รีวิว Exterritorial (Netflix) ไล่ล่าในพื้นที่ปิด+ลองเทคสมจริงที่จะทำให้คุณหายใจไม่ทั่วท้อง

Exterritorial พลิกแผนลับลวงระทึก ภาพยนตร์ Netflix จากเยอรมนี แนวแอ็กชั่น-ทริลเลอร์ มีพากย์ไทย นำเสนอเรื่องราวของอดีตทหารหญิงหน่วยรบพิเศษผู้ออกตามหาลูกชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับภายในสถานกงสุลสหรัฐฯ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจกฎหมายของประเทศเจ้าบ้าน

รีวิว Exterritorial (ไม่สปอยล์)

ในยุคที่หนังแอ็กชั่นนำโดยตัวเอกหญิงมักถูกสร้างให้เป็นฮีโร่เหนือมนุษย์ตามแบบฉบับจอห์น วิค หรือเทคเคน หนังกลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง ตัวเอกอย่างซาร่าแม้จะมีพื้นฐานเป็นอดีตทหารหน่วยพิเศษที่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มข้น แต่ภาพยนตร์ไม่ได้นำเสนอเธอในฐานะวีรสตรีผู้ไร้ที่ติ กลับเน้นความสมจริงทั้งในด้านเรื่องราวและฉากปะทะ สะท้อนสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก

ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยความชาญฉลาด ผ่านฉากสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นปมในอดีตของซาร่า—ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากภารกิจในอัฟกานิสถาน—พร้อมทั้งเผยให้เห็นความบอบช้ำทางจิตใจที่ทำให้เธอหลอนและตอบโต้ผู้คนรอบข้างอย่างรุนแรง จากนั้นเรื่องราวจึงเคลื่อนสู่สถานกงสุลสหรัฐฯ ที่ซาร่าและลูกชายเตรียมย้ายไปทำงานใหม่ในอเมริกา แต่แล้วลูกชายคนเดียวของเธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยที่เจ้าหน้าที่ทุกคนในสถานกงสุลต่างปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นเธอพาใครมาด้วย

เรื่องราวดำเนินไปพร้อมกับภาพความทรงจำบางส่วนจากเหตุการณ์ในอัฟกานิสถานที่ค่อยๆ เผยให้เห็นความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมต้องตั้งคำถามตลอดเวลาว่า—นี่เป็นเพียงอาการประสาทหลอนของตัวเอก หรือลูกชายของเธอถูกลักพาตัวจริง?  โดยที่ตัวร้ายจริงๆ ในเรื่องก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน แม้ว่าโครงเรื่องแนวนี้จะพบเห็นได้บ่อย แต่ภาพยนตร์สร้างความลังเลให้ผู้ชมตลอดทั้งเรื่องด้วยการผสมผสานระหว่างภาพจริงและภาพหลอนอย่างแนบเนียน จนไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะมีการหักมุมในตอนท้ายหรือไม่

การไล่ล่าตัวซาร่าในสถานกงสุลยังซ่อนปมลึกลับที่เกี่ยวพันกับการเมืองระหว่างประเทศและตัวละครอื่นที่ติดอยู่ในสถานที่เดียวกัน ภาพยนตร์ใช้แนวคิดเรื่อง “exterritoriality” หรือเขตนอกอาณาเขตที่สถานกงสุลสหรัฐฯ ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายของเยอรมัน เปรียบเสมือนคุกพิเศษที่สามารถทำให้คนหายตัวได้โดยไร้การตรวจสอบ สร้างบรรยากาศตึงเครียดและน่าอึดอัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านฉากแอ็กชั่น แม้จะมีไม่มากเมื่อเทียบกับหนังแอ็กชั่นทั่วไป แต่ภาพยนตร์จัดวางไว้อย่างลงตัวในจังหวะที่เหมาะสม โดยไม่เน้นฉากยิงปืนซึ่งไม่เหมาะกับบริบทของสถานกงสุลที่การใช้อาวุธจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที ซาร่าต้องอาศัยวิธีการแบบสายลับ ลอบเร้นเข้าไปเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยการต่อสู้ประชิดตัวเท่านั้น

จุดเด่นของฉากต่อสู้ 3-4 ฉากในเรื่องคือการถ่ายทำแบบลองเทค (long take) ที่กล้องติดตามการเคลื่อนไหวในพื้นที่แคบอย่างน่าทึ่ง บางฉากอาจมีความท้าทายยิ่งกว่าในซีรีส์ “Adolescence” ที่เพิ่งโด่งดังไปไม่นาน ทั้งยังออกแบบท่าทางการต่อสู้ที่สมจริงทั้งบาดแผลและความไหลลื่นของการเคลื่อนไหว ซาร่าใช้เทคนิคการต่อสู้แบบทหารหญิงที่เน้นการฟันศอกและท่ากอดรัดโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ แทนที่จะใช้หมัด และแม้แต่เธอเองก็มีจังหวะพลาดท่าเสียที ทำให้ฉากเหล่านี้ดูสมจริงและสะท้อนความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ไม่ใช่ฮีโร่โม้โอเว่อร์เหนือความเป็นจริง แต่เป็นเพียงแม่ที่ต่อสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อค้นหาลูกในสถานที่ที่แทบไม่มีทางออกไปหรือกลับมาได้อีกแล้ว

โดยสรุป Exterritorial คือภาพยนตร์แอ็กชัน-ทริลเลอร์ที่แหวกแนวจากสูตรสำเร็จ ด้วยการเจาะลึกปมจิตใจของตัวละครที่ซับซ้อน ผสานกับปริศนาการหายตัวไปของลูกชาย และการตั้งคำถามต่อระบบอำนาจในโลกปัจจุบันที่มีสถานกงสุลเป็นเสมือนเขตแดนปิดตายที่ซ่อนความอยุติธรรม ฉากแอ็กชั่นที่ถ่ายทำแบบลองเทคด้วยการต่อสู้ประชิดตัวที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยไม่ทำให้ตัวเอกกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ แม้จะมีฉากปะทะไม่มาก แต่ก็ทดแทนด้วยความสมจริงและความระทึกที่ลึกซึ้งกว่า เป็นผลงานคุณภาพที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบหนังระทึกขวัญเชิงสืบสวนที่แฝงประเด็นสังคมและการเมืองไว้อย่างแยบยล คอหนังสายนี้ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่