playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว DOWNFALL: The Case Against Boeing สารคดีสืบสวนที่มาโบอิ้ง 737 MAX ตกที่ลงลึกไปถึงผลกำไรในตลาดหุ้น

สรุป

รูปแบบเป็นสารคดีแท้ๆ อาจจะไม่มีอะไรตื่นเต้นหวือหวามาก ดูเป็นการบอกเล่าเหมือนสกู๊ปข่าวมากกว่าดูเอาสนุก แต่สำหรับคนที่สนใจคดีนี้ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การสร้างเครื่องบินของโบอิ้ง นี่เป็นสารคดีที่บอกเล่ารายละเอียดที่มาได้ละเอียดยิบ จนทำให้เห็นว่าที่มาของเครื่องบินตกที่แท้จริงคือ ความโลภของมนุษย์ นั่นเอง

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ตามติดเบื้องหลังการสอบสวนที่มาของปัญหาโบอิ้ง 737 Max ผ่านประวัติศาสตร์การทำงานของโบอิ้ง
  • ย่อยศัพท์เทคนิคต่างๆ ทางการบินให้เข้าใจได้ง่าย

 

Cons

  • เล่าเรื่องแบบสารคดีไปเรื่อยๆ ไม่มีการบิ้วหรือจุดพีคอะไรมาก
  • ไม่มีเสียงพากย์ไทย

 

ADBRO

DOWNFALL: The Case Against Boeing ร่วง วิกฤติโบอิ้ง Boeing 737 MAX หนังสารคดี Netflix ที่ติดตามสืบสวนคดีเครื่องโบอิ้ง 737 MAX ตกสองเครื่องติดกันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ใช่ความผิดพลาดของมนุษย์หรือเครื่องบินผิดปกติเองกันแน่

ความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาที

 Downfall: The Case Against Boeing (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

หนังสารคดีติดตามสืบสวนคดีเครื่องโบอิ้ง 737 MAX ตกสองเครื่องติดกันในช่วงเวลาไม่ถึงปี ซึ่งเครื่องแรกเป็นของไลอ้อนแอร์ตกก่อนมีผู้เสียชีวิต 189 ศพ ต่อมาอีก 5 เดือน เอธิโอเปีย แอร์ไลน์ส ก็ตกมีผู้เสียชีวิต 157 ศพ และทั้งสองเคสก็มีอะไรหลายอย่างใกล้เคียงกันมากเมื่อดูจากข้อมูลในกล่องดำที่กู้มาภายหลัง ซึ่งอาการก่อนตกคือเครื่องพยายามเชิดหัวขึ้น แต่ก็ถูกอะไรบางอย่างกดหัวให้ทิ่มลง นั่นจึงเป็นที่มาของการสืบสวนความผิดปกติที่เกิดขึ้นว่าเป็นที่กระบวนการผลิตเครื่องรุ่นนี้มีปัญหาจริงหรือไม่

ตัวสารคดีเล่าย้อนรอยสั้นๆ ถึงเหตุการณ์จริงทั้งสองเคส แต่ไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดการสืบสวนส่วนอื่นมาก เพราะเรื่องนี้คือสารคดีที่โฟกัสไปที่ปัญหาที่มาของบริษัทโบอิ้งโดยตรง เนื้อเรื่องก็มีการปูเล่าเรื่องความเป็นมาของโบอิ้งให้ผู้ชมได้เข้าใจว่า บริษัทอย่างโบอิ้งก้าวขึ้นมาผลิตเครื่องบินพาณิชย์ได้อย่างไร ทำไมชื่อเสียงแบรนด์โบอิ้งถึงการันตีคุณภาพความปลอดภัยที่ 1 ของโลกได้ขนาดนั้น ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ตรงนี้เพราะคิดว่าโบอิ้งแค่บริษัทผลิตเรื่องบินดัง แต่จริงๆ ประวัติศาสตร์เรื่องราวความเป็นมามีมากกว่านั้น ซึ่งสารคดีบอกเล่าความเป็นมาเหล่านี้ละเอียดยิบ ทำให้เราเห็นภาพกระบวนการคิดของทีมงานผู้ก่อตั้ง กระบวนการผลิตที่ใส่ใจ วัฒธรรมองค์กรที่เปิดให้ทุกคนรายงานข้อบกพร่องได้หมดไม่ว่าจะเป็นทีมงานตัวเล็กแค่ไหน โบอิ้งถือว่าเรื่องความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสุดกว่ากำไร ก่อนที่แนวทางจะเเปลี่ยนไปเมื่อมีการควบรวมกิจการในช่วงที่โบอิ้งยอดเริ่มตกลงจนคู่แข่งแอร์บัสไต่ระดับมาเหนือกว่าโบอิ้งได้ นั่นทำให้กระบวนการทางความคิดเรื่องความปลอดภัยของโบอิ้งเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้เองที่สารคดีมองว่าเป็นที่มาของเหตุการณ์เครื่องรุ่นนี้ตกที่แท้จริง

ในเรื่องเชิงเทคนิคที่เครื่องตกจากสาเหตุระบบเอ็มแคส (MCAS) ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่โบอิ้งใส่มาเพื่อควบคุมการเชิดหัวเกินระดับของเครื่องรุ่นนี้ แม้ว่าในทางเทคนิคคนดูทั่วไปอาจจะงงๆ กับศัพท์การบินอยู่บ้าง แต่สารคดีก็เล่าแบบให้ฟังเข้าใจได้ไม่ยาก มีการจำลองรูปแบบการทำงานให้เห็น ซึ่งจุดนี้แน่ชัดเลยว่าระบบนี้ผิดพลาด แม้โบอิ้งจะยอมรับในเรื่องนี้ก็จริง แต่กลับโทษไปยังนักบินว่าไม่ปิดระบบออโต้เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ ซึ่งนั่นทำให้กรณีการสืบสวนเรื่องนี้โฟกัสไปที่ว่า ทำไมนักบินถึงไม่รู้เรื่องนี้ หรือแม้แต่เคสที่สองที่รู้แล้วก็ยังตกอยู่ สารคดีจะนำผู้ชมย้อนกลับไปให้เข้าใจอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบนี้ในแง่ที่ว่าเป็นความผิดพลาดของนักบินหรือเอ็มแคสกันแน่ โดยที่เรื่องราวก็จะผูกโยงกลับไปยังการดำงานทางธุรกิจเพื่อเน้นกำไรเป็นหลักของผู้บริหารรุ่นหลังว่าเกี่ยวเนื่องกับจุดนี้ได้อย่างไร ซึ่งเป็นอะไรที่เชี่ยมากแบบเหลือเชื่อเลยว่านี่เป็นบริษัทการบินหน้าตาของอเมริกาได้ยังไง

สารคดียังบอกเล่าถึงผลกระทบของผู้คนในประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องบินตกด้วย ซึ่งมีผู้คนหลากหลายชาติมาเกี่ยวข้องกับทั้งสองคดี จึงมีรายงานข่าวเกาะติดไปทั่วโลก แต่ถึงจะเป็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจแค่ไหน บทสรุปของเรื่องนี้กลับสวนทางกับความรับผิดชอบที่โบอิ้งทำผิดพลาดไว้มาก ซึ่งสารคดีได้รายงานตีแผ่ไว้หมดแล้ว ซึ่งก็หวังว่าหลังสารคดีฉายเรื่องนี้จะกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง

สรุป DOWNFALL: The Case Against Boeing สนุกและดีไหม

รูปแบบเป็นสารคดีแท้ๆ อาจจะไม่มีอะไรตื่นเต้นหวือหวามาก ดูเป็นการบอกเล่าเหมือนสกู๊ปข่าวมากกว่าดูเอาสนุก แต่เนื้อหารายละเอียดเชิงลึกในการสอบสวนดีมาก ทำให้เราได้รู้และเข้าใจประวัติศาสตร์โบอิ้งยุครุ่งเรืองจนมาถึงตกต่ำในปัจจุบัน

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!