รีวิว Dope Thief (apple Tv+) ซีรีส์ที่ทำได้ดีในครึ่งแรกแต่พลาดในครึ่งหลัง
Dope Thief
Summary
เริ่มต้นได้ดีด้วยตัวละครคู่หูนักต้มตุ๋นที่น่าสนใจและฉากแอ็คชั่นสนุกๆ แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลังของซีซั่น เรื่องกลับหักเหไปทางดราม่าหนักๆ ทิ้งเสน่ห์ของความเป็นหนังแอ็คชั่นผสมคอมเมดี้กวนๆ ไป จนจบลงด้วยการทิ้งปมเพื่อต่อซีซั่นสองที่ไม่น่าจะสนุกเท่าตัวละครดั้งเดิม เป็นซีรีส์ที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาความสนุกไว้ได้ตลอดทั้งซีซั่น
Overall
5.5/10User Review
( votes)Pros
- คู่ตัวละครหลัก “เรย์และแมนนี่” มีเสน่ห์แบบลูสเซอร์ที่น่าเอาใจช่วย
- ฉากแอ็กชั่นในช่วง 4 ตอนแรกสนุก ลุ้นระทึก และสอดแทรกอารมณ์ขันได้ลงตัว
- ความสัมพันธ์ระหว่างเรย์กับแม่เลี้ยงถูกพัฒนาได้อย่างน่าสนใจและมีมิติ
Cons
- ทิศทางของเรื่องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังตอนที่ 4 จากแอ็กชั่นคอมเมดี้สู่ดราม่าเคร่งเครียด
- ปมความรักที่ถูกยัดเยียดเข้ามาดูไม่เข้ากับเนื้อเรื่องและไม่จำเป็น
- ทิ้งปมหลายอย่างไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข เพื่อเปิดทางให้มีซีซั่นที่สอง
ADBRO
Dope Thief ซีรีส์ Apple TV+ 8 ตอนจบซีซั่นแรก สองคู่หูนักต้มตุ๋นปลอมตัวเป็น DEA ตำรวจปราบยาเสพติดเพื่อหากินจับพวกรายย่อยตามบ้าน แต่แล้วพวกเขากลับพลาดท่าไปทลายรังเจ้าพ่อรายใหญ่เข้า จนกลายเป็นการตามล่าเอาคืนที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
รีวิว Dope Thief
ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากนิยายปี 2009 ของผู้เขียน Dennis Tafoya ซึ่งมีเพียงเล่มเดียว แล้วนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ยาว ซึ่งถ้าทำตามจริงจบในซีซั่นน่าจะลงตัว เพราะโครงเรื่องที่วางไว้ค่อนข้างดีเลย จาก “เรย์กับแมนนี่” สองคู่หูผิวดำกับขาวกวนๆ ออกปล้นผู้ค้ายารายย่อยแล้วสั่งสอนเป็นบทเรียนให้พวกเขากลับใจ ก่อนที่จะพลาดท่าไปปล้นบ้านเก่าแก่ในชนบทตามคำแนะนำของคนหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นแหล่งพักยาขนาดใหญ่ของเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล
กลายเป็นความผิดพลาดทำให้พวกเขาต้องเจอตามล่าเอาชีวิต โดยที่ทั้งคู่เป็นแค่นักต้มตุ๋น แต่สกิลการเอาตัวรอดสูง ทำให้เกมไล่จับหนูครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่ฝ่ายเจ้าพ่อคิด อีกทั้งยังมีตำรวจที่แฝงตัวเข้าไปในบ้านนั้นพลาดท่าไปด้วย ทำให้กลายเป็นทั้งตำรวจทั้งเจ้าพ่อรุมล่าตัวเอกโนเนมที่ไม่มีใครรู้ว่าพวกนี้เป็นใครจนต้องไปล่าคนใกล้ชิดของทั้งคู่แทน ทำให้เรื่องมีทั้งแอ็กชั่น อาชญากรรม และพ่วงดราม่าชีวิตครอบครัวที่ซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
ในช่วง 4 ตอนแรกตัวเรื่องสนุกกับการได้เห็นทั้งคู่ที่เป็นนักต้มตุ๋นกระจอกๆ หาทางเอาชีวิตรอดจากคนของแก๊งมาเฟียส่งมาไล่ล่า โดยเป็นแก๊งขับมอเตอร์ไซค์ฮาเล่เดวิดสันไล่ล่าไปทั่ว ซึ่งเรื่องมันสนุกตรงทุกตอนจะมีฉากแอ็กชั่นที่ดูเหมือนฝ่ายตัวเอกยังไงก็ไม่รอดแน่แต่ก็ยังรอดได้หวุดหวิดทุกที หรือหนีอยู่ดีๆ ก็ทำให้ลูกน้องของมาเฟียถึงตายแบบไม่ตั้งใจ (แต่ถูกคิดว่าเป็นฝีมือของพวกเขา) โดยค่อยๆ เก็บมือสังหารพวกนี้ได้อย่างเหลือเชื่อ จนถึงขั้นตามไปถล่มถึงรังแก๊งฮาเล่เดวิดสันได้อีก ทำให้เรื่องเต็มไปด้วยอารมณ์กวนๆ กับจังหวะนรกมาชนกัน โดยที่ตัวเอกทั้งคู่ก็เหมือนดวงดีรอดไปได้หมด
แล้วก็ยังต้องหาทางปกปิดความลับว่าโดนตามล่ากับครอบครัวที่ทั้งคู่ต่างก็มีปัญหามากมายเช่นกัน โดยเฉพาะแม่เลี้ยงของเรย์ที่เป็นหญิงชราคนขาวที่รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ ซึ่งเรื่องวางบทให้ทั้งคู่แตกต่างกันมาก แต่กลับผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ของเรย์ที่เลี้ยงดูเขามาไม่ดีซะอีก
จากที่เรื่องสตาร์ทมาได้ดี 4 ตอนผู้ชมก็คงคาดหวังแบบนี้ไปจนจบ แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นเรื่องกลับตรงข้ามเลยเพราะแทบไม่มีฉากอะไรแบบนี้แล้ว เรื่องหันไปเน้นดราม่าเคร่งเครียดมาก ความกวนโอ้ยน้อยลง หันไปวนเวียนแนวสืบสวนว่าที่พวกเขาไปปล้นผิดที่ในตอนแรกเพราะถูกวางยาหรือเปล่า โดยมีหน่วยของตำรวจสืบสวนไล่จี้ตามมา ดราม่าปัญหาความรักก็เข้ามาวุ่นวายแบบไม่เข้าท่า แล้วเรื่องก็เริ่มหาทางขยายไปต่อซีซั่น 2 ด้วยการทิ้งปมหลายอย่างไว้ ไม่จบจริง
โดยที่ช่วงหลังจากตอน 4 นี้เรื่องดูไม่สนุกแล้วก็ไร้ทิศทางไปสู่ฉากจบมาก แถมตอนสุดท้ายก็ยังทำลายอารมณ์คู่หูตัวเอกกวนๆ ไปหมดสิ้นเลย เพียงเพื่อจะไปต่อซีซั่นกับคนใหม่เท่านั้น ซึ่งไม่เวิร์คเลยเพราะตัวละครนี้ก็ไม่ได้เสน่ห์แบบลูสเซอร์เหมือนที่ทั้งคู่เป็นมาแต่แรก
สรุป Dope Thief เริ่มต้นได้ดีด้วยตัวละครคู่หูนักต้มตุ๋นที่น่าสนใจและฉากแอ็คชั่นสนุกๆ แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลังของซีซั่น เรื่องกลับหักเหไปทางดราม่าหนักๆ ทิ้งเสน่ห์ของความเป็นหนังแอ็คชั่นผสมคอมเมดี้กวนๆ ไป จนจบลงด้วยการทิ้งปมเพื่อต่อซีซั่นสองที่ไม่น่าจะสนุกเท่าตัวละครดั้งเดิม เป็นซีรีส์ที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรักษาความสนุกไว้ได้ตลอดทั้งซีซั่น