playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Euphoria (HBO) ดื่มด่ำไปกับโลกเน่าหนอนฟอนเฟะของวัยรุ่น Gen Z (ไม่สปอยล์)

Euphoria

สรุป

Euphoria เป็นซีรีส์ที่โดดเด่นแปลกตาไปกับเรื่องราวชีวิตด้านมืดของวัยรุ่น Gen Z  ที่ตัวบทไม่เพ้อฝันปรุงแต่งอะไรมาก แต่ใช้จินตนาการงานภาพมุมมองใหม่เป็นตัวปรุงรสให้มีสีสันตลอดเวลา แต่ตัวเรื่องต้องใช้การทำความเข้าใจมากพอสมควร เพราะเรื่องราวมีความแปลกและก็ไม่ได้อธิบายออกมาตรงๆ ทั้งหมด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรุนแรงในเรื่อง SEX ภาษา ยาเสพติด อาชญากรรม แบบโชว์ให้เห็นกันจะๆ จนตัวเรื่องจัดอยู่ในหมวดไม่เหมาะกับผู้ชมอายุต่ำกว่า 21 ปี และก็เป็นซีรีส์ชีวิตวัยรุ่นที่อาจจะเรียกว่าแรงที่สุดเท่าที่เคยมีทำมาเลยก็ว่าได้ครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • งานภาพที่เต็มไปด้วยจินตนาการสวยแปลกตา อีกทั้งยังถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้มากกว่าที่นักแสดงจะสื่อออกมาได้หมด
  • เรื่องราวด้านมืดสุดขั้วของวัยรุ่น
  • เล่าเรื่องที่มาที่ไปของทุกตัวละครก่อนจะเหลวแหลกให้คนดูเข้าใจและเห็นใจได้ทุกตัวละคร
  • ดนตรีประกอบติดหูเข้ากับอารมณ์ในฉากได้อย่างเหมาะเจาะ
  • นางเอกรับบทหลากหลายแบบมากในเรื่องไม่ใช่แค่โลกของวัยรุ่น
  • ความรักที่ซับซ้อนหลายรูปแบบมากกว่าปกติมาก
  • คดีอาชญากรรมที่ซ่อนในเรื่องราวชีวิตวัยรุ่น
  • ทุกตัวละครมีตอนหลักเป็นเรื่องราวของตัวเอง
  • นักแสดงทุกคนเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

Cons

  • ความรุนแรงในเรื่องสูงทุกด้านจนไม่แนะนำให้ผู้ชมอายุน้อยดู
  • เรื่องต้องมีการตีความทำความเข้าใจกันพอสมควรในบางจุดที่คลุมเคลือ
  • การเล่าเรื่องรวมตัวละครก่อนมาต่อกันภายหลังอาจจะทำให้งุนงงได้บ้าง
  • ตอนจบค่อนข้างแปลกจนเหมือนเพ้อฝัน และก็ไม่ได้ปิดเรื่องราวลงทั้งหมด (มีต่อ SS2)
  • เป็นสังคมวัยรุ่นด้านมืดของอเมริกาโดยเฉพาะ ผู้ชมที่อื่นอาจจะรู้สึกว่าเกินจริงไปบ้าง
  • มีฉากโชว์อวัยวะเพศชายบ่อย แถมซูมเน้นให้เห็นชัดๆ จนผู้ชายดูแล้วอาจจะกระอักกระอ่วนใจ

Euphoria ยูฟอเรีย ซีรีส์แนวดราม่าวัยรุ่นของ HBO ที่พาคุณเข้าสู่โลกของคนรุ่นใหม่ Gen Z ในอเมริกาที่เต็มไปด้วยความเหลวแหลกซับซ้อนทางอารมณ์เกินจินตนาการ นำโดย Zendaya นางเอกดังจากสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นล่าสุด!
 Euphoria (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง Euphoria (HBO)

บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาจุดสำคัญ

ซีรีส์ HBO ที่แปลกใหม่และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในปี 2019 ด้วยการพาผู้ชมลงไปสำรวจโลกด้านมืดของวัยรุ่นในยุคปัจจุบันของอเมริกา (ที่อื่นน่าจะยังไม่ขนาดนี้ แต่ก็คงมีส่วนใกล้เคียงบ้าง) ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวซับซ้อนวุ่นวายเละเทะกับชีวิตจนแทบเกินเยียวยา ซึ่งผู้ชมที่ไม่ใช่คนใน Gen Z คงอึ้งไปเหมือนกันกับเรื่องราวที่จำลองมาจากสังคมสภาพแวดล้อมจริงในยุคปัจจุบัน ที่เด็กวัยรุ่น Gen Z โตมากับเทคโนโลยี แนวคิด การใช้ชีวิตในโลกใหม่ที่ต่างไปจากคนยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง

ชื่อเรื่อง “ยูฟอเรีย” กับความหมายที่ว่า “ภาวะเคลิบเคลิ้มเป็นสุข” ถูกใช้เป็นคำจำกัดความอธิบายเรื่องราวชีวิตของทุกตัวละครในเรื่องนี้ ที่ทุกคนจะตกอยู่ในภาวะเสพสุขจากสิ่งที่ตัวเองหลงไหลเสพติดอยู่ ในเรื่องเริ่มจากตัวเอก “Rue (รู)” ที่เล่นโดย Zendaya เป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมด โดยเธอเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำจนกลายมาเป็นคนติดยาอย่างหนักขนาดเฉียดตายมาก่อน เมื่อเธอได้กลับไปเรียนก็พบเจอกับนักเรียนใหม่ “จูลส์” ที่รูปร่างหน้าตาดี แต่งตัวด้วยแฟชั่นล้ำๆ โดดเด่นเตะตา แต่จูลส์กลับประหลาดเกินไปจนเป็นคนที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ และก็มีชีวิตส่วนตัวเป็นพวกสำส่อน หมกมุ่นกับการใช้แอพหาคู่นอนไปทั่ว แต่ทั้งสองคนก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ช่วยเยียวยาปมปัญหาของกันและกัน แต่กลายเป็นว่าความผูกพันนั้นกลับทำให้ทั้งคู่กลับถลำลึกลงไปในเส้นทางมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งเรื่องราวของทั้งสองคนนี้จะเป็นเส้นหลักของเรื่องที่ค่อยๆ ไปเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่น ตัวนางเอกจะเล่าเรื่องในแต่ละตอนถึงตัวละครหลักทั้ง 7 คนรวมถึงตัวเอง (ซีรีส์มี 8 ตอนจบ) ซึ่งแต่ละคนก็มีปัญหาหลงไหลเสพสุขในเรื่องต่างกัน อย่าง สาวอ้วนที่ถูกเพื่อนยุให้เสียตัวครั้งแรก ต่อมาก็กลายเป็นสาวเปิดวิวขายเนื้อหนังใน Pornhub ให้ผู้ชายวิตถารได้ช่วยตัวเองแลกกับเงิน Bitcoin หรือสาวรูปร่างหน้าตาดีที่เติบโตมาแบบไม่มีเป้าหมายในชีวิตว่าเรียนไปเพื่ออะไร ขอเพียงเกาะผู้ชายที่หมายตาไว้ให้ได้เท่านั้น และไม่ใช่แค่เรื่องราวของผู้หญิง แต่ยังรวมไปถึงฝั่งผู้ชายที่หมกหมุ่นกับเรื่อง SEX รูปร่างหน้าตา ความคาดหวังของพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกสมบูรณ์แบบในเส้นทางที่กำหนด จนกลายเป็นปมปัญหาชีวิตเมื่อทำไม่ได้ และไม่รู้ว่าชีวิตจะไปต่อยังไงในเส้นทางอื่น จนบางคนหลงทางไปก่ออาชญากรรมโดยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความผิด และตรงนี้ก็เป็นเส้นเรื่องหลักอีกด้านของตัวละครนำฝ่ายชาย “เนต” (รับบทโดย Jacob Elordi) ซึ่งมีปมหลายอย่างในชีวิตจนบุคลิกค่อยๆ ผันแปรไปเป็นอาชญากรตัวร้ายของเรื่องที่น่าติดตามมาก (แต่น่าเสียดายนิดๆ ที่เรื่องราวส่วนนี้ไม่ได้จบลงในซีซั่นนี้)

ตัวละครในเรื่องนี้ต่างใช้ชีวิตเสพสุขอยู่กับปัจจุบันโดยไม่สนใจอนาคตใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องราวในซีรีส์จะตีแผ่ความเหลวแหลกทุกแบบออกมาสุดขั้ว และก็แสดงให้เห็นที่มาแรงจูงใจทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่แค่ปมปัญหาครอบครัวไม่อบอุ่นแบบยุคเก่า แต่เป็นปมปัญหาใหม่ๆ อย่างพวกอาการทางจิตเวชเช่น ย้ำคิดย้ำทำ ซึมเศร้า ไบโพลาร์ ความเบี่ยงเบนทางเพศ การเสพติดโลกออนไลน์ ซึ่งพ่อแม่หรือคนในยุคก่อนคงยากที่จะเข้าใจหรือตามทันได้เลย ซึ่งตัวเรื่องก็เหมาะกับให้ผู้ใหญ่มาดูเพื่อทำความเข้าใจปมปัญหาเหล่านี้ว่ามันซับซ้อนขนาดไหนเช่นกัน

นอกจากเรื่องราวจะเป็นโลกสมัยใหม่ของ Gen Z แล้ว ตัวเรื่องยังโชว์เนื้อหนังมังสาทั้งหญิงชายกันจะๆ แบบไม่มีหลบมุมกล้องหรือเห็นแค่แวบๆ อะไรแบบนี้เลย โดยเฉพาะฝั่งผู้ชายที่โชว์เจ้าโลกแกว่งกันไปทั่วฉาก แถมยังซูมเน้นกันอีกต่างหาก พร้อมกับฉาก SEX ที่ใส่มาทุกตอนหลายฉากด้วย ซึ่งทุกตอนมีคำเตือนก่อนเข้าเรื่องแล้วว่าไม่แนะนำให้ผู้ชมอายุต่ำกว่า 21 ดูเพราะเรื่องราวเต็มไปด้วย ความรุนแรงกับ SEX แต่ผู้สร้างก็ไม่ได้ใส่พวกเรื่องอย่างว่ามาโดยไร้เหตุผล แต่มีเพื่อประกอบเรื่องราวให้สมจริง และขับเคลื่อนเรื่องราวไปยังจุดหมายสุดท้ายของชีวิตตัวละครในเรื่อง ซึ่งเป็นความรักที่ซับซ้อนแปลกใหม่หลายอย่างมากของวัยรุ่นในยุคนี้  และก็จบลงแบบไม่สวยงามอะไรนักในแต่ละคน แต่ก็สมจริงตามเรื่องราวที่ผู้สร้างต้องการให้เห็นมากกว่าบทละครฟินจิกหมอนให้พระเอกนางเอกสมหวังอะไรแบบนั้น ซึ่งมีพลังสานต่อให้คนคิดติดค้างในหัวต่อไปมากกว่าจบแบบฟินๆ เพราะตัวเรื่องถือว่าดาร์คมากเลยทีเดียวในแต่ละปมปัญหาที่ดูแล้วแทบไร้ทางออกดีๆ ได้เลย

แม้เรื่องราวจะเอาความเหลวแหลกของสังคม Gen Z มานำหน้า แต่สิ่งที่โดดเด่นเกินหน้าสตอรี่ในเรื่องก็คือ “งานภาพที่สวยแปลกโดดเด่นตระการตา” ซึ่งถูกนำเสนอควบคู่ไปกับเรื่องราวเคลิบเคลิ้ม เพ้อฝันไปกับ จินตนาการของวัยรุ่นในเรื่องได้อย่างสวยงาม และเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ลึกๆ ที่อยู่ภายในช่วงเวลานั้น ซึ่งนักแสดงเองก็ไม่อาจจะสื่อออกมาให้คนดูเข้าใจได้ทั้งหมด งานภาพในเรื่องนี้จึงกลายเป็นตัวบอกเล่าอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเพิ่มขึ้นอีกระดับ ทำให้คนดูได้ดำดิ่งเข้าไปในโลกของตัวละครลึกมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ถึงขั้นมาสเตอร์พีชในเรื่องราว แต่งานภาพนี่ต้องยกให้เลยว่าเต็ม 10 แบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้นครับ

ตัวนักแสดง Zendaya แม้ไม่ได้สวยอะไรนักและก็ยังเล่นในบทคล้ายๆ กับตอนที่เล่นเป็นนางเอกสไปเดอร์แมนเหมือนเดิม แต่เพิ่มความลึกว่ามาก ซึ่งเธอก็เป็นตัวนำเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่มีที่ติ โดยเธอต้องรับบทแทบทุกอย่างในเรื่องไปจนถึงฉากจินตนาการเพ้อหลุดโลกจากทั้งการเล่นยาและความคิดแปลกๆ ของเธอเอง ซึ่งจะถูกสมมุติเป็นหนังแนวอื่นนอกเหนือจากโลกของวัยรุ่นปกติในเรื่อง แต่ตัว Zendaya ไม่ได้ถึงขนาดลงทุนเปลือยกายอะไรในเรื่องมาก ซึ่งก็อาจจะเพราะตัวบทเธอไม่ได้เป็นพวกเซ็กส์ซินโดรมก็ด้วย แต่กับคนอื่นนี่หวือหวากันสุดๆ โดยเฉพาะจูลส์ ที่รับบทโดยนักแสดงสาว Hunter Schafer ซึ่งเล่นเรื่องนี้เป็นครั้งแรก (ก่อนนี้เป็นนางแบบแฟชั่นโชว์) เธอเล่นได้อย่างมีเสน่ห์แบบสาวน้อยพึ่งโตแต่กร้านโลกเกินวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติของ Gen Z ซึ่งในตัวจูลส์เองก็มีความลับที่ซ่อนอยู่ แต่ในเรื่องไม่ได้บอกชี้ชัดลงไปมากมาย ซึ่งเป็นความตั้งใจของทีมสร้างให้ตัวละครนี้ดูคลุมเคลือนิดๆ แต่ก็ไม่ถึงขนาดปิดบังไม่บอกครับ (อ่านได้ในสปอยล์)

จูลส์เป็น หญิงข้ามเพศ หรือ ทรานส์เจนเดอร์ (Transgender) โดยการกินยาปรับฮอร์โมน โดยได้พ่อเป็นคนสนับสนุนให้เธอได้ใช้ชีวิตตรงกับเพศที่เธอต้องการเลือก ในขณะที่แม่ไม่เข้าใจและคิดว่าเธอเป็นโรคจิตจนส่งตัวเข้าบำบัดในโรงพยาบาลจิตเวช

Euphoria เป็นซีรีส์ที่โดดเด่นแปลกตาไปกับเรื่องราวชีวิตด้านมืดของวัยรุ่น Gen Z  ที่ตัวบทไม่เพ้อฝันปรุงแต่งอะไรมาก แต่ใช้จินตนาการงานภาพมุมมองใหม่เป็นตัวปรุงรสให้มีสีสันตลอดเวลา แต่ตัวเรื่องต้องใช้การทำความเข้าใจมากพอสมควร เพราะเรื่องราวมีความแปลกและก็ไม่ได้อธิบายออกมาตรงๆ ทั้งหมด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรุนแรงในเรื่อง SEX ภาษา ยาเสพติด อาชญากรรม แบบโชว์ให้เห็นกันจะๆ จนตัวเรื่องจัดอยู่ในหมวดไม่เหมาะกับผู้ชมอายุต่ำกว่า 21 ปี และก็เป็นซีรีส์ชีวิตวัยรุ่นที่อาจจะเรียกว่าแรงที่สุดเท่าที่เคยมีทำมาเลยก็ว่าได้ครับ

อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นของ HBO คลิกที่นี่

ถ้าใครชอบยูฟอเรีย แนะนำซีรีส์ที่เหมือนคู่แฝดกันของ Netflix เรื่อง Dare Me ตามลิ้งด้านล่างเลยครับ ความแรงอาจจะไม่เท่า แต่สไตล์การเดินเรื่องมีความคล้ายกันมากครับ

รีวิวซีรีส์ Dare Me ความหลงรักที่นำไปสู่ความระทึกขวัญ ผ่านโลกไฮสคูลเชียร์ลีดเดอร์ (ไม่สปอยล์)

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!