัวได้รับผลของการกระทำ และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตต่อไปหลังจากสิ่งเลวร้ายที่ทำลงไปได้รับการแก้ไข ก่อนที่ทุกตัวละครจะมีทิ้งท้ายไปต่อกับแนวทางใหม่ของเรื่องที่สเกลใหญ่โตขึ้นมากกว่าเดิม แต่ก็ยังมีมือถือลบคนได้เป็นแกนหลักสำคัญอยู่เช่นเดิม
ตัวเรื่องสนุกน่าติดตามด้วยการเขียนบทที่ดึงดูดให้ผู้ชมดูต่อเนื่องได้อย่างฉลาด แต่ก็ยังมีจุดที่ดูแล้วจงใจให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบแปลกๆ จนไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง CG ตอนที่ใช้มือถือลบคนก็ยังพื้นๆ ไม่ได้หวือหวามาก นักแสดงก็อาจจะดูเล่นไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดก็ไม่ถึงกับทำลายความน่าเชื่อถือของเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งตรงนี้ต้องให้เครดิตกับ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่เก่งกับการเล่าเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่กำกับภาพยนต์ในค่าย GDH ซึ่งนี่เป็นผลงานกำกับซีรีส์เป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งพล็อตเรื่องแบบนี้ปกติจะทำเป็นแค่ภาพยนต์ 2 ชั่วโมงจบ แต่เรื่องนี้ถูกนำมาขยายสร้างเป็นซีรีส์ที่ดูแล้วสนุกลุ้นระทึกต่อเนื่องเหมือนภาพยนต์ในทุกตอน โดยแทบไม่มีฉากที่รู้สึกว่าพยายามฆ่าเวลายืดให้ยาวๆ ตามแบบซีรีส์ทั่วไปเลย
โดยรวมนี่คือซีรีส์ไทยที่ทำลง Netflix ฉายทั่วโลกแล้วออกมาดีที่สุดในตอนนี้ ด้วยการเล่าเรื่องวางบทไว้อย่างฉลาด ชวนให้ระทึกน่าติดตามต่อเนื่องทุกตอน ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ เลยที่จะมีซีรีส์แบบนี้โดยเฉพาะจากผลงานของไทย แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดครับ