รีวิว ELITE SS5 โครงเรื่องใหม่ ดีกว่า 4 แต่ยังสู้ 3 ภาคแรกไม่ได้ (ไม่มีสปอยล์)
ELITE SS5
สรุป
ภาคใหม่ที่ทลายกฎโครงสร้างเรื่องสูตรเดิมออกไปเกือบหมด เส้นเรื่องอาชญากรรมมี 2 คดีเชื่อมต่อกัน และก็ไม่ได้ถูกเล่าย้อนกลับให้ทุกตัวละครมาชนกันแบบเดิมอีกแล้ว ซึ่งก็ยังทำได้น่าติดตามพอสมควร เส้นเรื่องรักก็แตกออกเป็นคู่ๆ แยกเส้นเรื่องกันไปหมด โดยเป็นภาคที่จะปิดจบความสัมพันธ์จากภาคก่อนให้เคลียร์กันทุกคู่ และจบลงแบบเคลียร์ในตัวได้เกือบหมดทั้งเรื่องรักกับอาชญากรรม แต่ก็ยังเปิดทางให้ทำต่อได้อีกเช่นกัน ถือว่าเป็นภาคที่ทำออกมาดีกว่าภาค 4 แต่ก็ยังไม่ถึงกับดีเท่ากับไตรภาคแรก ใครที่ยังเป็นแฟนซีรีส์นี้ก็ยังสนุกได้อยู่ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- เปลี่ยนโครงสร้างการเล่าเรื่องแบบเดิมออกเกือบหมด
- คาเยยังสวยต่อเนื่องและบทเด่นเหมือนภาค 4
- บทของตัวละครใหม่อีวานออกมาดีมาก นักแสดงมีเสน่ห์มากด้วย
- มีบทของผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องกับความรักของเด็กวัยรุ่นครั้งแรก
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทของตัวละครเก่าหลายคนแทบไม่มีอะไรจะเล่าแล้วก็ยังต้องใส่มาทำให้เรื่องดูยืดๆ
- อาริยังดูน่ารำคาญไม่ค่อยมีเสน่ห์เหมือนเดิม
- บทตัวละครหญิงคนใหม่ไม่ค่อยน่าสนใจ ดูกลวงๆ
- เรื่องราวช่วงท้ายจบลงแบบรวบๆ เร็วไปนิด
เล่ห์ร้ายเกมไฮโซ ELITE SS5 ซีซั่นนี้เป็นเรื่องของการปลดปล่อย การให้อภัย สลายโครงสร้างเรื่องเดิมออกหมด มุ่งสู่ทิศทางเรื่องใหม่ แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวปัญหาความรักวัยรุ่นกับอาชญากรรมลึกลับที่เกิดขึ้นเช่นเดิม
ตัวอย่าง ELITE SS5
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้มาไกลจากจุดกำเนิดมาก และก็ยังได้รับความนิยมสูงมากพอจนทำต่อมาได้เรื่อยๆ แม้ตัวละครจาก 3 ภาคแรกที่คนดูชื่นชอบจะค่อยๆ โบกมือลาจบบทบาทลงไปหลายคน (เป็นการเลิกแสดงเองส่วนใหญ่ ไม่ใช่การถูกตัดบท) ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็คิดว่ามันน่าจะจบลงที่ซีซั่น 3 ได้แล้วเพราะลงตัวมากทุกอย่าง ถือเป็นซีรีส์ชุดไตรภาคที่จบดีมากเรื่องหนึ่งเลย แต่กลายเป็นว่าพอทำต่อซีซั่น 4 เรื่องราวก็เหมือนไม่เปลี่ยนไป ด้วยการใช้สูตรโครงเรื่องเดิมๆ ทุกอย่าง เปลี่ยนแค่ตัวละครมาใหม่เท่านั้น ซึ่งซีซั่น 4 เหมือนเป็นจุดเริ่มสตาร์ทเรื่องใหม่กับกลุ่มตัวละครใหม่ แต่ก็ยังดูไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนัก ตัวแม่แบกเรื่องอย่างคลาร่าก็จบบทบาทไปก่อน แล้วมาดันคาเยขึ้นมาแทนในซีซั่นที่แล้วกับเจ้าชายสเปนที่มาใหม่ ซึ่งก็สำเร็จระดับหนึ่งเพราะกลายเป็นเรื่องราวที่ดูดีสุดในซีซั่นที่แล้ว และก็จบลงแบบผิดคาดพอสมควร ซึ่งมาในซีซั่น 5 นี้ผู้สร้างพยายามปรับทิศทางโครงสร้างเรื่องใหม่ ไม่เอาแล้วกับรูปแบบเดิมๆ ที่เปิดมามีคนตายแล้วเล่าเรื่องจากตำรวจสอบสวนย้อนหลังทุกตัวละครมาชนกันในตอนจบ ซึ่งการรีโครงสร้างเรื่องใหม่นี้ก็เป็นธีมของซีซั่นนี้ด้วยคือความอิสระไร้กฎเกณฑ์ และก็มีความสดใหม่ขึ้นมานิดๆ ชวนให้กลับมาน่าติดตามได้เหมือนกัน
ด้วยความที่การเล่าเรื่องถูกรื้อใหม่ไม่เอาแล้วกับแพทเทิร์นเดิมๆ ตัวเรื่องภาคนี้จึงกลายเป็นหลายเรื่องย่อยๆ ที่ไม่เกี่ยวกัน แต่ผู้สร้างก็ยังทิ้งเอกลักษณ์การสอบสวนว่าใครคือคนร้ายไว้นิดๆ ตั้งแต่ตอนแรก แต่ก็ไม่ใช่การย้อนไปบรรจบกันในตอนท้ายเหมือนเก่าอีกแล้ว เพราะเรื่องราวอาชญากรรมครั้งนี้ต่อเนื่องจากซีซั่นก่อนที่ซามูเอล เรเบล กุซมาน ซ่อนศพไว้ในทะเลสาบ ซึ่งตรงนี้ถูกนำกลับมาเล่าใหม่อีกครั้งในครึ่งแรก 4 ตอน โดยเอาปมนี้มาต่อยอดไปปมฆาตกรรมครั้งใหม่ใน 4 ตอนหลัง โดยมีจุดสำคัญที่ล่อหลอกให้คนดูติดตามได้ดีเลยคือ 1 ในตัวละครดั้งเดิมจะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกฆาตกรรมในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าผู้สร้างกล้ามากที่ฉีกแนวเอาตัวละครเดิมมาตาย กลายเป็นโรงเรียนนี้เหมือนโรงเรียนต้องสาปมีคนตายทุกปีจนได้ แอบนับถือในความพยายามของคนเขียนบทเลยที่ผูกปมเรื่องราววัยรุ่นมั่วยาปาร์ตี้เซ็กส์เข้ากับคดีฆาตกรรมได้ตลอด ซึ่งถ้าใครยังชอบจุดขายนี้ของ ELITE ก็ถือว่ายังผู้สร้างซื้อความน่าสนใจกลับมาได้พอสมควร แต่อาจจะไม่ถึงกับดีมากเท่า 3 ภาคแรกแค่นั้น (แต่ก็ดีกว่าภาค 4)
ภาคนี้เรื่องราวความรักของแต่ละคนจะแตกแยกเส้นเรื่องออกไปไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว และก็ไม่ได้ผูกเป็นปมเข้ากับอาชญากรรมในเรื่องมากแบบภาคก่อนๆ โดยคู่หลักของเรื่องจะเป็นซามูเอลกับอาริที่กลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง โดยมีพ่อ ผอ. คนใหม่คอยช่วยหนุนดันซามูเอลตลอด ตัวเรื่องผูกความสัมพันธ์นี้ให้เขาเหมือนกับพ่อคนหนึ่งที่ซามูเอลไม่มี และก็เป็นความหวังที่จะก้าวขึ้นมามีอนาคตสดใสจากฐานะยากจนที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งบอกตรงๆ ผู้เขียนไม่ชอบตัวละครอาริมาตั้งแต่ภาคก่อนแล้ว เพราะเป็นตัวละครที่เหมือนสาวใจแตกจนไม่มีเสน่ห์สักเท่าไหร่ แต่ผู้สร้างก็เหมือนจะตั้งใจวางให้ตัวละครนี้ยังแย่ๆ ต่อไป ก็เพื่อให้มีปมร้าวฉานกับซามูเอลในภายหลัง แต่ในส่วนของซามูเอลกับพ่อของอาริอันนี้คือบทวางไว้ดีมาก เป็นแนวความไว้ใจ การทรยศหักหลัง ที่จะกลายเป็นไคลแม็กซ์สุดท้ายของซีซั่นนี้ด้วยครับ
เส้นเรื่องความรักรองต่อมาคือเจ้าชายฟิลลิปกับคาเยที่บทเหมือนจะจบลงไปแล้วในภาคก่อน แต่ในภาคพิเศษก่อนเข้าซีซั่นนี้จะเป็นเรื่องราวที่เจ้าชายพยายามหาทางกลับมาขอตืนดีกับคาเย ตรงนี้คนดูต้องดูก่อนถึงจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด เพราะมีตัวละครเปิดตัวภาคพิเศษตรงนั้นด้วย และก็จะมีบทบาทสำคัญในช่วงท้ายซีซั่นนี้อีกที ซึ่งตัวเรื่องก็จะเป็นแนวการให้อภัย ปลดปล่อย การเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเหมือนเป็นธีมตรงข้ามกับไตรภาคแรกที่ตัวผู้ร้ายในเรื่องไม่มีโอกาสได้รับการให้อภัย แต่มาคราวนี้เจ้าชายที่ทำพลาดไปกลายผู้ร้ายในสายตาคนทั้งโรงเรียน เขากลายเป็นตัวละครที่มาในแนวเดียวกันกับไตรภาคแรก แม้ความผิดเบากว่าแต่ก็ตกนรกแบบเดียวกัน แล้วมีเพียงคาเยที่จะช่วยเขาได้ เรื่องเลยกลายเป็นความพยายามช่วยเจ้าชายกับลุ้นว่าคาเยจะกลับไปลงเอยกับเขาอีกหรือไม่ ในเมื่อเธอก็ยังมีเยื่อใยกับเขาอยู่ โดยมีตัวละครใหม่เสริมเข้ามาเป็นรักสามเส้าเพิ่มอีกคนคือ อิซาดอร่า (รับบทโดย Valentina Zenere) ที่มาในลักษณะติ่งเจ้าชาย สาวไฮโซรวย ชอบเล่นยา แต่เธอก็ไม่ได้เป็นบทเด่นมากในเรื่องรัก แค่ถูกวางไว้เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของเจ้าชายกับคาเย ซึ่งภาคนี้จะเป็นภาคสรุปเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดของเจ้าชายกับคาเยโดยสมบูรณ์ และก็เหมือนคาเยจะลาบทบาทนี้ไปอีกคน ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อยเพราะเธอสวยเด่นและตัวบทเด่นมาก คือไม่น่าเชื่อเลยว่าทีมเขียนบทปั้นจากตัวรองในไตรภาคแรกกลายมาเป็นนางเอกหลักของภาค 3-4 ได้แบบที่เป็นอยู่
คู่รองที่สำคัญต่อมาคือแพทริคกับตัวละครใหม่ “อีวาน” (รับบทโดย André Lamoglia) เป็นลูกชายนักฟุตบอลดังระดับโลก เรื่องราวของคู่นี้จะเป็นแนวการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวละครใหม่ ซึ่งเขาประกาศเลยว่าไม่ใช่เกย์แม้แพททริกจะชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มาในแบบเพื่อนชายใกล้ชิดสนิทกันมาก แต่ไม่มีอะไรเกินเลย ซึ่งทำให้แพททริกยิ่งเหมือนชอบเขามากขึ้นไปอีกจนถลำลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่อีวานเองกลับไปชอบอาริแบบคลั่งไคล้มาก อาริเองก็ติดนิสัยแรดๆ แบบเดิมทำให้กลายเป็นปัญหาพัวพันหลายเส้าในเวลาต่อมา เท่านั้นยังไม่พอ พ่อของอีวานก็ยังเข้ามามีบทบาทในรักครั้งนี้อีก กลายเป็นครั้งแรกเลยที่ซีรีส์เริ่มขยายขอบเขตเนื้อหาความรักไปยังตัวละครผู้ใหญ่กลายเป็นรักข้ามรุ่นที่ช่วยทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจมากขึ้นกว่ามุมมองความรักแบบเด็กๆ ในแบบที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องก็ทำส่วนตรงนี้ได้ดีมากทีเดียว กลายเป็นเนื้อเรื่องแพททริกกับอีวานคือสีสันที่น่าสนใจต้นๆ ของภาคนี้เลย (แต่จะเป็นแนวเกย์มากกว่ารักชายหญิงเท่านั้น)
คู่สุดท้ายคือเรเบกับเมนเซีย ที่ยังเล่นเรื่องราวต่อจากภาคก่อนที่ทั้งคู่แยกทางกัน ในภาคนี้ก็คือความพยายามกลับมาหากันของทั้งคู่ เป็นแนวความรักแบบที่ไม่ต้องการเปิดเผยของเมนเซีย ต่างกับเรเบที่ต้องการคนเอาใจใส่เปิดตัวในฐานะแฟนจริงจัง ซึ่งเมนเซียยังไม่สามารถให้ตรงนี้ได้ เรื่องราวของคู่นี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก ออกจะจืดๆ วนเวียนไปมาไม่ไปไหน และก็ไม่มีฉากเร่าร้อนอะไรให้ดูเลยด้วย แต่บทก็ต้องการผูกความสัมพันธ์ของคู่นี้ไว้เพื่อใช้กับเมนเรื่องหลักอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในตอนหลัง
ภาค 5 นี้จบลงแบบค่อนข้างจะเคลียร์หมดในตัวแล้ว โดยเอาปมปัญหาจากภาคที่แล้วมาเคลียร์ในภาคนี้จนเกือบหมดด้วย ตอนท้ายเป็นการจบแบบจบเลยก็ได้ หรือจะขึ้นซีซั่น 6 ใหม่ก็ได้เช่นกัน ผู้สร้างเปิดกว้างให้โครงสร้างบทพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าภาคก่อนๆ ทำให้ต่อจากนี้จะขึ้นตัวละครชุดใหม่เลยก็ยังได้ (อัพเดท Netflix ประกาศทำซีซั่น 6 ไปแล้วกับกลุ่มตัวใหม่เพิ่มมาอีกหลายคน) แต่ก็ต้องดูว่าจะเหลือตัวละครชุดแรกอีกกี่คนที่ยังเล่นต่อ และปัญหาการเรียนไม่เคยจบสักทีของเรื่องก็ทำให้ประหลาดพอสมควรที่จะยื้อตัวละครเก่าๆ ไว้ซ้ำชั้นทุกปีเรื่อยๆ ครับ