รีวิว Extraction 2 คงมาตรฐานแอ็กชั่นสุดระห่ำไว้ได้ตามเดิมเป๊ะ!

Extraction 2 ภาคต่อหนังแอ็กชั่นสุดระห่ำของ Chris Hemsworth บน Netflix โดยยังได้ทีมงานเดิม ผู้กำกับ Sam Hargrave เขียนบทโดยพี่น้อง Russo เรื่องราวต่อจากตอนจบของภาคแรก ไทเลอร์รอดตายมาได้แบบปาฏิหาริย์ และได้รับภารกิจใหม่ช่วยตัวประกันจากคุกในประเทศจอร์เจีย ที่เกี่ยวพันกับอดีตภรรยาของเขา

รีวิว Extraction 2

ไม่ต้องเกริ่นนำอะไรมาก หนังยังคงอัดแน่นด้วยฉากแอ็กชั่น ระเบิดความมันส์ตามสไตล์เดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยเปิดตัวด้วยฉากแอ็กชั่นลองเทคการบุกเข้าไปช่วยตัวประกัน โดยฉากนี้กินเวลายาว 20 กว่านาที เป็นฉากแหกคุกท่ามกลางจราจลที่เกิดขึ้น โดยเป็นฉากบู๊ต่อสู้กับศัตรูที่ถาโถมเข้ามาด้วยอาวุธกับมือเปล่าส่วนใหญ่ มีการใช้ปืนไม่มาก ก่อนที่จะต่อกันนอกคุกด้วยฉากขับรถในป่าแล้วถูกแก๊งนักฆ่าตามมายิงถล่มอย่างสะใจ ก่อนต่อด้วยฉากบนรถไฟที่ต้องสู้กับเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ 2 ลำ ซึ่งทั้งหมดนี้คือฉากแอ็กชั่นลองเทคที่สมจริงและบ้าคลั่งสุดๆ เท่าที่โลกภาพยนตร์เคยทำออกมาแน่นอน แม้เราจะรู้ว่าไม่ใช่ลองเทคจริงทั้งหมดแน่ๆ แต่มันก็เนียนไร้รอยต่อจนจับผิดไม่ได้เลย โดยช่วงนี้คือฉากลองเทคเดียวของหนังเรื่องนี้ นอกจากนั้นแล้วก็เป็นฉากแอ็กชั่นยิงถล่มกันแบบปกติ แต่ไปเน้นเล่นใหญ่กลางเมืองบนตึกสูง ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วช่วงหลังๆ ความมันส์อาจจะดรอปลงบ้าง แต่รวมๆ นี่ก็คือหนังแอ็กชั่นที่มันส์มากๆ โดยมีรสชาติที่แตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆ ด้วย ซึ่งก็คงมาจากการแสดงของคริสที่เข้าถึงกับบทบาทนี้โดยเฉพาะ 

และในภาคนี้ยังเน้นให้มีทีมช่วยไทเลอร์มากกว่าภาค 1 โดยเป็นบทของ Nik กับ Yaz สองพี่น้องที่เป็นคนรับงานให้ไทเลอร์จากภาคแรก คราวนี้มาร่วมสู้ด้วยตั้งแต่แรกจนจบ และก็มีฝีมือเก่งกาจไม่แพ้กันเลย  ซึ่งการแบ่งให้มีฉากแอ็กชั่นของ 2 คนนี้เพิ่มเข้ามาก็ช่วยลดความโอเว่อร์ของตัวละครไทเลอร์ที่ภาคแรกลุยเดี่ยวจนดูเกินจริงไปมากด้วย

ส่วนเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็ยังเบาบางไม่มากเช่นเดิม แต่ก็มีเพิ่มปูมหลังชีวิตครอบครัวของไทเลอร์และบาดแผลในจิตใจที่ภาคแรกไม่ได้บอกไว้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้ไทเลอร์สู้แบบเหมือนตั้งใจฆ่าตัวตายแบบนั้น นอกจากนี้ก็มีบทของหลานไทเลอร์ที่กำลังสับสนว่าใครคือครอบครัวที่เขาควรอยู่ด้วยกันแน่  ซึ่งส่วนนี้แม้จะน้อยแต่ก็ไม่ใช่จุดด้อย เพราะนี่คือหนังที่ตั้งใจขายแอ็กชั่นล้วนๆ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ชมอยู่แล้ว

จุดด้อยของภาคนี้เป็นที่ความสมเหตุผลในช่วงหลังไม่มีเลย ตัวร้ายยกทีมบินมาจากจอร์เจียเข้าออสเตรเลียได้ง่ายๆ แถมขนอาวุธสงครามมาเต็มรถ มีกระทั่งเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธบินมายิงถล่มโรงแรมกลางเมือง โดยแทบไม่มีคนอยู่ในนั้น เหมือนโรงแรมร้าง ตำรวจออสเตรเลียก็โผล่มาแบบผ่านๆ ไม่มีประโยชน์กับเรื่อง แล้วยังมีฉากตัวร้ายไปตั้งแคมป์ จอดเครื่องบินทิ้งไว้แบบเปิดเผยอีก ทั้งๆ ที่ถูกตามล่าตัวทั้งประเทศขนาดนั้น ทำให้หนังขาดความสมเหตุผลจนไม่น่าเชื่อ เหลือแค่ดูเอามันส์เพียงอย่างเดียว

ตัวเรื่องยังมีตัวละครใหม่ที่แสดงโดย idris elba โผล่มาในตอนต้นเรื่องกับตอนจบเรื่อง เพื่อวางเนื้อเรื่องให้ไปต่อกันที่ภาค 3 และจากที่ Chris Hemsworth ให้สัมภาษณ์ว่าชอบบทนี้มากอยากเล่นเรื่อยๆ ก็ทำให้แน่ใจว่านี่คงเป็นแฟรนไชนส์ยาวๆ เกิน 3 ภาคแน่นอนครับ

Including other English reviews