playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Dr. Brain (Apple Tv+) ซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวนไซไฟเจาะสมองลึกซับซ้อนเกินจินตนาการ! (ไม่มีสปอยล์)

Dr. Brain

สรุป

ซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวนบนแอปเปิลทีวี+เรื่องแรก ที่ยกระดับงานสร้างด้านโปรดักชั่นทุกด้านเหนือกว่าเรื่องไหนๆ ที่เคยทำมา แต่ด้านเนื้อเรื่องที่เอามาจากเว็บตูนยังมีส่วนด้อยเรื่องทฤษฏีไซไฟบางอย่างดูเป็นแนวการ์ตูนมากไปหน่อย แต่ด้านการสืบสวนของเรื่องถือว่าลึกลับซับซ้อนน่าติดตามมาก มีหักมุมกันทุกตอน รวมถึงฉากแอ็กชั่นต่อสู้ไล่ล่าก็ทำออกมาได้ดีสมจริง มีความโหดรุนแรงสูงมากด้วย และซีรีส์ก็สั้นจบใน 6 ตอนแบบกระชับลงตัว ก่อนที่จะเตรียมทำต่อขึ้นเนื้อเรื่องใหม่ในซีซั่นต่อไป

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ทฤษฏีไซไฟในเรื่องด้านการเจาะความคิดในสมองล้ำมากๆ
  • เนื้อเรื่องมีความลึกลับซับซ้อนสูงมาก มีหักมุมกันทุกตอน
  • พระเอกมีสกิลเหนือมนุษย์จากการซิ้งสมอง
  • มีหลายเสียงพากย์มาก รวมถึงซับไทยครบ
  • ระบบภาพ 4K กับระเสียง ATMOS จัดเต็ม
  • CG ถูกนำมาใช้เยอะ และก็ทำได้เนี๊ยบมาก
  • ฉากต่อสู้กับฆาตกรรมโหดรุนแรงมาก
  • ซีรีส์เกาหลีขนาดสั้นแค่ 6 ตอนจบ
  • สร้างจากเรื่องยาวในเว็บตูน

 

Cons

  • ทฤษฏีไซไฟบางอย่างดูเป็นแนวการ์ตูนมากไป
  • 2 ตอนแรกอัดแน่นเรื่องไซไฟมาแบบรัวๆ มากเกินไปจนทำให้งง
  • ดราม่าความสัมพันธ์ของพระเอกกับครอบครัวยังบิ้วไม่ดีพอให้อินตามได้

ADBRO

Dr. Brain ซีรีส์เกาหลีบน Apple TV+ เรื่องแรก  แนวไซไฟระทึกขวัญสร้างจากเว็บตูนเกาหลีที่มีชื่อเดียวกัน เรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองที่พยายามสืบสวนตายอย่างลึกลับของลูกชาย และภรรยาที่พยายามฆ่าตัวตาย ด้วยการแฮ็คเข้าไปในสมองเพื่อค้นหาปริศนาความทรงจำที่หลงเหลืออยู่

 Dr. Brain (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Dr. Brain

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างขึ้นโดยนักเขียน ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้าง Kim Jee-woon ที่มีผลงานภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง A Tale of Two Sisters (ตู้ซ่อนผี)  I Saw the Devil (เกมโหดล่าโหด) โดยสร้างจากเรื่องในเว็บตูนของนักเขียน ฮงจากา (ไม่มีแปลไทยและยังไม่จบ) นำแสดงโดย อีซอนกยุน (จากบทนำใน My Mister) ร่วมกับ ลียูยอง (นางเอกจากซีรีส์ Tunnel)และ ซอ จี-ฮเย (จาก Crash Landing on You) โดยเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่แอปเปิลออกทุนสร้างลงสตรีมมิ่งแบบนานาชาติมีเสียงพากย์หลายภาษา พร้อมซับไตเติลทุกภาษาที่แอปเปิลเข้าไปให้บริการ ซึ่งงานสร้างบน Apple TV+ ก็เน้นโปรดักชันคุณภาพสูง ภาพความละเอียดสูงแบบ 4K พร้อมระบบเสียง ATMOS ซึ่งถือว่าเป็นหมุดหมายใหม่ของซีรีส์เกาหลีเลยก็ว่าได้ เป็นงานตีตลาดสากลเต็มๆ แบบที่เน็ตฟลิกซ์ทำออกมาในช่วงหลัง แต่เรื่องนี้ก็ยังแตกต่างออกไปอีกเพราะทำลงแอปเปิลทีวีจึงทำให้อะไรหลายๆ อย่างแตกต่างออกไปไม่เหมือนซีรีส์เกาหลีที่เราคุ้นเคยนัก

ด้วยความที่เนื้อเรื่องค่อนข้างเน้นหักมุมกันทุกตอน การเล่าเนื้อเรื่องให้ละเอียดเข้าใจคงกลายเป็นการสปอยล์ไป แต่คร่าวๆ ก็คือ ด็อกเตอร์เชวอน ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองตัวเอกในเรื่องต้องสูญเสียลูกชายกับภรรยาไป เขาจึงทุ่มเทค้นคว้าหาทางเชื่อมสมองเพื่อดึงความทรงจำถ่ายโอนกลับมาในร่างใหม่จนเป็นผลสำเร็จในหนูทดลอง แต่การก้าวข้ามไปทดลองในมนุษยืยังติดข้อจำกัด เขาจึงแอบทดลองลับกับเพื่อนคู่หูโดยใช้ศพคนตายจากอุบัติเหตุมาทดลองครั้งแรก แต่แล้วเขากลับได้เห็นฉากฆาตกรรมในห้วงความทรงจำสุดท้ายของร่างนี้ แถมยังทำให้ความทรงจำของผู้ตายซ้อนเข้ามาในสมองของตัวเอง จนเขาเริ่มมีปัญหากับการเห็นภาพหลอนกับปริศนาต่างๆ ที่เชื่อมโยงกลับไปหาการตายของลูกชาย ซึ่งการสืบสวนนี้เองก็พาเขาเข้าสู่โลกของวิทยาศาสตร์ด้านสมองที่เกินจินตนาการ

ต้องบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างดูยากมากในช่วงแรก ตัวเรื่องส่วนของไซไฟมีความคล้ายหนังดังอย่าง Inception มาก ซึ่งเรื่องนี้คือการเข้าไปในฝันเจาะลึกลงไปเรื่อยๆ แต่กับด็อกเตอร์เบรนคือการเจาะเข้าไปในสมองความทรงจำของสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์ แล้วความทรงจำนั้นก็ถูกหลอมรวมเข้าในตัวเอกของเรื่องด้วย กลายเป็นการเห็นภาพความทรงจำ ภาพหลอน จินตนาการล้ำๆ ไปจนถึงจุดที่เกินกว่าเรื่องไหนเคยทำออกมา อย่างความคิดของคนสามารถสร้างร่างใหม่ขึ้นมาพูดคุยกันได้เหมือนมีชีวิตจริงๆ ซึ่งช่วงแรกของซีรีส์แทบจะอัดความล้ำทั้งทฤษฏี แนวคิด จินตนาการทางไซไฟแบบใหม่เข้ามารัวๆ จนคนดูช่วงแรกน่าจะจับต้นชนปลายไม่ถูกแน่ว่าเรื่องนี้กำลังจะขายอะไรให้กับคนดูกันแน่ เพราะทุกอย่างถูกยัดเข้ามาแน่นมากโดยไม่ได้ทำให้คนดูเข้าใจว่ากำลังปูพื้นให้ตัวเอกมีความสามารถพิเศษหลายๆ อย่างในตัว จากการได้ความทรงจำของทั้งคนกับสัตว์เข้ามาไว้ด้วยกัน จนพระเอกกลายเป็นเหมือนน้องๆ ซูเปอร์ฮีโร่ ในภายหลัง ซึ่งพอเรื่องราวที่อัดแน่นใน 2 ตอนแรกจบแล้วหลังจากนั้นไปคือช่วงของการไล่ล่าสืบสวนหาความจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขาอีกที

หลังจากเรื่องเข้าสู่ช่วงสืบสวนก็แทบจะไม่มีปัญหาจากความซับซ้อนในตอนแรกแล้ว เพราะจากนี้ไปคือการโชว์สกิลพิเศษที่พระเอกได้มาจากการซิ้งสมองกับคนที่ผ่านๆ มา และเครื่องซิ้งสมองก็เหมือนเป็นไอเทมพิเศษติดตัวที่ช่วยให้แกะรอยคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังในทุกๆ ตอน ซึ่งตัวเอกของเราจะมีความสามารถเหนือมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงขนาดเกินจริงมาก ตรงจุดนี้ถือว่าเรื่องเข้าใจใช้สกิลที่พระเอกได้มาทำให้เนื้อเรื่องดูเว่อร์สนุกแบบเป็นไปได้ เพราะแบ็คกราวด์พระเอกเป็นแค่นักวิทยาศาสตร์ การจะเปลี่ยนมาเป็นสายบู๊ได้ก็ต้องมีเหตุผลมารองรับ ซึ่งจุดนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว แต่แอบเสียดายที่ช่วงหลังไม่มีฉากแบบนี้เข้ามา แต่เปลี่ยนเป็นการสู้กันในสมองที่ดูเหนือมนุษย์คล้ายๆ The matrix ไปเลย

แต่ก็ไม่ใช่พระเอกจะมีบทสืบสวนอยู่คนเดียว ในเรื่องนี้มีตัวละครรักสืบสาวที่เล่นโดย ซอ จี-ฮเย เข้ามาเป็นตัวละครหลักอีกคน ซึ่งเธอก็มาในมาดสาวแกร่งลุยสืบคดีนี้ด้วยตนเอง โดยเริ่มจากความสงสัยว่าตัวด็อกเตอร์เชวอนเองอาจจะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมจากศพแรกที่เขาซิ้งสมองเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากเกินกว่าเธอจะยอมรับได้ แต่สถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่ตามมาก็ทำให้เธอต้องร่วมมือกับเขาไปโดยปริยาย ก่อนจะกลายเป็นการแยกทางสืบสวนคนละด้าน ซึ่งในส่วนของการสืบสวนตรงนี้จะเป็นเรื่องราวอีกด้านที่ช่วยต่อเติมจิ๊กซอว์ปริศนาของด้านพระเอกให้กระจ่างขึ้น และก็ดูสนุกไม่แพ้กันเพราะเรื่องราวตรงนี้ไม่มีส่วนของไซไฟมาเกี่ยว เป็นแนวแอ็กชั่นลุยไล่ล่าคนร้ายตรงๆ ซึ่งตัวนักแสดงซอ จี-ฮเย ก็เล่นได้เท่มากๆ คิวบู๊ต่างๆ ดูลื่นไหล และเนื้อเรื่องส่วนนี้ยังมีความรุนแรงสูงมากอีกด้วย

ในด้านโปรดักชั่นต้องบอกว่าพอลงแอปเปิลแล้วหายห่วงจริงๆ ภาพในเรื่องนี้คมชัดแบบสุดๆ แถมยังลงทุนทำฉากต่างๆ ได้อย่างสมจริง ในส่วนของไซไฟทั้งอุปกรณ์การทดลองต่างๆ ดูเนี๊ยบมาก แม้เครื่องซิ้งสมองแบบพกพาจะติดโม้โอเว่อร์อยู่สักหน่อยตามเรื่องที่มาจากเว็บตูน แต่ก็ทำให้คนดูพอเชื่อตามได้ และในส่วนของ CG เรื่องนี้ถูกนำมาใช้เยอะมาก เพราะต้องมีฉากที่เกี่ยวกับภาพหลอนล้ำๆ ปรากฎต่อหน้าพระเอกเหมือนจริงจนเขาแยกไม่ออก รวมถึงโลกในความทรงจำที่บางครั้งก็ดูกึ่งไซไฟแบบที่ต้องใช้ CG มาร่วมด้วย ซึ่งถ้าไม่ใช่งานสร้างของแอปเปิลก็คงไม่มีทุนพอทำได้เนี๊ยบแบบนี้แน่นอนครับ

จุดด้อยของเรื่องก็คงเป็นปัญหาในช่วงแรกที่อัดเรื่องไซไฟมาแน่นรัวๆ จนเกินไป กับพวกทฤษฏีการซิ้งสมองต่อสู้กันในสมองช่วงหลังที่เรื่องค่อนข้างรวบรัดจู่ๆ พระเอกก็คิดทางออกได้ง่ายๆ ซึ่งการที่เรื่องมาจากเว็บตูนก็คงไม่ได้ตั้งใจวางหลักวิทยาศาสตร์ไว้แน่นๆ พอมาเป็นซีรีส์ที่ดูจริงจังกว่า จุดนี้ก็เลยเหมือนเป็นจุดอ่อนของเรื่องด้านขาดเหตุผลรองรับมากไป จนทำให้ช่วงท้ายดูเป็นแนวการ์ตูนจ๋าไปเลย ผิดกับช่วงเริ่มต้นที่ปูมาแบบซีเรียสจริงจังในหลักทฤษฏีวิทยาศาสตร์มาก

และอีกจุดที่อาจจะมองว่าขาดหายไปก็ได้คือเรื่องดราม่ากับความรักในเรื่องนี้ไม่ค่อยบิ้วอารมณ์ได้มากเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับซีรีส์เกาหลีปกติ ในเรื่องจะเป็นการย้อนรอยความผิดพลาดที่พระเอกเคยไม่ใส่ครอบครัว เพราะเขาเป็นออทิสติกแบบหนึ่งที่ขาดความเห็นใจผู้อื่น เรียกว่าแสดงอารมณ์ไม่เป็น ไม่เข้าใจความรู้สึกคู่สนทนา ซึ่งตอนแรกถูกปูมาเหมือนมีความสำคัญมากกับเรื่อง แต่พอเรื่องดำเนินไปก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าพระเอกจะเป็นแบบที่ว่า เพราะเขาก็เริ่มรู้สึกโหยหาภรรยากับลูกที่เสียไปตรงๆ แต่ซีรีส์ก็ไม่ได้ตั้งใจขายจุดนี้มากพอ ไปเน้นด้านการสืบสวนแบบไซไฟมากกว่า ผู้ชมก็เลยไม่ได้มีอารมณ์ร่วมตรงนี้ตามไปด้วย

ลายเส้นต้นฉบับเว็บตูน

ซีรีส์ Dr. Brain จบซีซั่นแรกแบบเคลียร์ปมทุกอย่างหมด ก่อนที่ฉากสุดท้ายจะเปิดปมใหม่ขึ้นมาแล้วก็ตัดจบแบบค้างคาไปเลย ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีต่อ เพราะซีรีส์ที่ลงในแอเปิลทีผ่านมาได้ทำต่อครบทุกเรื่อง เหมือนเป็นงานสร้างที่ดีลกันล่วงหน้าแล้วว่ายังไงก็ได้ทำต่อจนจบแน่ๆ ผู้ชมที่ติดตามก็ไม่ต้องห่วงได้ดูซีซั่น 2 กันแน่นอนครับ และจากจำนวนตอนในเว็บตูนที่ยาวมากก็น่าจะมีอีกหลายซีซั่นถึงจะจบด้วยครับ

 

ติดตามอ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์ใน Apple TV+ คลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!